บทที่ 1
“อีหล่าตกลงแม่นบ่”
เสียงถามของบิดา ทำให้จันดาลีเขินจนตัวแทบจะแทรกลงไปในโซฟา เธอหน้าแดงก่ำ แล้วก้มหน้างุด รอยยิ้มแยกกว้างเต็มที่ ตากลมคมสวยเปล่งประกายระยิบระยับ อาการของลูกสาวเพียงแค่นี้ก็บอกแล้วล่ะว่า จะตกลงหรือไม่ตกลง
“เบิ่ง(ดู) หน้าลูกสิ เบิกบานปานดงดอกไม้ คงจะบ่ขัดหรอก”
มารดาเอ่ยขึ้นมาสำทับ ทำให้คนที่เขินจนตัวบิดสุดจะทนแล้วตอนนี้ เธอลุกพรวดขึ้น ทำให้ท่านทั้งสองมองหน้าเธอพร้อมๆ กันด้วยความตกใจที่จู่ๆ เธอลุกพรวดพราดขึ้นแบบนั้น
“โอย...แก้มหอม ไปเฮ็ดเวียก (ทำงาน)ก่อนล่ะเจ้า”
“จะไปเฮ็ดอิหยัง (ทำอะไร) ป่านนี้ นี่เราอยู่เมืองไทย บ่ได้อยู่เวียงจันทร์นะอีหล่า”
“นั่นล่ะ น้องมีงานจะต้องเฮ็ดมากมายพะเนิน ไปล่ะเด้อ”
ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินปร๋อ หนีพ่อแม่ที่มองหน้ากันพลางอมยิ้ม
“ขนาดนุ่งซิ่น ยังเดินปานซิ่งไปเลยนะนั่น ลูกสาวหล่าเฮา”
“ถ้าจะเขินอายล่ะสิ” คุณพอนไซหันมายิ้มกับภรรยา
“ก็แอบฮัก (รัก) เขามาตั้งนานนมล่ะหนอ” คุณบุหงาถอนหายใจเบาๆ
“แต่ที่เราทำนี่ มันเหมาะแล้วเนาะเจ้าอ้าย ที่ว่า...เอ่อ...” เธอย่นจมูกนิดๆ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนกับสามีทำลงไปหนนี้
“เราสองคนทำเหมือนเอาลูกสาวไปใส่พานถวายเขา แถมยังเหมือนซื้อลูกชายเขามาแต่งงานกับลูกสาวเราแบบนี้ด้วย”
“บ่เป็นหยังดอก อีหล่าของเราน่าฮักออกจะปานนี้ น่าเอ็นดู น่าฮัก ผู้บ่าวก็อดฮักบ่ได้ดอก ลูกสาวเฮาเป็นถึงเน็ตไอดอล สาวลาวอันดับต้นๆ ที่มีคนหมายปองเลยนา”
คุณพอนไซว่า ความสุขของลูกสาวคนเดียว มันจะเสียเกียรติไปบ้าง ตรงไปเสนอเขาก่อน แต่ทางนั้นสนองแล้ว ก็หยวนๆ กันไปนั่นแหละน่า
“ก็หวังว่าที่เราสองคนทำไปมันจะถืก (ถูก) ต้องเนาะอ้ายเนาะ”
คุณบุหงาอดถอนใจอีกหนไม่ได้ จะอย่างไรเธอก็ยังเป็นห่วงลูกสาวคนเดียว แก้วตาดวงใจของเธอและสามีอยู่ดี
เพราะบันทึกเล่มนั้นแท้ๆ
เพราะความรักลูกอย่างสุดดวงใจ อยากให้ลูกได้ในสิ่งที่หวัง และครองคู่กับชายที่ตนแอบรักมานานหนักหนา หล่อนและสามีจึงได้ตกลงใจเอ่ยปากเรื่องนี้กับเพื่อนสนิทอย่างคุณสีดา ที่พอรู้ว่าจันดาลีแอบรักธงราม ทางนั้นก็ตบเข่าฉาด และเปิดไฟเขียวผ่านตลอดให้สองหนุ่มสาว ลงทุนวางแผนด้วยว่าจะให้ลูกชายของทางนั้น ตกลงเรื่องแต่งงานให้ไวที่สุด ชนิดว่าฤกษ์ไหนไวสุด สะดวกสุดก็เอาฤกษ์นั้นกันเลยทีเดียว ซึ่งฤกษ์นั้นก็แค่อีกไม่ถึงเดือนนี้
คุณสีดาบอกมาเลยว่า จะจัดการให้ธงรามตกลงให้ได้ แต่งงานไปเลยยิ่งดี เพราะชายหนุ่มอายุมากแล้ว เดี๋ยวจะมีหลานไม่ทันใช้เอา คนอย่างธงรามต้องสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อให้ยอมตกลง เพราะเธอรู้จักลูกชายดีว่าเป็นคนแบบไหน
‘เรามาร่างสัญญากันแบบหลอกๆ ว่าฉันเป็นหนี้ทางเธออยู่สามร้อยล้าน รับรองว่าตารามเห็นแล้วจะพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ยอมตามใจแม่แน่นอน’
‘เอ่อ...จะดีหรือที่เราเร่งให้เด็กสองคนแต่งกันเลยแบบนี้ ฉันก็เห็นยัยแก้มหอมบันทึกถึงพี่รามของแก เลยเอามาเล่าให้เธอฟัง ว่าลูกสาวของฉันชอบพี่รามของแกมาก ปลื้มมาก’
