บทที่ 3 อิจฉา【2】
“แต่ตอนนี้เธอกำลังทำงานนะ ไม่ใช่มาตามดารา”
“...”
“ตามฉันมาได้แล้ว เราจะได้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับกันสักที” พูดจบ คุณกวีก็เป็นฝ่ายเดินนำใบแก้วออกไปจากหน้าฉากก่อน ทิ้งให้หญิงสาวแอบทำหน้าทำตาตามหลังอีกฝ่าย เพราะเบื่อหน่ายในความขี้จุกจิกของพระเอกหนุ่มเหลือเกิน
แต่ก็เอาเถอะ...เธอต้องทำงานกับคุณกวีแค่สองสามเดือนเอง เพราะงั้นอดทนได้สบาย ๆ อยู่แล้ว
หลังใบแก้วเดินตามคุณกวีเข้ามาในห้องแต่งตัวแล้ว หน้าที่ต่อไปที่เธอจะต้องทำก็คือการช่วยคุณกวีเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งหญิงสาวก็เพิ่งรู้จากพระเอกหนุ่มนี่แหละว่าเธอต้องทำหน้าที่นี้ด้วย
“เหนื่อยชะมัด” ขณะที่ใบแก้วกำลังปลดกระดุมเสื้อให้คุณกวี เสียงบ่นของพระเอกหนุ่มก็ดังขึ้นเบา ๆ อีกฝ่ายมักจะแสดงท่าทีเหนื่อยล้าให้ใบแก้วเห็นคนเดียวเท่านั้น แต่พออยู่ต่อหน้าทีมงาน พระเอกหนุ่มก็มักจะทำตัวกระปรี้กระเปร่าเหมือนไม่มีความเหนื่อยล้าเลยสักนิด
“พรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปที่ช่องนะ ถ้าจำไม่ผิด... ตอนบ่ายฉันมีไปงานอีเวนต์ใช่ไหม”
“ใช่แล้วค่ะ พรุ่งนี้คุณกวีมีงานอิีเวนต์ที่สยาม” ใบแก้วตอบกลับไปทันที เพราะเธอเพิ่งเปิดดูตารางงานที่พี่ยงยุทธส่งมาให้ ก่อนที่ช่างภาพจะประกาศว่าการถ่ายแบบเสร็จสิ้นเมื่อไม่นานนี่เอง
“ถ้างั้นพรุ่งนี้เธอไม่ต้องมาหาฉันที่คอนโดนะ เจอกันที่ช่องเลย”
“ได้ค่ะ” ใบแก้วพยักหน้ารับ พร้อมกับที่หญิงสาวปลดกระดุมเสื้อให้คุณกวีเสร็จพอดี
หลังทำหน้าที่ที่คุณกวีสั่งเรียบร้อยแล้ว พระเอกหนุ่มก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าท่อนล่างของตัวเองออก ระหว่างนั้นใบแก้วก็นั่งรอคุณกวีอยู่ในห้องแต่งตัวไปพลาง ๆ พร้อมนึกไป
ด้วยว่าถ้าเธอขอให้พระเอกหนุ่มช่วยอะไรสักอย่าง คุณกวีจะยอมตามใจกันหรือเปล่า
เพราะใบแก้วอยากถ่ายรูปกับคุณริษาไปอวดเพื่อนตัวเอง
“เราไปลาคุณภัคแล้วกลับกันเถอะ” คุณกวีพูดกับใบแก้วทันที หลังเจ้าตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมที่จะเดินทางกลับคอนโดของตัวเองแล้ว
ตลอดทางใบแก้วเดินตามหลังคุณกวีไปโดยไม่พูดอะไรอีก ในหัวของใบแก้วเอาแต่พะวงเรื่องที่เธออยากถ่ายรูปกับคุณริษา จนทำให้คุณกวีที่เดินนำไปก่อนถึงกับต้องหันมาถาม เนื่องจากเห็นท่าทีเหม่อลอยของหญิงสาว
“เป็นอะไรหรือเปล่า?” อีกฝ่ายถามขึ้น
“เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไร” ใบแก้วส่ายหน้าปฏิเสธ เธอยังไม่กล้าพูดความต้องการที่อยู่ในใจออกไป แม้ว่าตอนนี้คุณกวีจะเปิดโอกาสให้หญิงสาวได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจแล้วก็ตาม
“ตามใจแล้วกัน”
“...”
