บทที่ 4 แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ
ในที่สุดสาริศาก็ได้สติขึ้นบ้าง
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า คาดไม่ถึงว่าต้องการจะแต่งงานกับเธอจริง ๆ
แต่นี่เป็นเพียงการพบกันครั้งที่สองของพวกเขาเท่านั้นนะ นี่มันช่างน่าขัน!
“คุณคะ คุณอย่าพูดเล่นเลยค่ะ”
สาริศาอยากจะคืนเงินให้อีกฝ่ายและรีบไป แต่ผู้ชายคนนั้นก็ได้แต่พูดขึ้นอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“คุณสาริศา คุณถึงขนาดยอมให้โอกาสผู้ชายพรรค์นั้นเมื่อวานนี้ ทำไมถึงไม่ยอมให้โอกาสผมล่ะ?” สิ่งที่ผู้ชายคนนั้นพูดเหมือนกำลังจะต้องการให้สาริศาเห็นด้วย แต่น้ำเสียงของกลับไม่อ่อนข้อให้ “หรือว่าผมสู้เขาไม่ได้? อ้อ ผมเข้าใจแล้ว คุณสาริศาดูถูกที่ผมเป็นคนพิการ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่แบบนั้น” สาริศาโพล่งออกมา แต่เมื่อเธอได้พบกับแววตาของชายคนนั้นที่กึ่งยิ้มกึ่งนิ่ง เธอตระหนักว่าดูเหมือนเธอจะถูกชายคนนั้นจูงจมูกเดินเสียแล้ว
สาริศากัดริมฝีปากของเธอด้วยความหงุดหงิดและพูดด้วยท่าทางจริงจัง “คุณคะ พวกเราต่างไม่รู้จักอีกฝ่าย การตัดสินใจแบบนี้มันฉุกละหุกเกินไป”
“ผู้ชายที่คุณเดตด้วย คุณเองก็ไม่รู้จัก” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างเฉยเมย แต่มันก็ตรงไปตรงมามาก สาริศาไม่ใช่คนพูดเก่ง เพียงพริบตาก็ถูกต้อนจนพูดไม่ออก
“คุณสาริศา” ชายหนุ่มประสานมือวางไว้ที่บนขาเรียวของเขาบนรถเข็นนั้นและเงยหน้ามองสาริศาด้วยสายตาเป็นประกาย “ผมเชื่อว่าคุณต้องการการแต่งงานครั้งนี้มาก ถ้าหากครั้งนี้คุณพลาดไป คุณคิดโอกาสครั้งต่อไปของคุณจะเป็นเมื่อไหร่?”
ต้องพูดว่าผู้ชายคนนี้เป็นนักเจรจาที่เก่งกาจจริงๆ และทุกประโยคก็จับจุดอ่อนของสาริศาได้จนดิ้นไม่หลุด
ใช่แล้ว เธอต้องการการแต่งงานมากจริง ๆ
จะพูดให้ถูกก็คือเธอต้องการสามีในเมืองนี้จริง ๆ
ถ้าไม่อย่างนั้นเธอคงจะไม่เดตกับผู้ชายเยอะขนาดนี้ภายในระยะเวลาสามเดือน หรือแม้กระทั่งเจอกับผู้ชายแปลก ๆ อย่างกรภัค
สาริศายอมรับว่าเขาพูดถูกและไม่สามารถจะปฏิเสธได้เลย เขาเพียงแค่จ้องไปที่ชายที่นั่งรถเข็นที่อยู่ข้างหน้าเป็นเวลานานก่อนที่จะพูดออกมา “คุณ...เป็นคนเมืองSรึเปล่า?”
เมื่อได้ยินคำนี้ ริมฝีปากของผู้ชายก็ยกขึ้น “ใช่”
สาริศาไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่แอบจับบัตรประชาชนแน่นด้วยมือของเธอในกระเป๋า
พูดไปแล้วมันช่างบังเอิญเหลือเกิน วันนี้ทางโรงพยาบาลต้องการเอกสารระบุตัวตนของแม่เพื่อทำเรื่องบางอย่าง ดังนั้นเธอจึงเอาบัตรประชาชนมาด้วย
หรือจะบอกว่านี่เป็นเจตจำนงของสวรรค์ในแดนพิศวง?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สาริศาก็เหลือบมองชายตรงหน้าเขาอีกครั้ง
ถึงแม้จะนั่งอยู่บนรถเข็น แต่ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือท่าทาง ก็ดีกว่าผู้ชายที่ยุ่งเหยิงที่เธอเคยเจอในการออกเดตไปเรื่อยมาก่อนมาก
สาริศาเอ๊ยสาริศา สามเดือนมานี้ สิ่งที่ร้องขอมาตลอดไม่ใช่ว่าความต้องการจะแต่งงานกับผู้ชายในเมืองนี้เร็ว ๆ หรอกเหรอ?
ในวันนี้ความปรารถนาของเธอมาอยู่ตรงหน้าแล้ว เธอยังจะเป็นกังวลอะไรอีกล่ะ?
ด้วยความคิดมากมายในหัวใจของเธอ สุดท้าย สาริศากัดริมฝีปาก กดร่องรอยการสั่นสะเทือนครั้งสุดท้ายในหัวใจของเขา และเงยหน้าขึ้นทันที
“ได้ ฉันตกลง”
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ในมือของสาริศาก็มีทะเบียนสมรสและเดินตัวเบาหวิวออกมาจากสำนักงานกิจการพลเรือนราวกับฝันไป
ไม่ว่าอย่างไรเธอก็คิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ ตนก็แต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นผู้ชายที่พบกันโดยบังเอิญอีกด้วย
สาริศาก้มลงดูทะเบียนสมรส ในภาพด้านบน คนสองคนนั่งเคียงข้างกัน ผู้ชายคนนั้นดูเฉยเมย ขณะที่ใบหน้าของเธอที่ระแวดระวังและประหม่า
ใต้รูปถ่ายมีชื่อของพวกเขาทั้งสองคน
พูดไปแล้วก็ดูไร้สาระ คิดไม่ถึงว่าเธอเพิ่งจะรู้ชื่อของสามีของตนเองจากทะเบียนสมรส
ธนพัต
เป็นชื่อที่เรียบง่ายแต่ก็มีความใจกว้างเหมาะกับท่าทางของผู้ชายคนนี้
เพียงแต่ว่านอกจากชื่อและเบอร์โทรศัพท์มือถือแล้ว สาริศาแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสามีคนใหม่ของตนเองเลย
จู่ ๆ เธอก็คิดขึ้นได้ว่าตนเองนั้นผลีผลามเกินไปรึเปล่า? ถึงแม้อีกฝ่ายจะดูเป็นผู้เป็นคน แต่ถ้าเป็นสัตว์ยรกภายใต้คราบคนดีจะทำยังไง?
ในขณะที่สาริศารู้สึกเสียใจเล็ก ๆ อยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีมือที่เห็นกระดูกชัดเจนยื่นออกมาต่อหน้าต่อตาเธอ พร้อมกับการ์ดที่อยู่ระหว่างปลายนิ้ว