บทย่อ
เมื่อ ชุยซินอี๋ หญิงสาวที่เพิ่งเรียนจบ กลับไปมีความสัมพันธ์เพียงชั่วข้ามคืนกับ เฝิงอี้ คุณชายผู้หล่อเหลาและแสนจะร่ำรวย เรื่องราวความรักที่แสนละมุนและอบอุ่นจึงเกิดขึ้น อีกทั้งคนทั้งสองยังต้องจับมือกันก้าวข้ามอันตรายและความลับที่รออยู่ และยังต้องช่วยกันดูแลเจ้าก้อนแป้งอ้วนกลมตัวน้อยซึ่งเป็นลูกของคนทั้งสองอีกด้วย ไรต์จะพาคุณนักอ่านย้อนเวลาไปพบกับเรื่องราวความรักโรแมนติกในยุค80ที่มีทั้งความหวานละมุนกลมกล่อม และความสนุกที่คุณจะจดจำไม่รู้ลืม
บทที่ 1 ช่วงชีวิตแรกเริ่ม
บทที่ 1
ช่วงชีวิตแรกเริ่ม
เมืองกวานซี มณฑลซานซี
"ซินซิน ลูกแต่งตัวเสร็จหรือยัง เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก"
"เสร็จแล้วค่ะแม่"
เสียงหวานใสของหญิงสาววัยสิบแปดปีเอ่ยขึ้นด้วยด้วยความไม่รีบไม่ร้อน ใบหน้างดงามไม่ได้แต่งแต้มเครื่องประทินผิวจึงดูงดงามตามวัย ดวงตาของเธอกลมโต ริมฝีปากบางสวย รูปร่างบอบบาง ผิวขาวเนียนละเอียดราวกับน้ำนม ใครๆที่ได้เห็นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
ชุยซินอี้ ยกมือขึ้นจับผมที่ถักเปียทั้งสองข้างของตนเองเพื่อดูความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องนอน เมื่อออกมาถึงก็พบกับแม่ของเธอที่กำลังเตรียมอาหารใส่กล่องเอาไว้และยื่นมาตรงหน้าของหญิงสาว
"เอาไปกินที่โรงเรียนนะจ๊ะ จะได้ประหยัดค่าอาหาร"
"เข้าใจแล้วค่ะแม่ หนูไปเรียนก่อนนะคะ"
ชุยซินอี๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สดใส ผู้เป็นแม่มองลูกสาวของตนเองเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นมา
"ซินซิน อีกไม่นานลูกก็จะจบมัธยมปลายแล้ว ลูกก็รู้ว่าบ้านเราไม่มีเงินส่งลูกเรียนต่อมหาวิทยาลัย ต้องให้ลูกเข้ามาช่วยแม่ทำงานที่ภัตตาคารของคุณนายเฝิง"
ชุยซินอี๋ที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย เธอเข้าใจแม่ดีและไม่ได้โกธรอะไร เงินที่แม่ส่งเธอเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมปลายได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะความเมตตาจากคุณนายเฝิง ด้วยเพราะเอ็นดูเธอไม่น้อย แม่เลี้ยงเธอมาอย่างยากลำบาก ตั้งแต่พ่อตายไปแม่ก็ทุ่มเททุกอย่างให้เธอ พ่อกับแม่ทำงานที่ภัตตาคารของคุณนายเฝิงมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น เธอเองก็ได้มีโอกาศไปที่นั่นบ้างเป็นครั้งคราว แต่ระยะหลังเพราะแม่ไม่อยากให้เธอเข้าไปวุ่นวายที่ภัตตาคารเท่าไหร่นักเนื่องจากเกรงใจคุณนายเฝิง เธอจึงไม่ค่อยได้ไปที่นั่นบ่อยเท่าแต่ก่อนอีก
"หนูเข้าใจค่ะแม่ หนูไปเรียนก่อนนะคะจะสายแล้ว"
"จ๊ะ ตอนเย็นกลับมาลูกก็หุงข้าวทำอาหารไว้รอนะ แม่อาจจะกลับบ้านค่ำหน่อย"
"ค่ะแม่"
ชุยซินอี๋ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปที่จักรยานคันเก่าของตนเอง เธอวางกล่องอาหารไว้ในตะกร้าจักรยาน และสะพายกระเป๋าเอาไว้ ก่อนจะปั่นจักรยานไปโรงเรียนทันที
"ซินซิน รอด้วย!!!"
