15. คนที่เกี่ยวข้อง
“พี่ออกัส..ฟังน้องอยู่หรือเปล่าคะเนี่ย”
เอมม่าไม่ได้ยินเสียงพี่ชายพูดตอบมาจึงต้องถามย้ำ
“ฟังสิ..พี่ฟังอยู่” เขารีบตอบกลับไป
“พี่คงไม่ไปหลงเสน่ห์สาวไทยเหมือนกับที่พ่อของเราเคยหลงหรอกนะคะ”
เอมม่า พูดเตือนความทรงจำของพี่ชาย
“ไม่มีทาง..เธอก็รู้ไม่ใช่หรือว่าพี่มีซูซานแล้ว”
ออกัส บอกน้องสาวด้วยเสียงที่ค่อนข้างเบาหวิว
“แหม..น้องรู้หรอกค่ะว่าพี่มีซูซานเพียงคนเดียวเท่านั้น ยังไงน้องก็เชียร์ซูซานเพื่อนของน้องนั่นแหละค่ะ แต่ถ้าพี่คิดจะมีอะไรเล่น ๆ กับผู้หญิงไทยคนนั้นก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะเพียงแต่อย่าเผลอใจไปชอบเธอเข้าจริง ๆ ก็แล้วกัน”
“แล้วพอลล่ะเป็นไงบ้าง เขาดีกับเธอหรือเปล่า”
พี่ชายไม่อยากจะให้น้องสาวพูดถึงบุญญิสาให้เขาต้องรู้สึกอึดอัดใจจึงหันมาสนใจเรื่องของน้องสาว
“ฮึ!.พอลน่ะหรือคะน้องไม่อยากจะพูดเลย” เอมม่า มีน้ำเสียงหงุดหงิดขึ้นมา
“ทำไม..เขาทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า”
“เขาพูดถึงแต่ผู้หญิงไทยคนนั้นตลอดเลยค่ะ”
“ก็ปล่อยให้เขาพูดไปสิ ก็ได้แค่พูดเท่านั้นแหล่ะถ้าเขาไปพบบุญญิสาค่อยกลุ้มใจ” พี่ชายปลอบใจ
“พอลโกรธพี่ออกัสด้วยนะคะ เขาไม่พอใจที่พี่บังคับให้เขาพาน้องไปฝากท้อง” เอมม่าฟ้องพี่ชาย
“เขาไม่มีสิทธิที่จะโกรธด้วยซ้ำ..เพราะมันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องพาเธอไป”
“เขาโกรธที่พี่พาบุญญิสาไปเที่ยวแทนเขาด้วยค่ะ..เขาอยากจะเป็นคนพาบุญญิสาไปเที่ยวเอง”
“ขืนให้หมอนั่นพาบุญญิสาไปเที่ยว คงจะหลงใหลผู้หญิงไทยคนนี้จนลืมเธอกับลูกเลยล่ะ”
“พี่คะ..น้องกลัวว่าจะรั้งเขาไม่อยู่ ถ้าเมื่อไหร่เขาได้เจอผู้หญิงคนนั้นเขาคงจะไม่สนใจน้องอีกต่อไป..น้องไม่อยากให้ลูกที่เกิดมาขาดความอบอุ่นนะคะ”
เอมม่า บอกความต้องการ
“ถ้าเธอไม่อยากให้ลูกขาดความอบอุ่น ไม่อยากให้ลูกต้องเป็นเหมือนเราตอนเด็ก ๆ ตอนที่ถูกผู้หญิงไทยชื่อแอ๋วแย่งพ่อของเราไป เธอก็ต้องทำดีกับพอลให้มาก ๆ รู้จักนุ่มนวล
อ่อนหวานเหมือนที่ผู้หญิงไทยคนนั้นทำให้พ่อของเราลุ่มหลงจนทิ้งแม่ไป เธอจะต้องทำให้เขาลืมบุญญิสาให้ได้”
