ยัยตัวร้าย (60%)
“เอ่อ…ฉันมาจากอเมริกา” สาวเจ้าพยายามควบคุมน้ำเสียงของตัวเองไม่ให้สั่นไหว เพราะนั่นอาจจะทำให้เขาจับพิรุธเธอได้ ก่อนจะรีบเปลี่ยนประเด็นสนทนาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจออกไปจากตน “คุณมาตามหาคนโดยรู้แค่ชื่อเนี่ยนะ บ้าหรือเปล่า”
“ผมมีรูปถ่ายของแม่นั่นมาด้วย” มาเฟียหนุ่มว่าพลางดึงรูปออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะยื่นมันให้อีกฝ่ายได้ดูเต็มๆ ตา “นี่ไง รูปของผู้หญิงระยำคนนั้น”
“แย่หน่อยนะ รูปเก่ามากแถมไม่ชัดด้วย” พาฝันยักไหล่พร้อมทำหน้าตาย แล้วลอบผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะมั่นใจว่ายังไงอีกฝ่ายก็จำเธอไม่ได้ รูปที่เธอแต่งกายไปงานแฟนซีหลุดโลกกับเพื่อนเมื่อหลายปีก่อน แถมยังเอียงข้างถ้าจำได้เขาก็เก่งเกินคนแล้ว
“มันมีแค่รูปเดียวเท่านี้แหละที่คนของผมหามาได้ น่าเจ็บใจชะมัดที่รูปของเธอถูกลบออกไปจนหมด ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่จงใจช่วยเหลือเธอ แต่มันจะเป็นใครก็ช่างถ้ากล้ามาต่อกรกับผม ผมไม่ปล่อยมันไว้แน่” มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่เค้นเสียงลอดไรฟันด้วยความเดือดดาล
แม่สาวขาโหดรู้สึกขอบคุณผู้บังคับบัญชาที่ได้ลบรูปของเธอออกจากฐานข้อมูลของทางกองทัพ โดยให้แฮกเกอร์มือหนึ่งทำงานให้อย่างลับๆ แล้วสร้างเรื่องขึ้นมาว่าข้อมูลถูกมือดีจัดการทำลายจนหมดสิ้น
“ฉันขอถามหน่อยเถอะ ว่าคุณมีเหตุผลอะไรถึงได้ดั้นด้นมาตามหาผู้หญิงคนนั้นถึงในทะเลทรายแห่งนี้” อดีตนายทหารสาวมือฉมังแสร้งทำเป็นถามไถ่อย่างใคร่รู้
“แม่นั่นขโมยข้อมูลลับของบริษัทผม” เจคอบเค้นเสียงเข้มจัดสวนกลับ เพียงแค่คิดถึงความอัปยศที่แม่ทหารสาวทำไว้ความโมโหก็แล่นมาเป็นริ้วๆ
“อือฮึ…” หญิงสาวทำทีพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยท่าทางหนักแน่นน่าเชื่อถือ “ถ้าคุณจะมาตามหาเธอที่ทะเลทรายแห่งนี้ฉันว่าคุณคงมาเสียเที่ยวแล้วล่ะ ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาไม่มีใครมาเยือนที่นี่เลย คุณคือคนแรกในรอบหนึ่งเดือน”
“คุณแน่ใจได้ยังไงว่าไม่มีใครมาที่นี่ ในเมื่อคนของผมสืบมาว่าแม่นั่นมากบดานอยู่ที่นี่” ชายหนุ่มแย้งทันควัน เนื่องจากมั่นใจว่าข้อมูลที่ลูกน้องได้มาไม่มีความผิดพลาดแต่อย่างใด สาวแสบแอบเบ้ปากที่อีกฝ่ายรู้ลึกรู้จริงจนน่าหมั่นไส้ แต่ก็ช่างประไรเธอไม่ยอมรับซะอย่าง
