บทที่ 2 กลับบ้าน
บทที่ 2
กลับบ้าน
หลังจากเรียนจบมาได้ไม่กี่วัน ชุยซินอี๋ก็มาทำงานที่ภัตตาคารของตระกูลเฝิงพร้อมกับแม่ของเธอ เมื่อได้พบกับคุณนายเฝิงอีกครั้งชุยซินอี๋ก็ทำความเคารพอย่างนอบน้อม คุณนายเฝิงยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับมองดูเด็กสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่เอ็นดู
"ไม่เจอกันไม่นานมานี้เอง โตขึ้นเยอะเลยนะซินซิน"
"คุณนายเฝิงก็สวยเหมือนเดิมเลยนะคะ"
คุณนายเฺฝิงที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นมา
"ได้ยินว่าเธอมีฝีมือทำอาหารใช่ไหม แต่ตอนนี้พ่อครัวของเรามีแล้ว เอาอย่างนี้ เธอมาทำงานอยู่ในโรงครัวเป็นผู้ช่วยพ่อครัวไปก่อน งานที่นี่ค่อนข้างหนักอยู่นะ เธอไหวไหม หากไม่ไหวฉันจะให้ไปทำงานที่ร้านผ้าของฉันในตลาดแทน"
ชุยซินอี๋ที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบส่ายหน้าทันที หากให้เธอไปทำงานที่ร้านผ้า เธอยอมอยู่ในครัวดีกว่า เธอไม่ได้เก่งเรื่องผ้าเธอชอบทำอาหารมากกว่า
"หนูอยู่ที่ครัวดีกว่าค่ะคุณนายเฝิง"
"ได้สิ งั้นเรามาเริ่มงานกันเลยดีไหม ฉันจะให้เธอไปเรียนรู้งานกับพ่อครัวในห้องครัว ช่วยเขาล้างจานหั่นผักไป เริ่มจากงานเล็กน้อยๆก่อน แม่เธอน่ะทำงานกับฉันมานาน แทบจะเป็นมือซ้ายขวาของฉันไปแล้ว รอเธอเก่งแล้ว เราค่อยมาหางานใหม่ที่เหมาะกับเธอนะ"
"ขอบคุณมากนะคะคุณนายเฝิง"
"อืม ไปที่โรงครัวเถอะ พ่อครัวจ้าวรอเธออยู่"
"ค่ะ"
เมื่อชุยชินอี๋เดินเข้าไปที่ห้องครัวแล้ว คุณนายเฝิงก็หันมามองแม่ของชุยซินอี๋ก่อนจะถอนหายใจออกมา
"น่าเสียดายนะ หากได้เรียนต่อคงจะมีอนาคตมากกว่านี้ ฉันเองก็อยากช่วย แต่เธอกลับปฏิเสธ"
หญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่ของชุยซินอี๋ส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเอ่ย
"เท่านี้ก็รบกวนคุณนายเฝิงมากแล้วค่ะ"
"เห้อ รบกวนอะไรกัน ฉันเพียงสงสารซินซิน หล่อนเป็นเด็กดี นี่หลี่ชิง เธอก็มัวแต่เกรงใจฉันอยู่ได้ ในอดีตหากไม่ใช่เพราะสามีเธอช่วยครอบครัวฉันเอาไว้ ฉันคงแย่ไปแล้ว"
หลี่ชิงคือชื่อของแม่ชุยซินอี๋ หล่อนเพียงยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย
“คุณนายเฝิงเองก็ดีกับครอบครัวฉันมากนะคะ”
คุณนายเฝิงยิ้มตอบ ก่อนจะเอ่ย
"เธอดูแลร้านให้ฉันก่อนละกันนะ ฉันจะไปรับเฝิงอี้ ป่านนี้คงเดินทางมาถึงแล้ว"
"ค่ะคุณนายเฝิง"
คุณนายเฝิงพยักหน้า ก่อนจะเดินจากไป
อีกด้านหนึ่งที่สนามบิน เฝิงอี้เพิ่งเดินทางมาถึงซานซี ที่นี่มีสนามบินเล็กๆที่บินเข้าออกระหว่างประเทศอยู่ จึงค่อนข้างสะดวกไม่น้อย เขาทิ้งกายนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง การเดินทางกลับบ้านครั้งนี้ไม่ได้นำของติดตัวมามากเท่าไหร่นัก เพราะคงมาอยู่เพียงไม่กี่วัน อีกทั้งเขาโทรมาบอกแม่แล้วว่ามาถึงเวลาไหน ตอนนี้คงทำได้แค่รอเท่านั้น
เขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลเฝิง มีน้องสาวหนึ่งคนชื่อเฝิงอิน ก่อนหน้านี้เขาเดินทางไปอยู่ที่ปักกิ่งตั้งแต่เก้าขวบ น้อยครั้งที่จะได้กลับบ้าน พ่อกับแม่ให้ความสำคัญกับเขามาก ทุกเรื่องล้วนใส่ใจทั้งหมด เมื่อจบประถมก็ส่งเขาไปอยู่ที่ปักกิ่งกับคุณป้าซึ่งก็คือพี่สาวของแม่ ให้เขาได้เรียนโรงเรียนและมหาวิทยาลัยดีดี ไปเรียนรู้การใช้ชีวิต จะได้นำความรู้ที่ทันสมัยกลับมาบริหารกิจการที่กวานซีได้ นับตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่ได้กลับมาที่กวานซีอีก พ่อกับแม่และน้องสาวมักจะเป็นฝ่ายมาเยี่ยมเขาเอง เพราะต้องการให้เขาได้เรียนอย่างเต็มที่ ไม่ต้องเหนื่อยเดินทางไปมา หลังจากที่พ่อของเขาเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้นแม่ก็ไม่ได้มาเยี่ยมเขาอีก พ่อเองก็ไม่ยอมให้เขากลับมาเยี่ยมบอกเพียงว่าการเรียนสำคัญ จะมาเมื่อใดย่อมมาได้เสมอ
แม่ของเขาเดิมทีอาศัยอยู่ที่ปักกิ่ง ตอนที่เดินทางมาเปิดภัตตาคารก็ได้พบรักกับพ่อที่เป็นเจ้าของบาร์เหล้า จึงได้แต่งงานกันและย้ายตามพ่อมาอยู่ที่นี่ น่าเสียดายที่สองปีก่อนพ่อเขาได้รับบาดเจ็บทำงานหนักไม่ได้ ทุกอย่างจึงตกเป็นหน้าที่ของแม่เขาทั้งหมด
เฝิงอี้มองไปโดยรอบรู้สึกว่าตอนนี้ในเมืองกวานซีจะเจริญมากขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว
นั่งรอไม่นานนักเขาก็เห็นรถคันหนึ่งมาจอดตรงหน้า คนขับคือพ่อบ้านหม่า เขาจำได้ดี เมื่อรถจอดแล้วเขาก็เห็นแม่และน้องสาวก้าวเดินลงมาจากรถ
"อาอี้"
"แม่ครับ"
เขาเดินเข้าไปสวมกอดแม่ของตนเอง ก่อนจะเข้าไปกอดเฝิงอินผู้เป็นน้องสาว
"โตขึ้นเยอะเลยนะเฝิงอิน เธอเก่งมากที่เรียนจบแล้ว เตรียมอ่านหนังสือให้ดี แล้วไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยกับพี่"
"ค่ะพี่"
คุณนายเฝิงเห็นลูกๆทั้งสองปรองดองกันก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
"กลับบ้านกันก่อนเถอะ คุณพ่อรออยู่นะ"
"ครับแม่"
เฝิงอี้พยักหน้า ก่อนจะเดินขึ้นรถไปพร้อมแม่และน้องสาวของตัวเอง ก่อนที่รถจะมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน
บ้านตระกูลเฝิงเป็นบ้านที่ใหญ่และรวยที่สุดในเมืองกวานซี มีเนื้อที่กว้างขวางหลายหมู่ ตัวบ้านกว้างขวาง มีต้นไม้ปลูกเอาไว้ให้ความร่มรื่น ที่ีนี่่อยู่ห่างจากภัตตาคารตระกูลเฝิงไม่มากนัก เฝิงอี้เดินลงมาจากรถ เขาจ้องมองไปโดยรอบ บรรยากาศสมัยเด็กย้อนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เขาสูดลมหายใจรับอากาศบริสุทธิ์ ก่อนจะคิดถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา
ชุยซินอี๋ยัยเด็กผมเปียนั่นป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนะ
หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้วก็ลงมากินอาหาร ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว เขามองดูพ่อของตนเองที่พ่อบ้านหม่ากำลังพยุงเดินเข้ามา ก่อนจะรีบลุกไปช่วยประคอง
"ระวังนะครับพ่อ"
เฝิงหลงยิ้มให้ลูกชายเล็กน้อย ตระกูลเฝิงของเขานั้นมีีกิจการมากมายอีกทั้งยังมีบาร์เหล้าค่อนข้างเป็นที่รู้จักในกวานซีไม่น้อย แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุจนพิการก็ทำอะไรได้ไม่มากเช่นแต่ก่อน งานทั้งหมดคุณนายเฝิงจึงต้องรับช่วงดูแลต่อแทนสามีทั้งหมด