“ถือว่าฉันถามเธอแล้วนะ แต่เธอไม่บอกเอง” พูดจบ อีกฝ่ายก
เดินนำไปหาคุณภัคเพื่อบอกลาเธอก่อนกลับตามมารยาท ทว่าเวลาเดียวกันคุณริษาพร้อมด้วยผู้จัดการส่วนตัวของเธอก็กำลังยืนพูดกับคุณภัคพอดี นั่นจึงทำให้อาการพะวงที่ใบแก้วมีในตอนแรกหายไป และเอาแต่จ้องมองนางเอกสาวราวกับต้องมนตร์แทน
“เจอกันอีกแล้วนะคะ” คุณริษาเอ่ยทักคุณกวี
“ทำงานด้วยกันก็ต้องเจอกันสิ” คุณกวีตอบ ก่อนจะหันไปคุยกับคุณภัคเพื่อบอกลาอีกฝ่ายตามความตั้งใจ
“เราชื่ออะไรเหรอคะ เมื่อกี้ก็ลืมถามเลย”
“ช—ชื่อแก้วค่ะ คุณริษา” ใบแก้วตอบนางเอกสาวเสียงสั่น รู้สึกตกใจมากที่คุณริษาหันมาพูดคุยกับเธอ ระหว่างนั้นคุณกวีเองก็ยืนพูดคุยกับคุณภัคอยู่ใกล้ ๆ กัน
“ริษา” คุณกวีหันมาเรียกอีกฝ่ายทันที เมื่อเห็นว่านางเอกสาวหันมาคุยกับใบแก้ว
“พี่กวีจะเรียกชื่อทำไมล่ะคะ ลืมชื่อหนูกะทันหันหรือไง” คุณริษาหันไปถามพระเอกหนุ่ม ในขณะที่ใบแก้วก็แอบระบายยิ้มออกมาจาง ๆ เพราะไม่นึกว่าจะมีคนกล้าต่อปากต่อคำกับพระเอกหนุ่ม
“เธอยิ้มทำไม” คราวนี้คุณกวีหันมาถามใบแก้วแทน
“เปล่านะคะ แก้วไม่ได้ยิ้ม” หญิงสาวรีบปฏิเสธกลับไปทั้งหน้าซื่อ ทำเอาคุณกวีได้แต่ขมวดคิ้วเป็นปม คล้ายเจ้าตัวต้องการพูดอะไรบางอย่างกับใบแก้ว แต่เพราะตรงนี้มีหลายคนยืนอยู่ พระเอกหนุ่มจึงไม่
กล้าพูดอะไรออกมา นอกจากทำหน้าไม่พอใจ
“นี่แก้วมาทำงานกับพี่กวีได้กี่วันแล้ว” คุณริษาถามใบแก้วต่อ
“แก้วเพิ่งมาทำงานกับคุณกวีวันนี้เป็นวันแรกค่ะ” ใบแก้วตอบกลับไป ตอนนี้เธอ็สามารถควบคุมเสียงของตัวเองไม่ให้สั่นยามที่คุยกับนางเอกสาวได้แล้ว
“โห เพิ่งมาทำงานวันแรกเอง งั้นสู้ ๆ นะแก้ว ทำงานกับพี่กวีคงเหนื่อยน่าดูเลยเนอะ...พี่เข้าใจจ้ะ” คำพูดของคุณริษา ทำเอาใบแก้วหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“คุณริษาคะ”
“ว่าไงจ๊ะ?”
“ถ้าแก้วอยากถ่ายรูปกับคุณริษา ไม่ทราบว่าคุณริษาจะว่าอะไรไหมคะ?” พอนึกได้ว่าตัวเองมีความปรารถนาหนึ่งที่ยังไม่ได้ทำ ใบแก้วจึงรีบพูดทันที ระหว่างที่เอ่ยขอออกไปใบแก้วก็เตรียมใจไว้แล้วว่าเธออาจถูกนางเอกสาวปฏิเสธได้
“ด้วยความยินดีเลยจ้ะ” คุณริษาตอบกลับมาโดยไม่เสียเวลาคิด ก่อนจะจัดแจงให้คุณกวีที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดมาถ่ายรูปให้เธอกับใบแก้ว