“ฉันเป็นหลานสาวของผู้นำหมู่บ้าน และรับรู้สถานการณ์จากท่านทุกอย่าง” สิ่งที่เธอหยิบยกขึ้นมากล่าวอ้างทำให้คนฟังเริ่มคล้อยตามแต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะเจคอบ เนย์สมิธ เป็นคนเชื่อคนยาก และบางทียัยตัวร้ายขาโหดที่เขากระสันอยากจะมีเซ็กส์ด้วยอาจจะตอแหลโคตรก็ได้
“แล้วผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณคือหลานสาวของผู้นำหมู่บ้านจริงๆ ในเมื่อคุณออกมาอยู่ห่างไกลจากผู้คนขนาดนี้” เขาเอ่ยถามพลางหรี่ตามองหน้าอีกฝ่ายเขม็ง ทำเอาคนโดนเพ่งเล็งถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง
“ที่ฉันออกมาอยู่ที่นี่เพราะไม่ชอบสุงสิงกับใคร และถ้าคุณอยากรู้ว่าฉันเป็นหลานสาวของผู้นำหมู่บ้านจริงๆ หรือไม่ก็ไปถามท่านได้เลย บ้านของท่านไปทางนั้น” พาฝันกล่าวอย่างจริงจัง พลางชี้ปลายนิ้วไปยังหมู่บ้านที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลสาบอีกฟาก
“โอเค ไปถามก็ดีเหมือนกันจะได้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย ดีไม่ดีผมอาจจะได้เบาะแสยัยหัวขโมยตัวแสบก็เป็นได้” กล่าวจบเจ้าของร่างทรงพลังก็ผุดลุกขึ้น แล้วก้าวดุ่มๆ ถือปืนเดินจากไป
ปืนไม่มีลูกยิงถูกก็ไม่ตาย แม่สาวขาโหดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอกไปเปราะหนึ่ง ทว่าไม่นานดวงตากลมโตก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าของอีกฝ่ายวางแหมะอยู่บนผืนทราย
“เฮ้! แล้วกระเป๋าคุณล่ะ” เสียงหวานตะโกนไล่หลังพร้อมชูกระเป๋าในมือซึ่งเธอเพิ่งคว้าขึ้นมา
“ผมฝากคุณไว้ก่อนแล้วกัน” ชายหนุ่มโบกมือให้แล้วก้าวไปข้างหน้าไม่ลดละ วาจาที่หลุดออกมาจากริมฝีปากเซ็กซี่ทำให้คนฟังอ้าปากค้าง ครั้นตั้งสติได้อีกฝ่ายก็เดินจากไปไกลเห็นเพียงหลังไวๆ เสียแล้ว
“บ้าเอ๊ย! ทำไมต้องมาฝากฉันไว้ด้วยนะ ไปแล้วทำไมไม่ไปลับเสียเลยล่ะ” สาวห้าวบ่นอุบอย่างหัวเสียสุดๆ ก่อนจะก่นด่าตัวเองด้วยความเจ็บใจ
“ยัยฝันเอ๊ย แกทำบ้าอะไรลงไปวะเนี่ย อยู่ดีไม่ว่าดีดันไปช่วยศัตรู รู้อย่างนี้แม่เป่ากะโหลกตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง” ขาดคำอดีตนายทหารสาวก็ยกมือเรียวขึ้นลูบหน้าตัวเองด้วยความกลัดกลุ้มและคิดไม่ตก
จากนั้นพาฝันก็กระแทกลมหายใจออกมายาวเหยียด อยากจะหนีไปก่อนที่เขาจะกลับมาก็ทำไม่ได้ เพราะไม่ชำนาญเส้นทางในทะเลทรายเลยสักนิด ออกไปก็รังแต่จะตายเปล่า แต่ถ้ายังอยู่ที่นี่รอเขากลับมาก็ต้องวัดใจกันล่ะว่าใครจะอยู่ใครจะไป ฝีมือใครมันจะแน่กว่ากัน