ชุยซินอี๋ที่กำลังปั่นจักรยานอยู่นั้นรีบหยุดลงก่อนจะหันกลับไปมอง
"อาตง"
ชุยซินอี๋ยิ้มให้เด็กหนุ่มที่กำลังปั่นจักรยานตามเธอมา เขามีชื่อว่าหยางตง เป็นเพื่อนข้างบ้านของเธอที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่วัยเด็ก อีกทั้งยังเรียนอยู่ชั้นเรียนเดียวกับเธออีกด้วย
"นายตื่นสายอีกแล้วสินะ รีบไปกันเถอะ"
"อืม"
หยางตงมองดูชุยซินอี๋ก่อนจะยิ้มและพยักหน้า คนทั้งสองรีบปั่นจักรยานจนมาถึงโรงเรียนทันที เมื่อมาถึงห้องเรียนก็พบกับเฝิงอินที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเรียน เมื่อเฝิงอินเห็นชุยซินอี๋และหยางตงก็โบกมือเรียกคนทั้งสองทันที
"ซินซิน อาตง"
ชุยซินอี๋ยิ้มให้เฝิงอินก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะเรียนข้างกัน เฝิงอินเป็นลูกสาวคนเล็กของคุณนายเฝิง เจ้านายของแม่เธอ โรงเรียนมัธยมที่นี่ค่อนข้างกว้างใหญ่ ค่าเรียนเองก็ไม่ใช่น้อยๆตงหยางนั้นพอมีฐานะบ้าง ส่วนเธอนั้นหากไม่ได้ความเมตตาจากคุณนายเฝิงก็คงไม่มีโอกาศได้เข้ามาเรียน เธอกับเฝิงอินรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ และสนิทกันเรื่อยมา แต่เธอเองก็รู้ดีว่าควรรักษาท่าทีเอาไว้ เพราะว่าเธอเป็นเพียงลูกสาวของลูกจ้างเท่านั้น
แต่เฝิงอินก็ดีกับเธอมาก
การเรียนในวันนี้ผ่านไปด้วยดี หลังจากสอบเสร็จแล้ว พวกเด็กๆก็จะเรียนจบมัธยมปลาย บ้านใครมีเงินก็จะได้ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในเมืองหลวง แต่สำหรับชุยซินอี๋แล้วเธอคงไม่มีโอกาศนั้น
ระหว่างพักเที่ยง คนทั้งสามที่เป็นเพื่อนสนิทกำลังนั่งกินอาหารด้วยกัน เฝิงอินมองดูอาหารในกล่องของชุยซินอี๋ที่มีแต่ผักกับเนื้อนิดหน่อยก็สงสารเพื่อนสาวมาก จึงคีบเนื้อหมูในจานไปวางบนข้าวของชุยซินอี๋
"กินเยอะๆ ผอมจนจะปลิวอยู่แล้วนะเธอน่ะ หากอยากกินอะไรก็บอก ฉันเลี้ยงเอง พวกเราเป็นเพื่อนรักกันนี่ จริงไหมอาตง"
หยางตงที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย เฝิงอินยิ้มตาหยีก่อนจะพูดขึ้นมา
"เห้อ หลังจากเรียนจบมัธยมปลายแล้วฉันคงไม่ได้พบพวกเธออีก แม่ฉันน่ะจะให้ฉันไปเรียนที่มหาวิทยาลัยที่ปักกิ่งที่เดียวกับพี่เฝิงอี้ ตอนนี้พี่ชายฉันอายุยี่สิบแล้ว อีกไม่นานก็คงจะจบมหาวิทยาลัยที่นั่น ฉันเองก็ต้องตามพี่ไป คงคิดถึงพวกเธอแย่ แล้วพวกเธอละ วางแผนว่าจะเรียนต่อที่ไหน"
ชุยซินอี๋ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะตอบ
"ฉันคงไม่ได้ไปเรียนต่อหรอก ต้องช่วยแม่ทำงาน เธอก็รู้นี่ว่าบ้านฉันไม่มีเงิน"
เฝิงอินที่ได้ยินแบบนั้นก็มีสีหน้าเศร้าลงไปไม่น้อย ส่วนหยางตงนั้นก็เอ่ยขึ้นมา
"ไม่ต้องกังวลไปนะซินซิน ฉันเองก็ไม่เรียนต่อ ที่บ้านต้องให้มาดูแลกิจการรับเหมาก่อสร้างต่อน่ะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอเอง"
คนทั้งสามหัวเราะกันออกมาเล็กน้อย หลังจากเลิกเรียนแล้วก็กลับบ้าน ได้ยินเฝิงอินบอกว่าเดือนหน้าพี่ชายของเธอจะมารับเธอไปที่ปักกิ่งเพื่อตระเตรียมที่เรียน พี่ชายของเฝิงอินชื่อว่าเฝิงอี้ ตั้งแต่เขาไปอยู่ที่ปักกิ่งเธอเองไม่ได้เจอหน้าเขาอีก นี่ก็คงร่วมสิบปีแล้วกระมัง จากเด็กชายอายุเก้าขวบปีในวันนั้น ป่านนี้คงเติบโตมากแล้ว ไม่รู้ว่าเขายังจะจำเธอได้ไหม ได้ยินว่าเขาไปอยู่กับญาติที่ปักกิ่งดูแล้วคงจะสุขสบายดีกว่าอยู่ที่กวานซีมากนัก
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ชุยซินอี๋ก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอทำงานบ้านตามที่แม่สั่งทุกอย่าง ก่อนจะมานั่งทบทวนบทเรียน ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาเป็นแม่ของเธอนั่นเอง
ชุยซินอี๋เดินไปหาแม่ของเธอทันทีและช่วยถือของที่แม่หิ้วกลับมา หญิงวัยกลางคนยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อก่อนจะเอ่ย
"วันนี้ลูกค้าเยอะมาก อีกทั้งคนงานยังลาป่วยไปถึงสองคน แม่ต้องวิ่งวุ่นไปช่วยงานในร้านอื่นของคุณนายเฝิงด้วย ลูกเอาอาหารนี่ไปอุ่นที คุณนายใจดีแบ่งมาให้เราน่ะ เห็นว่าเดือนหน้าคุณชายใหญ่เฝิงจะกลับบ้าน คุณนายเฝิงเลยต้องจัดการงานต่างๆให้เรียบร้อยจะได้ต้อนรับลูกชายได้เต็มที่"
ชุยซินอี๋ที่ได้ยินว่าเฝิงอี้จะกลับมากวานซีหลังจากที่ไม่ได้กลับมานานก็ใจเต้นแรงอย่างแปลกประหลาด เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่กลับมาที่บ้านบ้าง หรือเพราะว่าหลงใหลความเจริญที่ปักกิ่งไปแล้ว
“ซินซิน ได้ยินที่แม่พูดไหม ลูกเหม่อลอยอะไรกัน”
“อ่อ เปล่าค่ะแม่”
ชุยซินอี๋ส่ายหน้าไปมา ก่อนจะนำอาหารไปอุ่น เย็นวันนี้สองแม่ลูกกินอาหารด้วยกันอย่างเรียบง่าย ก่อนจะแยกย้ายเข้านอนไปพักผ่อน
วันเวลาล่วงเลยไปอีกหนึ่งเดือนในที่สุดชุยซินอี๋ก็เรียนจบโรงเรียนมัธยมปลาย และกำลังจะมาทำงานที่ภัตตาคารของคุณนายเฝิง
และอีกด้านหนึ่งเฝิงอี้ก็กำลังจะกลับมาที่บ้านตระกูลเฝิงพอดี หลังจากที่ไม่ได้กลับมานานหลายปีแล้ว