ตอนที่ 4.
“ข้าวต้มกุ้งของโปรดเรา แม่ทำไว้ให้ทานซะ”
ข้าวต้มกุ้งหอมฉุย ถูกวางลงบนโต๊ะ อารายิ้มกว้างเดินเข้าไปโอบเอวมารดา พร้อมหอมแก้มแรงๆอีกฟอด
“คุณแม่ช่างรู้ใจผม จะมีใครน่ารักเท่าคุณแม่อีกไหมหนอ”
เอมใจยิ้มปลื้ม ตบแก้มลูกชายเบาๆ
“เรามันขี้อ้อน ชะตาอย่างเรานี่คงต้องเอาใจเมีย มากกว่าให้เขาเอาใจ”
ลูกชายทำหน้าเบ้ “โหย...แบบนั้นคงไม่ไหวครับ ผมเอาใจใครไม่เป็นเสียด้วย”
เอมใจหัวเราะคิก เบี่ยงตัวจากอ้อมกอด ดึงแขนลูกชายให้นั่งลง
“ทานซะเดี๋ยวเย็นจะไม่อร่อย”หยิบช้อนยัดใส่มือลูกชาย “แม่จะไปดูคนงานทาสีร้านหน่อย”
ว่าแล้วคนเป็นแม่ก็เดินตัวปลิว ทิ้งลูกชายให้สำราญกับอาหารโปรดเพียงลำพัง
เมื่ออารารับประทานอาหารเช้าเสร็จ ชายหนุ่มเดินเตร่ออกไปด้านนอก บริเวณหน้าร้านหญิงสาวร่างบาง กำลังหัวเราะลั่นคุยจ้อกับมารดาท่าทางสนุกสนาน ในมือถือแฟลสไดรฟ์ไว้ เจ้าตัวคงไม่รู้ว่ามีใครแอบดูข้อมูลภายใน ถึงยังทำท่าร่าเริงได้ อาราเดินเข้าไปแอบฟังใกล้ๆ
“คุณน้าคะ...นิยายเรื่องใหม่ของพัทกำลังจะวางแผงแล้ว คุณน้าจะรับสักเล่มไหมคะ”
เสียงแจ้วๆ ของพัทรดาดังแว่วมา อาราเบ้ปาก เชอะ...นิยายสั่ว ๆมีแต่เรื่องรักๆใคร่ๆ ใครเขาจะอยากอ่าน แค่ทนอ่านเมื่อคืนก็ฝืนใจจนแทบอ้วกแตก ไม่รู้เขียนได้ยังไง เขานึกค่อนขอดในใจ
“เอามาให้น้าเล่มหนึ่งจ้ะหนูพัท น้าจะเก็บสะสมเป็นคอลเลคชั่น”
เสียงมารดาของชายหนุ่มตอบ ทำเอาคนเป็นลูกถอนใจแรงๆสีหน้าหน่ายสุดๆ
“แม่ทนอ่านเรื่องของยายแมวคราวได้ยังไง ไม่อ้วกแตกบ้างหรือไง”
อาราส่ายหน้าอย่างระอา เดินเลี่ยงเข้ามาด้านใน เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
“ไงเจ้าเปี๊ยก...หายหัวไปเลยนะแก” ชายหนุ่มทักเพื่อน
“โถ่...คนเขากำลังมีความสุข จะให้โผล่หัวออกมาทำไม เข้าใจมะฮันนีมูนน่ะ”เสียงกวนๆของเพื่อนชายดังมาตามสาย
“ตอนนี้แกคงทุกข์สิท่า ถึงได้โผล่หัวออกจากรูได้”อาราตอกกลับ
“โผล่ออกมาจากประตูเว้ย...ไม่ใช่ออกมาจากรู”
“เออ...จะโผล่มาจากไหนก็ช่าง แกมีเรื่องไรวะถึงได้โทรหาฉัน รีบหน่อยนะฉันไม่มีเวลาว่างมาก”
“คุณผู้จัดเกินรีสอร์ท งานมากหรือครับถึงได้ไม่มีเวลาว่าง”
“งานไม่เยอะแต่ไม่มีเวลาไร้สาระ เข้าใจบ๋อ...”