ออกัส กระตุ้นด้วยการพูดถึงอดีตที่ปวดร้าว
“น้องไม่แน่ใจว่าจะทำได้”
“ต้องทำได้สิ..เธอยังสาวแล้วก็สวยมาก มั่นใจในตัวเองหน่อยสิที่รัก” พี่ชายให้กำลังใจ
“น้องสวยหรือคะ..สู้บุญญิสานั่นได้หรือเปล่า”
คำถามของน้องสาวถึงกับทำให้พี่ชายอึ้งไป เขายอมรับว่าเขาสะดุดตาบุญญิสาตั้งแต่ครั้งแรกโดยเฉพาะผมที่ดำขลับเป็นมันวาวนั้นดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจเขาทีเดียว แต่เรื่องอะไรเขาจะยอมบอกน้องสาวว่ายัยนั่นสวยกว่าล่ะ
“สู้ได้แน่นอนน้องรัก..ผู้หญิงคนนั้นไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย ตัวเตี้ยกว่าเธอตั้งเยอะ”
“แบบนั้นแหละค่ะที่พอลชอบ..เขาไม่ชอบผู้หญิงรูปร่างสูงเทอะทะแบบน้องหรอกค่ะ”
“แต่น้องของพี่ไม่เห็นจะสูงเทอะทะหรือสูงใหญ่ล่ำบึ้กเสียเมื่อไหร่ล่ะ เธอหุ่นดีสูงเพรียวผู้ชายชอบคนหุ่นดีนะ อย่างที่พี่ชอบซูซานเพื่อนของเธอไง”
พี่ชายพูดให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ ทั้งที่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าเขาจะยังชอบผู้หญิงที่รูปร่างสูงชะลูดเก้งก้างเหมือนนางแบบที่ขาดสารอาหารแบบซูซานนั่นอยู่หรือเปล่า
“พี่ชอบผู้หญิงลักษณะแบบนี้ แต่พอลไม่ใช่ค่ะ” น้องสาวยังยืนยันน้ำเสียงหนักใจ
“ไม่ใช่..ก็ทำให้มันใช่สิจ๊ะน้องรัก..ใช้เวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดเขาทำให้เขาประทับใจให้ได้ ตอนนี้พอลยังไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้นเสียหน่อยจะกลัวทำไมกัน ช่วงหนึ่งเดือนที่พอลเขาลาพักผ่อนเธอก็ทำคะแนนให้เขารักเธอให้ได้ก็แล้วกัน ส่วนทางนี้พี่จะกันไม่ให้ผู้หญิงคนนั้นได้มีโอกาสพบพอล”
เขาพูดให้น้องสาวสบายใจ
“พี่จะอยู่กับผู้หญิงคนนั้นทั้งเดือนเลยเหรอคะ” เสียงน้องสาวถามเข้ามา
“ใช่..ตามกำหนดที่พอลบอกบุญญิสาเอาไว้นั่นแหละ”
“แต่พี่ไม่จำเป็นต้องพาบุญญิสาไปเที่ยวทั้งเดือนนี่คะ”
“จำเป็นสิ..ที่พี่ถ่วงเวลาพาบุญญิสาเที่ยวทั้งเดือนก็เพื่อจะให้เธอได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดทำคะแนนกับพอล..พี่ทำเพื่อเธอกับลูกในท้องของเธอนะเอมม่า”
