บทที่ 1 จุดเริ่มต้นของความกลัว
รถซูเปอร์คาร์สีดำแล่นเรื่อยมาจอดเทียบฟุตบาท ร่างสูงเดินลงจากเบาะหลัง พยักหน้าให้คนขับรถ ขับออกไป บ้านกึ่งไม้กึ่งปูนเล็กๆ เล็กมาก ถึงขนาดไม่มีที่ให้รถจอด มีรั้วไม้ต่ำๆ สีขาวล้อมรอบให้ดูเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กกำพร้าไร้คนดูแล ไม่ได้ดูหรูมากมายนัก ทว่าอบอุ่นใจสำหรบคนพักพิง
เรกาโด ครูซัส ในคราบชุดดำทั้งชุดเดินเข้ามา ความลึกลับในตัวเขาดึงดูดความยำเกรงต่อผู้พบเห็น ทำเด็กซึ่งวิ่งเล่นอยู่ตรงสนามหญ้าถอยกรูดกันเป็นพรวน เขาดูเป็นผู้ใหญ่ และน่ากลัวกว่าคนอื่นๆที่ผ่านเข้ามาทำทาน หรือเพื่ออุปการะอย่างสิ้นเชิง พร้อมประโยคเรียบทุ้ม ทำหญิงวัยกลางคนกำลังเดินผ่านชะงักกลางคัน
"สวัสดีครับซิสเตอร์ ผมมารับเด็กคนนั้น ที่ครอบครัวทำเรื่องอุปการะไว้เมื่อสามปีก่อน"
โต๊ะไม้ข้างหน้าต่าง มีโคมไฟชนิดหักคอได้ วางตระหง่านชิดมุม ข้างกันมีหนังสือนิยายแนวลึกลับกองสูงเป็นเนินภูเขา ซ้อนทับกันไม่เป็นระเบียบนัก เสี่ยงหล่นลงมาทับหัวคนอ่านตายหลายรอบ แม้จะดูเก่ากึก ทรุดโทรม แต่มันก็คือมุมโปรดของเธอ
เอมิเลีย หรือเอมี่ สาวร่างบางอายุสิบแปดปีเศษ ฟุบโต๊ะรออะไรบางอย่าง ซึ่งได้รับมอบหมายให้เธอต้องเตรียมพร้อม เธอไม่รู้มาก่อน แต่หากเสื้อไหมพรมตัวหลวมโคล่งสีชมพู ซึ่งเป็นตัวสุดท้ายที่มาดามเรกาโด เกรชมอบให้ ถูกเก็บไว้นานเกือบลืมมาสวมใส่นั้น นั่นหมายความว่าเธอจะต้องไปจากที่นี่
แน่นอน เธอไม่อยากก้าวพ้นเขตนี้ออกไปแม้แต่นิดเดียว ความรู้สึกใจหาย เศร้าสลด กลัวจะคิดถึง ถูกกักเก็บไว้แค่ในใจ และแววตาหวานฉ่ำเท่านั้น ไม่สามารถเรียกร้องออกมาได้
"เอมี่ เสร็จหรือยัง"
ยิ่งต่อหน้าซิสเตอร์แล้วยิ่งแล้วใหญ่ อย่าหวังให้น้ำตาเอ่อล้นออกมาแม้แต่หยดเดียว!
"ค่ะ..."
"ลูกกำลังมีปีก มีโอกาส"
"แต่หนู..."
"หลุดจากกรงแล้ว ควรจะบินไปให้ไกลที่สุด อย่าได้หวนกลับมา"
"....."