เมื่อกินอาหารเย็นอิ่มแล้ว เฝิงอี้จึงเอ่ยกับแม่ของตนเอง
"แม่ครับ ผมจะไปที่บาร์เหล้าเสียหน่อย อยากรู้ว่าตอนนี้เปลี่ยนไปมากแค่ไหนแล้ว ไม่ได้กลับมาเสียตั้งนาน ไม่รู้ว่าจะมีเหล้าดีดีให้ดื่มไหม"
คุณนายเฝิงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
"ไปเถอะ อย่าดื่มมากล่ะ"
"ครับแม่"
เฝิงอินที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบออดอ้อนแม่ของตนเองทันที
"แม่คะ ได้ยินว่าชุยซินอี๋มาทำงานวันแรก หนูไปหาเธอได้ไหม"
"ไม่ได้ ลูกห้ามไปรบกวนเวลาทำงานของซินซิน ตั้งใจอ่านหนังสือ"
เฝิงอินที่ได้ยินแบบนั้นก็มุ่ยหน้าก่อนจะเอ่ยตอบรับเสียงแผ่ว เฝิงอี้ยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม ก่อนจะเอ่ยถามแม่ของตน
“ซินซินมาทำงานที่ภัตตาคารเหรอครับ เธอไม่ได้เรียนต่อเหรอ”
คุณนายเฝิงที่ได้ยินลูกชายถามออกมาแบบนั้น จึงเอ่ยตอบทันที
“เห้อ พูดแล้วก็น่าสงสาร แม่ของหล่อนนะอยากให้ลูกสาวออกมาช่วยทำงานมากกว่า แม่เองก็ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องครอบครัวของใคร ลูกยังจำเธอได้อยู่เหรอ พูดแล้วก็นึกถึงสมัยก่อน แม่จำได้ ซินซินน่ะแบกลูกที่ตกจากต้นไม้จนขาหักกลับมาที่บ้านของเรา หล่อนเป็นห่วงลูกมาก เด็กคนนี้แข็งแรงและนิสัยดีใช้ได้เลย”
เฝิงอี้ที่ได้ยินก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะหวนคิดถึงภาพในวัยเด็ก
เขาและชุยซินอี๋อายุห่างกันสองปี เขาอายุยี่สิบแล้ว ส่วนเธอตอนนี้ก็คงจะสิบแปดปีเห็นจะได้ ตอนเด็กเธอตามพ่อแม่มาที่ภัตตาคารและได้เจอเขากับเฝิงอิน ชุยซินอี๋เป็นเด็กหญิงที่เข้มแข็งและอดทน เขาเองก็ดีใจทุกครั้งที่ได้พบเจอเธอ
ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะได้พบกันอีกไหมนะ แล้วเธอจะจำเขาได้ไหม
บาร์เหล้า
เฝิงอี้ขับรถมาจอดที่ด้านหลังของบาร์เหล้าเพราะที่นี่จอดรถสะดวกกว่า ก่อนจะเดินอ้อมมาทางด้านหน้าบาร์ ซึ่งตอนนี้มีผู้คนเริ่มจอแจแน่นขนัดมากแล้ว เหล่าหญิงสาวที่มานั่งดื่มเมื่อได้เห็นเขาก็ถึงกับดวงตาเป็นประกาย บางคนยกแก้วเหล้าทักทายเขา บางคนก็ยิ้มหวานส่งให้เขา
ยิ่งช่วงนี้จะเข้าสู่ช่วงปีใหม่แล้วคนยิ่งมาก เฝิงอี้สั่งเหล้าอย่างดีมาดื่มหนึ่งขวด เขานั่งดื่มคนเดียวในใจคิดถึงเติ้งเทียนอวี้เพื่อนของตนเองที่ปักกิ่งเหลือเกิน ไอ้หมอนั่นมันดื่มเก่งเสียจนเขาแทบจะสู้ไม่ไหว
นั่งดื่มต่ออีกครู่หนึ่งก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย เขาจึงเดินออกมาจากบาร์ แต่ทว่าสายตาของเขากลับมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังสนทนากับคนงานที่ทำงานอยู่หน้าบาร์ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าคุ้นหน้าเธอเหลือเกิน
เธอยื่นกล่องอะไรสักอย่างส่งให้คนงานก่อนจะเดินจากไป
เฝิงอี้มองตามหญิงสาวคนนั้นไปจนลับสายตา ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
"เดี๋ยวนี้ที่กวานซีมีผู้หญิงสวยเหมือนกับดาราที่ปักกิ่งด้วยเหรอ น่าสนใจดีนี่"