ชีวิตใหม่
ขณะที่เธอกำลังกวาดพื้น หลี่ซือเทียนก็เดินผ่านมามองเธออยู่เป็นระยะ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่จับจ้องมองการทำงานของเธอด้วยสายตาที่คมกริบ
“เหนื่อยหรือเปล่า?” เขาถามเสียงเรียบเหมือนเคย หลิวรุ่ยหลันพยายามยิ้มแม้ว่าจะเหนื่อยล้าจากการทำงานแล้วก็ตาม
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ฉันทำได้อยู่” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น แม้ในใจจะรู้สึกเหมือนตัวเองหมดแรง เธอรู้ดีว่าต้องแสดงออกอย่างมืออาชีพ หากเธอไม่สามารถแสดงให้หลี่ซือเทียนเห็นว่าเธอทำได้ เขาคงไม่ให้เธออยู่ที่นี่นานแน่
หลังจากทำความสะอาดห้องเก็บของและทำงานบ้านมาตลอดทั้งวัน หลิวรุ่ยหลันต้องรับผิดชอบอีกงานหนึ่งที่เธอไม่ถนัด นั่นคือการทำอาหารมื้อเย็นให้หลี่ซือเทียน เธอคิดว่าเมนูง่าย ๆ อย่างไข่เจียวและผัดผักน่าจะทำได้ไม่ยาก
แต่เมื่อเริ่มทำ เธอกลับพบว่าเตาไฟที่ไร่นี้ไม่เหมือนเตาในเมืองไฟไม่คงที่ ทำให้ไข่เจียวไหม้ด้านหนึ่งและยังไม่สุกอีกด้าน ขณะที่ผัดผักก็กลายเป็นจืดสนิทเพราะเครื่องปรุงรสที่มีอยู่ไม่เพียงพอ
หลี่ซือเทียนเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารโดยไม่พูดอะไร หลิวรุ่ยหลันยื่นจานอาหารไปด้วยความตื่นเต้นและกังวลใจในเวลาเดียวกัน เมื่อเธอเสิร์ฟอาหาร เธอเฝ้ารอการตอบสนองของเขาด้วยหัวใจที่เต้นรัว
“นี่คือ...อาหาร?” หลี่ซือเทียนถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ เขาจ้องมองจานอาหารตรงหน้าเหมือนจะประเมินคุณค่าของมัน
“ค่ะ อาหารเย็นวันนี้” หลิวรุ่ยหลันตอบเสียงสั่นเล็กน้อย เธอรู้สึกถึงความกดดันที่กำลังถาโถมเข้ามาในบรรยากาศ ความตึงเครียดรอบตัวทำให้เธอรู้สึกเหมือนทุกอย่างหยุดชะงักอยู่ชั่วขณะหนึ่ง หลี่ซือเทียนตักไข่เจียวขึ้นมาชิมเพียงคำเดียวก่อนจะวางช้อนลง เขาเงยหน้าขึ้นมองหลิวรุ่ยหลัน
“พรุ่งนี้...รบกวนลองใหม่อีกทีนะ” เขาพูดเบาๆ ก่อนจะเสริมต่อด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ฟังดูเสียดแทง
“ถ้าคุณบอกว่านี่คืออาหารเย็น ผมก็จะเชื่อว่ามันคืออาหารเย็นจริงๆ”
แม้คำพูดนั้นจะไม่มีการตำหนิอย่างรุนแรง แต่หลิวรุ่ยหลันก็รู้สึกถึงความผิดหวังในตัวเองอย่างลึกซึ้ง หัวใจของเธอหนักอึ้งด้วยความรู้สึกเสียใจ เธอพยายามที่จะทำให้ดีที่สุดแล้ว แต่กลับยังไม่เพียงพอสำหรับหลี่ซือเทียน ความเงียบที่เต็มไปด้วยความคาดหวังทำให้เธอรู้ว่าต้องฝึกฝนทักษะการทำอาหารให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้เขาพอใจในครั้งต่อไป
หลังจากทำงานบ้านไปได้สักพัก หลิวรุ่ยหลันเริ่มถูกมอบหมายงานในไร่ด้วย นี่เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่เธอไม่เคยคาดคิด หลี่ซือเทียนให้เธอช่วยดูแลพืชผลและการให้อาหารสัตว์ในฟาร์มซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยทำมาก่อน
“รุ่ยหลัน ลองมาช่วยดูแลพืชผลกับให้อาหารสัตว์ดู” หลี่ซือเทียนพูดขณะส่งเครื่องมือไร่ให้เธอ หลิวรุ่ยหลันมองเครื่องมือในมือด้วยความรู้สึกประหม่า เธอไม่เคยจับจอบและเสียมมาก่อน ไม่เคยรู้จักการพรวนดินหรือเก็บพืชผลในไร่ แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเรียนรู้ เธอเริ่มจากการเก็บพืชผลในแปลงผัก แต่การใช้จอบและเสียมทำให้มือของเธอเจ็บและแตก เธอพยายามทำตามคำแนะนำของหลี่ซือเทียน แต่ก็มีบางครั้งที่เธอทำพลาด
หลี่ซือเทียนมองเธอจากระยะไกล เขาไม่พูดอะไร แต่สายตาของเขาบ่งบอกว่าเขากำลังดูว่าเธอทำได้ดีแค่ไหน ทุกครั้งที่เขามองมา หลิวรุ่ยหลันรู้สึกกดดันและไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง แม้จะเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ เธอค่อยๆ เรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง และเมื่อเวลาผ่านไป เธอก็เริ่มทำงานได้คล่องขึ้น รู้สึกสบายใจมากขึ้นในการทำงานที่ไร่
หลี่ซือเทียนเดินเข้ามาใกล้หลังจากเธอทำงานเสร็จไปอีกหนึ่งวัน
“ดีขึ้นแล้วนี่” เขาพูดเบาๆ พร้อมรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก คำพูดเพียงไม่กี่คำจากเขาทำให้หลิวรุ่ยหลันรู้สึกมีกำลังใจ เธอรู้สึกว่าความพยายามของเธอนั้นไม่สูญเปล่า
แม้การทำงานในไร่นี้จะไม่ง่าย แต่หลิวรุ่ยหลันก็เริ่มรู้สึกถึงความสำเร็จเล็กๆที่เกิดขึ้นจากความพยายามของตัวเอง