“ขอบคุณค่ะพี่ออกัส”
เอมม่า ซาบซึ้งแล้วก็เข้าใจในสิ่งที่พี่ชายทำเพื่อเธอ
“ใช้เวลาหนึ่งเดือนนี้เอาชนะใจพอลให้สำเร็จนะน้องรัก”
“น้องจะพยายามค่ะ แต่..พี่ออกัสล่ะคะ พี่จะไม่มีปัญหากับซูซานหรือคะ..เธอจะคิดยังไงถ้ารู้ว่าพี่พาผู้หญิงคนนั้นเที่ยวสองต่อสองตั้งเดือนหนึ่ง”
เอมม่า ชักจะห่วงพี่ชายขึ้นมาบ้าง
ออกัส นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ทำไมเขาถึงลืมนึกถึงข้อนี้ไปได้นะ เขาไม่ได้ติดต่อกับซูซานมาสองวันแล้วด้วย พอคิดถึงเธอขึ้นมาก็เหมือนกับมีพลังจิตส่งไปถึงกันได้ มีเสียงเรียกซ้อนเข้ามาเป็นสายจากซูซานนั่นเอง
“เธอจะไม่คิดแน่นอนถ้าเธอไม่รู้...” ออกัส บอกกับเอมม่า
“น้องจะไม่บอกซูซานเรื่องที่พี่พาบุญญิสาไปเที่ยวหรอกค่ะ น้องสัญญา”
“ดีจ๊ะ..ตอนนี้ซูซานกำลังโทรหาพี่อยู่เดี๋ยวพี่ต้องรับสายเธอแล้วล่ะ”
“ค่ะ..งั้นแค่นี้นะคะพี่..บ๊ายบายค่ะ”
“จ๊ะ ดูแลตัวเองและลูกในท้องด้วยนะ”
ออกัส รีบบอกน้องสาวเพื่อจะได้รับสายซูซาน
“หวัดดีครับซูซาน”
ออกัส กรอกเสียงหวานทักทายตามสาย หลังวางสายจากเอมม่าแล้ว
“ทำไมพี่ไม่โทรหาฉันเลย ส่งไลน์หรือข้อความไปก็ไม่อ่านไม่ตอบ”
ซูซานต่อว่าเขาทันที ซูซานเป็นเพื่อนกับเอมม่าตั้งแต่เรียนอยู่ที่ไฮสคูล เธอเป็นอเมริกันเต็มตัว เอมม่าเป็นคนแนะนำซูซานให้รู้จักกับพี่ชาย ช่วงนั้นซูซานกำลังอกหักจากหนุ่มเพื่อนร่วมชั้นเรียนอยู่พอดี เมื่อมีออกัส คอยปลอบใจให้กำลังใจ เธอจึงให้ความสนิทสนมกับ ออกัส แล้วก็ขอเป็นแฟนกับเขา โดยมีเอมม่าคอยเชียร์คอยลุ้นจน ออกัส คล้อยตามคบหากับซูซานตั้งแต่นั้นมาจนถึงทุกวันนี้ ซูซานเรียนจบด้านศิลปะเช่นเดียวกับเอมม่า
ช่วงนี้ซูซาน กำลังอยู่ระหว่างหาประสบการณ์ท่องเที่ยวไปทั่วโลก ขณะนี้เธออยู่ที่กรุงปารีสของฝรั่งเศส เที่ยวชมศิลปะและแฟชั่น
“แล้วทำไมไม่โทรหาพี่ล่ะ” เขาแกล้งแหย่กลับไป
“ฮื้อ..ฉันก็อยากจะลองใจพี่ดูน่ะสิว่าถ้าฉันไม่เป็นฝ่ายโทรไปพี่จะโทรมาหรือเปล่า แล้วพี่ก็ไม่โทรหาฉันจริง ๆ ด้วยจนฉันทนไม่ได้เป็นฝ่ายโทรหาพี่นี่ไง”
ซูซานบอกด้วยน้ำเสียงเหมือนจะน้อยใจ
