สมัครงาน
"หลิวรุ่ยหลัน?" เสียงทุ้มลึกของชายหนุ่มดังขึ้น ราวกับคำพูดของเขาสะท้อนก้องออกมาจากผนังที่แข็งแกร่ง ทั้งสภาพแวดล้อมรอบตัวและสายลมที่พัดเบาๆผ่านหน้าต่างยังสะท้อนถึงความเงียบสงบและห่างไกลจากความเจริญอย่างชัดเจน
หลิวรุ่ยหลันปรับสายตาให้เข้ากับแสงแดดที่ส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ ผ้าม่านสีขาวบาง ๆ ปลิวไสวตามแรงลม สะท้อนแสงสีทองที่สาดลงมาบนโต๊ะไม้เรียบ ๆ ข้างหน้า
เธอหันกลับไปมองเจ้าของเสียงอย่าง “หลี่ซือเทียน” ชายหนุ่มหน้าคมที่นั่งอยู่หลังโต๊ะ เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวเรียบ แต่ความเรียบง่ายของเสื้อผ้านั้นไม่สามารถกลบรัศมีความหล่อของเขาได้เลย
ใบหน้าคมเข้มของหลี่ซือเทียนยังคงหล่อเหลาราวกับภาพในอดีต ผิวสีแทนที่เข้มข้นกับดวงตาเฉียบคมของเขาทำให้ดูน่าเกรงขามไม่ต่างจากเมื่อสิบปีก่อน ตอนที่เขายังเป็นนักร้องชื่อดังแห่งยุค
เสียงร้องของหลี่ซือเทียนมีเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน เสียงทุ้มลึกที่สามารถสะกดทุกหัวใจให้หลงใหลได้ตั้งแต่เพลงแรกจนเพลงสุดท้ายบนเวที
ในช่วงที่เขาโด่งดังที่สุด ชื่อของหลี่ซือเทียนขึ้นแท่นเป็นขวัญใจของทั้งประเทศ ทุกเพลงที่เขาร้องกลายเป็นเพลงฮิตติดอันดับท็อปชาร์ตเกือบทุกสถานีวิทยุ ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักเพลง ‘ฉันจะรักเธอเสมอ’ ซึ่งกลายเป็นเพลงที่คนหนุ่มสาวทั่วประเทศต่างร้องตามกันได้ทุกท่อน
นิตยสารบันเทิงทุกฉบับต้องมีข่าวของเขา ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตที่ขายบัตรหมดเกลี้ยงในไม่กี่ชั่วโมง หรือการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลดนตรีระดับชาติที่เขาคว้ารางวัลมาหลายสมัย
ทว่าชีวิตที่เต็มไปด้วยแสงไฟและเสียงปรบมือก็ไม่ได้ยืนยาวอย่างที่หลายคนคาดหวัง จู่ ๆ หลี่ซือเทียนก็หายตัวไปจากวงการบันเทิง ราวกับเงาของเขาเลือนหายไปจากแสงสปอร์ตไลต์ที่เคยจับจ้องอยู่ ไม่มีข่าวลือหรือคำอธิบายใด ๆ เกิดขึ้น ผู้จัดการและเพื่อนสนิทของเขาเองก็เงียบสนิท แม้แต่สื่อบันเทิงก็ไม่สามารถหาข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับการหายตัวของเขาได้
แฟนเพลงต่างพากันคาดเดา บ้างก็ว่าเขาอาจประสบปัญหาชีวิตส่วนตัว บ้างก็ว่าเขาอาจป่วย หรือบางคนถึงกับเชื่อว่าเขาแค่เบื่อหน่ายกับชีวิตในวงการที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย จนกระทั่งข่าวว่าเขาผันตัวไปใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในไร่ไกลห่างจากความเจริญเริ่มเล็ดลอดออกมา แต่เรื่องราวนี้ก็ยังคงเป็นปริศนาในสายตาของแฟนเพลงที่เคยรักและติดตามเขา
“ค่ะ...” เธอตอบพร้อมพยายามสูดหายใจลึกๆ เพื่อควบคุมความรู้สึกที่อยู่ภายในใจ
หลี่ซือเทียนพิงพนักเก้าอี้ สายตาของเขากวาดไปทั่วใบหน้าและรูปร่างของเธอ สายตาคู่นั้นเหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่างมากกว่าการประเมินจากภายนอก
“มีเหตุผล หรือความจำเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ถึงคิดจะมาหมกตัวทำงานอยู่ที่นี่?” เขายังคงตั้งคำถาม น้ำเสียงของเขาเรียบ แต่แฝงไปด้วยความสงสัย
น้ำเสียงของเขานั้นเสียดแทงใจหลิวรุ่ยหลันเป็นอย่างมาด แต่เธอพยายามที่จะไม่แสดงออก เธอยกสายตาขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่างที่เห็นทิวทัศน์ของไร่กว้างใหญ่ ทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มที่ทอดยาวไปจนสุดสายตา
เธอคิดถึงความเงียบสงบที่เธอต้องการ ความห่างไกลจากปัญหาที่เธออยากจะหนี แต่การเผชิญหน้ากับหลี่ซือเทียนในวันนี้กลับทำให้ทุกอย่างยิ่งยากขึ้นกว่าเดิม
“ไม่ได้คิดจะมาหมกตัวนะคะ แต่ก็...ค่ะ ยอมรับก็ได้ว่าอยากอยู่คนเดียวเงียบๆสักพัก ยิ่งไกลจากเมืองหลวง ห่างความเจริญเท่าไหร่ยิ่งดี” หลิวรุ่ยหลันตอบอย่างตรงไปตรงมา
หลี่ซือเทียนขมวดคิ้ว สายตาของเขามองเธออย่างไม่วางตา
“อกหักมาหรือไงครับ?” คำถามนั้นเหมือนเป็นคำพูดที่ปล่อยมาอย่างธรรมดา แต่กลับเข้าถึงความรู้สึกภายในของหลิวรุ่ยหลันอย่างจัง
“ก็ไม่เชิงค่ะ คือว่า...ใช่ค่ะ ดิฉันผิดหวังจากผู้ชายคนหนึ่งมา...” เสียงของเธอเริ่มแผ่วลง แต่ดวงตากลับจ้องมองไปที่หลี่ซือเทียนอย่างไม่หลบสายตา