4
เขาพูดดักคอ ทอดสายตามองเรือนร่างอรชรของคนที่ยืนขวางประตูเอาไว้ ใจอยากกอด อยากหอม อยากทำมากกว่าคุย แต่ต้องหักห้ามใจเอาไว้ เพราะผลีผลามไป กลัวเธอจะโกรธเขาเข้าให้
“แล้วทำไมไม่สั่งข้าวกินกันล่ะ มัวแต่กินเหล้าน่ะสิ”
เธอว่าให้ แต่ก็เดินไปสวมเสื้อคลุมและออกมาจากห้อง จุลภพแอบเสียดายเมื่อเห็นเธอสวมอาภรณ์มิดชิด เพราะอดมองสำรวจเรือนร่างของเธอไปโดยปริยาย
“อาหารที่อื่นไม่อร่อยเท่าฝีมือพิมพ์”
เขาพูดขึ้นลอยๆ ขณะเดินตามหญิงสาวไปยังห้องครัว สายตาคมกวาดมองเอวคอดที่รับกับสะโพกผายแล้วลอบกลืนน้ำลายลงคอ เขาอยากรวบเธอมาจับ ลูบ คลึงแล้วดึงมากระแทกสอดประสานเข้าไปในร่างของเธอนัก แค่คิดความเป็นชายของเขาก็คึกคักจนไม่น่าให้อภัย
“แล้วเมื่อก่อนเห็นกินได้ อาหารฝีมือใครๆ ก็กินได้” คนพูดหัวใจพองโต แต่แกล้งทำเสียงขึงขังไปแบบนั้นเอง แค่เขาบอกว่าไม่มีที่ไหนอร่อยเท่าฝีมือเธอ แค่นี้เธอก็แทบจะกรีดร้องดังๆ ให้ลั่น แต่ต้องระงับเอาไว้
“กินกันตายครับคนสวย ที่ไหนจะสู้ฝีมือพิมพ์ได้” เขายื่นหน้าเข้าไปกระซิบ เธอเบี่ยงหลบ หน้าแดงจนร้อน
“จะกินอะไรล่ะ” แกล้งทำเสียงดุ แต่ถามกลับอย่างใส่ใจ เดินนำหน้าเขาไปยังห้องครัว
ที่นี่มีสามห้องนอน ซึ่งมีห้องน้ำในตัวจึงสะดวก ไม่ต้องออกมาอาบน้ำนอกห้อง มีห้องครัวหนึ่งห้องและห้องรับแขกเป็นสัดส่วน ถึงแม้ไม่กว้างขวางแต่ก็สะดวกสบาย เธอกับพงศ์พัฒน์เก็บหอมรอมริบด้วยน้ำพักน้ำแรงในการทำงาน ก่อนจะดาวน์บ้านได้สำเร็จ เพราะนอกจากทำงานบริษัทแล้ว เธอยังทำขนมส่งขายอีกด้วย
พงศ์พัฒน์เองก็เช่นเดียวกัน แม้จะมีเพื่อนร่ำรวยอย่างจุลภพ แต่ก็ไม่เคยเกาะเพื่อนรวย ไม่เคยเอารัดเอาเปรียบหรือยอมให้เพื่อนเลี้ยงบ่อยๆ ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของสองพี่น้องทำให้จุลภพรู้ข้อนี้ดี พงศ์พัฒน์ขยันไม่แพ้พี่สาว เขามีหัวด้านศิลปะ จึงรับงานด้านนี้มาทำเพื่อเพิ่มรายได้ และมีเงินเก็บมากพอจนสามารถผ่อนบ้านจนหมด
“อะไรก็ได้ครับ ง่ายๆ แล้วกัน พิมพ์จะได้ไม่เหนื่อย”
คนพูดทอดสายตามองใบหน้าหวานหยด ริมฝีปากเต็มอิ่มนั้นเป็นสิ่งที่เขาปรารถนานัก อยากประทับจูบลงไปอย่างดูดดื่ม ขบเม้มและวนลิ้นเข้าไปกระหวัดภายในโพรงปากของเธอ ซึ่งคงหวานล้ำอย่างที่เขาจินตนาการเอาไว้
“ข้าวผัดไหม มีหมูหมักกับผักคะน้าสดๆ พิมพ์เพิ่งเก็บมาแช่ตู้เย็นเอาไว้”
ผักคะน้าที่พิมพ์บงกชพูดถึงคือผักที่หญิงสาวปลูกเองกับมือ เธอปลูกผักหลายชนิด เป็นผักปลอดสารพิษ เหลือจากเก็บกินก็มีแม่ค้ามารับไปขาย ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกันและมีอาชีพขายผักที่ตลาดสด พิมพ์บงกชจะขายให้ในราคาย่อมเยา พอเก็บผักแปลงนี้ขายก็เอาผักใหม่มาลง อีกแปลงก็เก็บทานได้ หมุนเวียนกันไป ด้วยความที่ชอบทำอะไรด้วยตัวเอง รอบบ้านจึงมีผักเกือบทุกชนิดเอาไว้เก็บกินตลอดปี รวมไปถึงไม้ดอกไม้ประดับมากมายที่หญิงสาวขยันนำมาปลูกให้บ้านน่ามองและร่มรื่น ยามว่างเธอก็ทำขนมส่งขาย โชคดีที่มีคนมารับถึงบ้านเพราะติดใจขนมฝีมือของเธอ ทำเท่าไหร่ก็ขายไม่ทัน นับว่าเป็นรายได้ที่ดีอีกอย่าง นอกเหนือจากทำงานประจำ โดยมีสองหนุ่มที่อาศัยอยู่ร่วมบ้านคอยเป็นลูกมือช่วยเหลือตลอดในการจัดขนมแพ็คใส่ถุง
“ก็ดีครับ ภพขอข้าวเยอะๆ แล้วกัน กำลังหิว”
“กินเยอะๆ ดึกๆ แบบนี้ ไม่กลัวอ้วนลงพุงหรือไง เดี๋ยวสาวๆ ไม่มองนะ” เธอแซวเล่น เพราะอยากหาเรื่องพูดคุยกับเขา แต่พอถูกสวนกลับมาถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว
“สาวๆ ไม่มองไม่เป็นไร ให้พิมพ์มองภพคนเดียวก็พอ”
“พูดอะไรของนาย” พิมพ์บงกชบ่นเบาๆ แก้มแดงซ่าน แต่ไม่ได้หันไปมองคนที่เขยิบมายืนอยู่ข้างๆ
“ภพไม่อ้วนหรอกครับ ก็ออกกำลังกายกับพิมพ์ทุกวัน” ร่างสูงเพรียวของเขามายืนอยู่ใกล้ๆ จนสัมผัสได้ถึงไอร้อน พิมพ์บงกชรู้สึกเกร็งโดยไม่ทราบสาเหตุ
“ให้ภพช่วยหั่นผักคะน้าไหม” เขาค่อยๆ จับมือเธอที่ถือมีดทำท่าจะหั่นผักเอาไว้ พิมพ์บงกชสะดุ้งเล็กน้อย เผลอเงยหน้าขึ้นสบตาทรงเสน่ห์คู่นั้น ก่อนจะเบือนหน้าหนี ใจสั่นแปลกๆ
“ก็เอาสิ” เธอเบี่ยงหลบให้เขาช่วยหั่นผัก จุลภพนำผ้ากันเปื้อนมาสวม ก่อนจะหันมาขอความช่วยเหลือหญิงสาว