"มหาลัยที่ผู้อุปถัมภ์เลือก คงจะเป็นที่ที่เหมาะสมกับลูก"
"ฮึก... "
"เอมี่... "
"หนูรู้ค่ะ คนร้องไห้มันดูโง่"
เธอช้อนตาขึ้นแทรก หลังก้มงุนสลดอยู่นาน ซิสเตอร์มองเข้าไปในตานั้นด้วยความอาลัยรัก อยากจะร้องไห้สั่งลาไม่น้อยไปกว่าเธอ ทว่า นี่คงไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีสักเท่าไหร่ โลกภายนอกมันช่างโหดร้าย อันตราย และมีอีกหลายอย่างที่หญิงสาวยังไม่รู้ เข้ามาสอนสั่งให้มนุษย์มีบทเรียนกันทุกคน หล่อนบอกศิษย์คนนี้เสมอ เด็กกำพร้าไร้ที่พึ่งซึ่งไม่รู้พ่อแม่คือใครมาก่อน มักจะอาภัพมากกว่าคนอื่น
ฉะนั้นคำสั่งสอนที่หล่อนฟูมฟักมาตั้งแต่เด็ก หวังให้เธอเข้มแข็งนั้น คือเกราะปกป้องกันที่ดี และจะได้ใช้จริงๆนับแต่วันนี้
ซิสเตอร์บีบมือเธอเป็นการบอกลาแทนคำพูด พลางหันไปตามเสียงฝีเท้าหนัก ซึ่งเดินเป็นจังหวะเข้ามาหยุดตรงหน้าของคนทั้งคู่
"ได้เวลาแล้ว"
หันไปบอกเธอเสียงแผ่ว แค่สายตาหวานชำเลืองปะทะเข้ากับดวงตานิ่ง ไม่ทันได้เห็นมันชัดเจน เอมิเลียก้มหน้างุนรนราน เปลี่ยนภาพนั้นเป็นรองเท้าคอมแบตสีดำราคาแพงทันที
ภายในรถ กว้างพอจะบรรจุคนเป็นสิบ กลับทำหญิงสาวอึดอัด ทัศนียภาพบรรยากาศวิวข้างทางสวยงาม เปี่ยมไปด้วยสีสัน ที่อาจจะทำให้คนไม่เคยเห็นเฉกเช่นเธอมาก่อน น่าจะตื่นเต้น และยินดีที่ได้พานพบกับมัน กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เธอเอาแต่มองนอกกระจก ในตาสลด กะพริบถี่นับครั้งไม่ถ้วน สร้างความหนักใจให้แก่ผู้ปกครอง ที่ชำเลืองมองมานานๆครั้งไม่น้อย ทว่า แสร้งทำเป็นไม่สนใจเธอ เลือกที่จะเงียบขรึม ตามแบบฉบับของเขา ซึ่งชายหนุ่มไม่รู้ตัว การกระทำแบบนี้ ทำหญิงสาวเกร็งจนเท้าชาไปหมด
จนกระทั่งถึง....
คฤหาสน์ใหญ่โอ่อ่า ทำด้วยอิฐหินแท้แข็งแรง บริเวณข้างๆกว้างขวางเหลือคณานับ พอๆกับบริวารของเขา ที่วิ่งกรูกันเข้ามา ยามเห็นรถคันนี้วิ่งผ่านรั้วเข้าไป เอมิเลียทึ่งจนยิ้มไม่ออก เธอไม่ได้ดีใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่กลับห่อไหล่เกรงกลัวอำนาจของคนข้างๆมากยิ่งขึ้น เพราะคาดไม่ถึง ครอบครัวที่อุปถัมภ์เธอ จะรวยล้นฟ้าเช่นนี้
"ถึงแล้ว บ้านของเธอ"
และนี่คงเป็นครั้งแรก ที่เธอได้ยินเสียงเขาอย่างชัดถ้อยชัดคำ มันคือเสียงทุ้ม นุ่มแฝงสุขุม ใครได้ยินคิดจะเถียง เป็นอันต้องกลืนคำพูดนั้นๆ กลับลงคอกันเลยทีเดียว
"ค่ะ..."
เอมิเลียพยักหน้า เปิดประตูยืนรอกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเอง ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
"รออะไร "
"กะ กระเป๋าหนู"
"ลูกน้องฉันจะยกให้ เธอไปแต่ตัวก็พอ"
เธอหลบตา ยอมทำอย่างที่เขาว่าแต่โดยดี แม้การเดินของเธอในแต่ละก้าว มันจะแข็งแทบพาเธอล้ม
ใช่ เธอประหม่า กลัวจนเหงื่อตก สูญเสียความควบคุมบางอย่างในร่างกาย ครูซัสมองเธอจนทิ้งห่างไปพอสมควร ก่อนพยักหน้าให้สาวใช้อีกคนเพื่อเดินตาม
"อย่าให้มีปัญหากับเคลที่ "
"ได้ค่ะ นาย"
เอมิเลียเดินห่อไหล่ก่อนหยุดชะงักเมื่อมาถึง บานประตูสลักสีทองโบราณ และรูปปั้นซีเมนต์สิงโตสองฝั่ง ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกกลัวเท่ากับภายในบ้านเลย เบื้องหน้าของเธอนั้นเสมือนอุโมงค์ลึกลับ หากเข้าไปแล้วยากจะออกมาได้
ใช่ บรรยากาศทำให้เธอรู้สึกว่า ข้างในนั้น มันยากแท้จะหยั่งถึง กว่าจะตัดสินใจก้าวเดินต่อ ก็ตอนชำเลืองไปเห็นสาวใช้ร่างอวบเดินตามมา พร้อมกระเป๋าซึ่งถูกยกนำหน้าเธอไป เอมิเลียเปลี่ยนเป็นชะลอตามหลังหล่อนแทน
"ที่นี่คือ..."