“ใครโทรหาก็ไม่เป็นไรหรอก..แล้วนี่ซูซานกำลังทำอะไรอยู่ครับ”
“กำลังเดินชมสถาปัตยกรรมของเมืองปารีสค่ะ”
“เดินกับใครเอ่ย..” เขาแกล้งถามเป็นการหยอกเย้า
“ถ้าบอกว่าเป็นหนุ่มฝรั่งเศสพี่ออกัสจะว่าอะไรหรือเปล่าละคะ” ซูซานถามกระเซ้ากลับบ้าง
“พี่จะกล้าไปว่าอะไรซูซานได้ล่ะจ๊ะ..สิ่งไหนที่ซูซานเลือกแล้ว พี่ก็เคารพการตัดสินใจของซูซานเสมอ ถ้าหนุ่มฝรั่งเศสทำให้ซูซานมีความสุขได้มากกว่าพี่ พี่ยินดีอยู่แล้ว ซูซานก็รู้ข้อตกลงของเราดีไม่ใช่หรือครับ ว่าเราจะคบกันแบบให้อิสระต่อกัน ซูซานยังมีโอกาสที่จะเลือกผู้ชายที่ดีที่สุด”
เขาพูดให้เธอสบายใจ
“แหม..ซูซานจะเห็นหนุ่มฝรั่งเศสดีไปกว่าพี่ได้ไงล่ะคะ ถ้าซูซานไม่มั่นใจในความรักที่มีต่อพี่ ป่านนี้ก็ไปมีแฟนใหม่แล้วล่ะค่ะ ไม่คบกับพี่มานานเกือบจะห้าปีแบบนี้หรอก”
“ว้าว..ชื่นใจที่ได้ยินจัง” เขาหัวเราะถูกใจ
“ฉันจะไปเดินห้างสรรพสินค้าในช่วงบ่าย พี่อยากได้อะไรจากปารีสไหมคะจะซื้อไปฝาก”
“ไม่ล่ะ..คราวก่อนซูซานซื้อน้ำหอมให้พี่ ยังไม่ได้เปิดใช้เลย”
“ฉันจะดูเสื้อเก๋ ๆ แมน ๆ ให้พี่สักตัวสองตัวก็แล้วกันค่ะ..แล้วเจอกันที่เวลลิงตันนะคะ ฉันจะได้นัดเจอเอมม่าที่นั่นด้วย เพราะตั้งแต่เรียนจบกันไปไม่ได้เจอเธอเลยได้แต่โทรคุยกันไม่ได้เห็นหน้าชักคิดถึงเสียแล้วสิ”
“พี่กับซูซานก็ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งเดือนแล้วนะ ไม่คิดถึงเลยใช่ไหม” เขาแซว
“ใครบอกไม่ได้เจอหน้าคะ คุยข้ามประเทศยังเปิดภาพเห็นหน้ากันอยู่เลย”
“แต่ไม่เหมือนได้อยู่ใกล้ ๆ นี่ครับ..เอ้อซูซาน..รู้เรื่องของเอมม่าหรือยัง”
เขาลองเกริ่นถามดูก่อน
“เรื่องอะไรคะ..” ฝ่ายนั้นคงยังไม่ทราบจึงได้ถามเช่นนี้
“ก็..เอ้อ..ไม่มีอะไรหรอกครับ..ก็แค่เอมม่า มีแฟนใหม่น่ะ”
ออกัส คิดว่าถ้าน้องสาวของเขาอยากจะบอกเพื่อนก็คงจะบอกไปแล้ว เขาไม่ควรจะเป็นคนพูดเรื่องที่ เอมม่า ท้องกับพอลลาร์ด
“ต๊าย..เอมม่า มีแฟนใหม่แล้วหรือคะ ใช่สมิธหรือเปล่าคะ เอมม่า เคยบอกฉันว่าชอบสมิธมาก ๆ ทั้งที่เพิ่งจะรู้จักกันตอนที่เอมม่า ไปหาพี่ที่เวลลิงตัน”
“ไม่ใช่สมิธหรอกครับ..”