หลังจากนั้นประมาณสองชั่วโมงเจคอบก็กลับมาหาเธอด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ แต่ไม่ว่าเขาจะมาด้วยสภาพไหนแม่สาวใจเด็ดก็เตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์
“เป็นยังไงบ้างคุณ ได้เรื่องอะไรไหม” ทันทีที่เจ้าของร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างมาหยุดยืนค้ำหัวหญิงสาวก็รีบผุดลุกขึ้นเพื่อจะได้เผชิญหน้ากับเขาอย่างถนัดถนี่ ท่าทีระแวดระวังจนเกือบเป็นลนลานของอีกฝ่ายทำให้คิ้วเข้มที่พาดอยู่เหนือดวงตาสีน้ำตาลทองย่นเข้าหากัน
“ไม่เลย เป็นอย่างที่คุณบอกไว้ไม่มีผิด” เสียงห้าวเอ่ยอย่างเซ็งๆ ขาดคำเขาก็กระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน
“นั่นไงล่ะ ฉันบอกคุณแล้ว” พาฝันเผลอถอนหายใจออกมาด้วยความลืมตัว อากัปกิริยาเพียงเสี้ยวนาทีทำให้มาเฟียหนุ่มอดนึกตงิดใจไม่ได้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่สาวห้าวดูมีพิรุธ
“จะยังไงก็ช่าง ผมยังคิดว่าแม่นั่นอยู่ที่นี่” เจคอบยืนยันเสียงเข้ม เพราะค่อนข้างมั่นใจว่าข้อมูลที่ได้มาจะไม่มีอะไรผิดพลาด และคนของเขาก็ไม่เคยทำงานสะเพร่า
“แล้วคุณจะไปตามหาเธอที่ไหนต่อ ฉันว่าคุณ…” คนตัวเล็กยังกล่าวไม่ทันครบถ้วนกระบวนความอีกฝ่ายก็โบกมือเป็นเชิงห้ามปรามเสียก่อน
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้ผมไม่ไหวแล้ว ร้อนฉิบหาย” เสียงห้าวทุ้มบ่นงึมงำ ขณะถอดเสื้อยีนส์แขนยาวออกเหลือไว้เพียงเสื้อยืดสีดำขนาดพอดีตัวแลเห็นกล้ามเป็นมัดๆ ก่อนจะยกหลังมือขึ้นปาดหยาดเหงื่อออกจากดวงหน้าหล่อลากไส้ เนื่องจากการเดินลุยทรายไปกลับไม่ใช่เรื่องหมูๆ และหากเจคอบไม่ได้รับการฝึกฝนให้รู้จักคำว่าอดทนประหนึ่งฝึกทหารมาตั้งแต่เข้าสู่วัยรุ่นเขาก็คงจะแห้งเหี่ยวตายกลางผืนทรายไปแล้ว
“คุณคิดจะทำบ้าอะไรไม่ทราบ” ก่อนที่เจ้าของร่างทรงพลังจะเดินเข้าไปในกระโจมซึ่งเธอดึงผ้าใบที่คลุมทั้งสี่ด้านขึ้นมาผูกไว้เพื่อให้อากาศถ่ายเทเสียงหวานติดจะห้วนก็ดังขึ้น พลางชักปืนที่เหน็บอยู่ตรงเอวออกมา
“ผมเหนื่อยมาก ของีบสักพักแล้วกันนะคนสวย เดี๋ยวค่ำๆ จะลุกขึ้นมาทำความรู้จักกับคุณให้ลึกซึ้งกว่านี้” ขาดคำเขาก็ล้มตัวลงนอน แล้วหลับตาทันที ทำเอาแม่สาวแสบถึงกับอ้าปากค้าง ก่อนจะเก็บปืนเข้าที่เดิม
“ไม่ได้นะ คุณจะมานอนที่นี่ไม่ได้ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้! ลุกขึ้นมา!” หญิงสาวเดินมากระชากคนที่กำลังนอนหลับตาพริ้มด้วยท่าทางฉุนเฉียว พร้อมตะเบ็งเสียงออกคำสั่งดังสนั่น