"ห้องนอนของคุณค่ะ"
หน้าสวยจิ้มลิ้ม กวาดตามองไปทั่ว หลังเข้ามายืนอยู่ภายใน
"หวังว่าคุณจะชอบ"
สาวใช้บอก หญิงสาวก้มหน้างุด ดวงตาสลด
"ขอบคุณค่ะ"
"ฉันชื่อซีอาร์นะคะ เป็นคนใช้ที่นี่มานานตั้งแต่รุ่นคุณพ่อของคุณท่าน มีหน้าที่อยู่ในครัว แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาดูแลคุณแทน"
น้ำเสียงราบเรียบ ทำหญิงสาวสนใจใคร่รู้ เธอหันไปตั้งใจฟัง ก่อนแนะนำตัวเองบ้าง
"หนู.. เอมิเลียค่ะ"
"ค่ะ ดิฉันทราบ"
หล่อนยิ้มกว้าง เจ้าของชื่อยิ้มตอบ ทว่าดูอย่างไรก็ฝืนเต็มที สาวใช้รู้ดี แต่หล่อนเลือกที่จะนิ่ง ให้กำลังใจผ่านแววตาคู่แขกนั้น บ่งบอกถึงมิตรภาพที่ดี
"ทำไมต้องดูแลหนู เขาสั่งหรือ"
"ใช่ค่ะ นายท่าน คือผู้มีอำนาจที่สุดในคฤหาสน์นี้"
".... "
เธอเลิกคิ้ว ไม่คิดจะถามอะไรอีก ทั้งที่ในใจอยากรู้แทบแย่ ผู้อุปภัมภ์ที่แท้จริงคือใคร และมีหน้าตาเป็นยังไง เธอจำได้แค่ว่า ชื่อของหล่อนคือผู้หญิง...
ทำไมตอนนี้ กลับกลายเป็นผู้ชาย คนที่รับเธอมา และดูเย็นชาที่สุดแทน
ในขณะหญิงสาวกำลังเงียบ เอาแต่ก้มหน้า กลับต้องเงยขึ้นด้วยเสียงทุ้มนี้
"ออกไป"
เขาสั่งซีอาร์ สาวใช้คำนับรับ
"ค่ะ "
ซึ่งคราวนี้ เหลือแค่เขากับเธอเพียงสองคน เอมิเลียใจสั่น มือชาวาบ ก้มหน้ามองพื้นมากกว่าเดิม ชายหนุ่มถอนหายใจยาว เดินผ่านหน้าเธอ ไปเปิดหน้าต่างให้
"ซิสเตอร์บอก เธอเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ฉันเลยจัดมุมนี้ไว้"
เขาใช้นิ้วเคาะสันโต๊ะสองสามที หวังให้เธอเงยหน้าขึ้นมอง เพิ่งสังเกตุเห็น ว่าบนนั้นเต็มไปด้วยหนังสือ ซึ่งเป็นแนวที่เธอชื่นชอบ หญิงสาวเม้มปากแน่น ปากหนักไม่รู้จะเอ่ยคำไหนดี ได้แต่โน้มตัวคำนับแบบซีอาร์ ความรู้สึกบอกคลื่นเขานั้นหนาเหลือเกิน หนาจนหญิงสาวเกร็งไปหมด และเสมือนโชคเข้าข้าง เสียงสมาร์ทโฟนของเขาดังขึ้นช่วยชีวิตเธอพอดี ครูซัสละสายตาจากการจ้องหน้าเธอ มากดรับสาย เดินเลี่ยงไปคุยข้างนอก โดยไม่สนใจจะบอกลาเธอสักคำ
"ฮัลโหล ใช่ ผมไม่ได้ลืม กำลังจะไป"
กับคำสรรพนามที่เปลี่ยนไป ระหว่างคู่สนทนาปลาสาย ที่ต่างกับ.. เธอ