“อ้าว..ไม่ใช่หรือคะ งั้นเป็นใครคะ”
“ชื่อพอลลาร์ด”
“ฉันต้องโทรไปต่อว่าเอมม่า หน่อยแล้วล่ะ โทรหาเมื่อวันก่อนก็ไม่เห็นบอกเลยว่ามีแฟนใหม่แล้ว ผู้ชายคนใหม่ของเอมม่า เป็นคนที่ไหนค ะหนุ่มกีวีหรือหนุ่มออสซี่”
“หนุ่มใหญ่ชาวออสซี่ แต่ว่ามาทำงานที่เวลลิงตันที่เดียวกับพี่”
“หนุ่มใหญ่เลยหรือคะ..ปกติเอมม่า ชอบหนุ่ม ๆ อายุไม่เกินยี่สิบห้านะคะ”
“แต่คราวนี้ล่อไปเกือบจะสี่สิบปีแล้วล่ะ” ออกัส พูดกลั้วหัวเราะ
“จริงเหรอคะ..พี่เป็นคนแนะนำให้สองคนรู้จักกันหรือคะ” ซูซาน ทำเสียงตื่นเต้น
“เปล่า..พี่เพิ่งเข้าทำงานที่บริษัทเองนะ แต่เอมม่า เจอพอล ที่บาร์ในเวลลิงตันนั่นแหละ”
“อย่างนี้ฉันต้องไปดูหน้าแฟนเอมม่าเสียหน่อยแล้วล่ะเดือนนี้ฉันอาจจะแวะไปหาพี่กับเอมม่า ที่เวลลิงตันนะคะ”
“เดือนนี้คงไม่ได้หรอกซูซาน ถ้าจะมาก็รอเป็นสิ้นเดือนหน้าได้ไหม”
“ทำไมคะ..”
“คือช่วงนี้พี่ไม่ค่อยว่างน่ะ”
“ฉันเข้าใจค่ะพี่เพิ่งจะเข้าทำงานก็ต้องตั้งใจทำงานอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เป็นไรนี่คะ พี่ก็ทำงานของพี่ไปฉันก็ออกเที่ยวพอพี่เลิกงานเราก็อยู่ด้วยกัน รอให้ถึงวันหยุดเราก็ค่อยไปเที่ยว
ด้วยกัน”
“คือ..อย่างนี้นะซูซาน..ช่วงนี้..พี่ไม่ได้อยู่ที่เวลลิงตันน่ะ” ออกัส ไม่อยากจะโกหก
“อ้าว..แล้วพี่อยู่ไหนคะ”
“พี่พาเพื่อนที่มาจากต่างประเทศเที่ยวน่ะ”
“อ๋อ..คงจะเป็นพวกที่ทำงานอยู่สาขาต่างประเทศที่พี่เคยเล่าให้ฉันฟังนั่นใช่ไหมคะ” ซูซาน เดาด้วยความภูมิใจ
“ครับ”
ออกัส ตอบไม่เต็มเสียงนัก ปล่อยให้ซูซานเข้าใจเช่นนั้นดีกว่าที่จะต้องบอกความจริงว่าเขามากับผู้หญิง แม้เขาจะรู้ว่าซูซานเป็นคนที่มีเหตุผลพอ แต่เขาก็ไม่อยากจะบอกอยู่ดี เขาคบกับซูซานมาด้วยความสบายใจเพราะต่างคนก็ต่างให้อิสระแก่กันเต็มที่ ไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกัน เขาใจกว้างพอที่จะเปิดโอกาสให้เธอได้เรียนรู้คบหากับหนุ่มคนอื่นด้วย หากว่าเธอชอบคนอื่นมากกว่าเขา เขาก็ยินดีที่จะปล่อยเธอไป
เช่นเดียวกับที่ซูซาน ก็ให้อิสระเปิดกว้างแก่เขาเช่นกัน แต่ทั้งคู่ก็ยังหวานชื่นต่อกันอยู่ ยังไม่มีทีท่าว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะไปมีคนใหม่ แต่การนอกลู่นอกทางไปมีสัมพันธ์กับคนอื่นในบางครั้งก็อาจจะมีบ้าง แต่ทั้งคู่ก็เข้าใจตรงกันว่านั่นเป็นประสบการณ์เท่านั้นเอง ตราบใดที่พวกเขาสองคนยังไม่ได้ตกลงแต่งงานกันก็มีสิทธิที่จะทำเช่นนั้นได้ นี่คือทัศนคติที่ตรงกันของเขา และเธอ ที่ทำให้คบหากันมาได้ถึงทุกวันนี้