อารายืนพิงระเบียงห้อง คุยโทรศัพท์ไปมือก็เด็ดๆถอนๆต้นหญ้าที่ขึ้นรกกระถางดอกไม้ทิ้งไปด้วย สายตากวาดมองไปรอบๆ มาสะดุดกึกกับร่างระหงของหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งกำลังก้มๆเงยๆตากผ้าอยู่ที่ระเบียงบ้านตรงข้าม ใบหน้ารูปไข่ขาวผ่อง คิ้วเรียวสวยขมวดน้อยๆ ดวงตากลมโตมีขนตางอนดูคมซึ้ง รับกับจมูกโด่งอันนิด ริมฝีปากแดงเรื่อบางเฉียบ สวยหวานราวกับนางฟ้า
“นางฟ้า...”ชายหนุ่มเผลอครางออกมา
“เฮ้ย...นางฟ้านางสวรรค์อะไรวะ ไอ้เอดส์ แกเป็นอะไร!”เสียงเพื่อนชายร้องลั่น
อารากดปิดโทรศัพท์ ไม่สนใจเสียงโวยวายของเพื่อน สายตาจ้องมองร่างหญิงสาวบ้านตรงข้ามเขม็ง หัวใจเต้นรัวแรง ลุ้นให้เธอหันมาทางเขาบ้าง แต่ไร้ผลเมื่อผ้าผืนสุดท้ายถูกตากบนราวแล้ว ร่างบางๆนั้น ก็เดินลับหายเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้คนแอบมองร้องว้า...เสียดาย
“เอสลงมาข้างล่างหน่อยลูก!” เสียงมารดาร้องเรียก เบรกอารมณ์เคลิ้มๆหายวับไป
“มีอะไรครับแม่?” อาราเดินลงมายืนข้างๆมารดา
“แม่จะไปธุระสักหน่อย เอสช่วยคุมคนงานแทนแม่ทีนะ ไม่เกินสองชั่วโมงแม่ก็กลับ”
“คร้าบแม่...ซื้อหนมมาฝากด้วยนะครับ” คนเป็นลูกรับคำ พร้อมทั้งหยอดมุกร้องขอขนม เหมือนเด็กชายในวัยเยาว์
“เรานี่โตแล้วนะ สั่งซื้อขนมเหมือนเด็กๆ” เอมใจยิ้มขำ “แม่ต้องไปแล้ว เดี๋ยวน้าเดือนเขารอแย่”
คนเป็นแม่เดินออกไปทิ้งให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมองตามหลัง
“แม่เราติดน้าเดือนอย่างกับปาท่องโก๋ สงสัยชาติที่แล้วเป็นฝาแฝดกัน”อาราส่ายหน้าบ่นงึมงำ แล้วเดินออกไปดูงานให้มารดา
สองชั่วโมงผ่านไปมารดายังไม่กลับ อาราทนเหม็นสีไม่ไหวเลยยกภาระให้หนอนดูแลแทน ตัวเขาแอบมางีบหลับในห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ขณะกำลังจะเคลิ้มหลับ เสียงตะโกนโหวกเหวกดังแว่วมา ปลุกให้ตื่นขึ้น
“ใครอยู่แถวนี้บ้าง ช่วยทีพี่พิมพ์แย่แล้ว!”
“ใครทำอะไรวะ...”อารางัวเงียตื่นขึ้น ลุกไปเปิดหน้าต่างชะโงกหน้าดู
ต้นเสียงมาจากบ้านตรงข้าม พัทรดากำลังพยุงร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง ท่าทาง เก้ ๆ กัง ๆ พร้อมกับส่งเสียงดังลั่น
อารารีบวิ่งลงไปหา เมื่อไปถึงเขาช่วยประคองร่างอ่อนปวกเปียกในอ้อมแขนหญิงสาวไว้ ชายหนุ่มเกือบเผลออุทานเมื่อเห็นหน้าคนในอ้อมแขนชัดๆ
“นายเป็นลูกชายน้าเอมใช่ไหม ช่วยขับรถพาพี่พิมพ์ไปส่งโรงพยาบาลที พี่พิมพ์เป็นลม”
พัทรดาละล่ำละลักบอก หน้าตาตื่น อาราพยักหน้าให้แล้วช้อนอุ้มร่างพี่สาวของนักเขียนสาวขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน รีบขับไปส่งโรงพยาบาลทันที
“พี่พิมพ์จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ หายเข้าไปนานแล้ว”พัทรดาทำเสียงอู้อี้ ตาแดงๆ มองประตูฉุกเฉินไม่ยอมละสายตา