‘ยัยบี๋เอ๊ย’
เพื่อนรักตีแขนของเธอดังเพี๊ยะ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อนึกถึงบุตรชายคนโตของตนเอง
‘อย่างนายรามน่ะ ต้องแบบนี้แหละ จับแต่งกันไปเลยดีแล้ว ขืนรอให้จีบเองคงนานอะ นี่ฉันรอว่าที่ลูกสะใภ้มาตั้งนานนมแล้ว แนะนำเป็นสิบคนแล้ว ไม่เอาสักคน ต้องเล่นแบบนี้แหละ อีกอย่างนะลูกชายฉันก็ไม่ได้รังเกียจอะไรน้อง เห็นรักกันดีเล่นกันดีตั้งแต่เด็ก แบบนี้แหละดีแล้ว เหมาะสมกันยังกับกิ่งทองใบหยกก็ไม่ปาน รอให้จีบกันเองคงจะนาน เราจับมัดกันไปเลยนี่ล่ะ อุ้มสมไปเลย เรียบร้อยไปเลย’
‘อายุอานามก็เหมาะแล้วที่จะสร้างครอบครัว’
คุณสีดากล่อมอีกรอบ เธออยากได้ลูกสาวของเพื่อนมาดองกันไว้จริงๆ ยิ่งกับลูกชายคนโต ที่ดูแล้วจะริบหรี่เหลือเกินในเรื่องผู้หญิง โอกาสมาขนาดนี้ แถมด้วยเป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทที่เคยเห็นกันเคยเอ็นดูกันมาแต่เล็กแต่น้อย
เรือล่มในหนองทองจะไปไหน...
‘ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไปจัดการลูกชายเธอ ส่วนฉันจะจัดการทางยัยแก้มหอมเอง’
คุณบุหงายอมในที่สุด ผลก็คือพอเธอบอกจันดาลีปุ๊บ ก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ สักนิด เขินจนตัวบิด อายจนหน้าแดงไปแล้วโน่น
เอาเถอะ...
เธอคงจะตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้องที่สุดให้กับจันดาลีแล้วล่ะ
...............................................................................................................................................................................
“อ้ายรามของแก้มหอม”
จันดาลีนอนอยู่บนเตียงนุ่มของเธอ ตั้งแต่ขึ้นมาบนห้องนอนแล้ว เธอก็โถมตัวลงบนเตียง นอนกลิ้งไปเกลือกมา อายจนไม่รู้จะทำอะไรดี ดีใจก็ดีใจ ความรู้สึกดีใจจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
‘แม่จะให้อีหล่าแต่งงานกับอ้ายราม’
โอย...
เธอเอาหมอนนุ่มขึ้นปิดหน้า ร้องกรี๊ดอีกหนอย่างอดรนทนไม่ได้ กับข่าวดีของมารดา จนลืมมีสติไปชั่วแวบ ว่าทำไมจู่ๆ ท่านถึงอยากให้เธอแต่งงานกับธงราม
ธงรามผู้ชายในใจของเธอ ตั้งแต่เธอยังเด็ก เธอรักอ้ายรามของเธอมาก เขาช่างเป็นผู้ชายที่ช่างปกป้อง เอาใจ อ่อนโยน ทำให้เด็กน้อยผมเปียจันดาลี ปลื้มเปรม มีความสุข ราวกับเจ้าหญิงที่ถูกพิทักษ์โดยอัศวินก็ไม่ปาน เธอเคยใกล้ชิดเขาเมื่อวัยเยาว์และมันก็เป็นความประทับใจไม่รู้ลืม ลืมไม่ได้แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนับสิบปี เธอยังคงมองหา ยังคงติดตามข่าวของธงรามเสมอ เพ้อถึงเขาเกือบทุกวัน จนต้องระบายความในใจทั้งหมดลงในสมุดบันทึก เธอทำเหมือนกับนี่เป็นตัวแทนของธงราม ที่เธอเล่าเรื่องราวต่างๆ เล่าถึงความปลื้มของเธอลงในสมุดบันทึก เธอทำแบบนี้ปีแล้วปีเล่า เล่มล่ะปี...นับได้ก็หกเล่ม ตั้งแต่แตกเนื้อสาว รับรู้ว่านี่คือความรัก เธอก็มีแต่อ้ายราม...วนเวียนอยู่ในห้องหัวใจ
ราวกับฝันได้เป็นจริง
สวรรค์อยู่ใกล้แค่เอื้อม
เธอจะได้ดอง(แต่งงาน)กับอ้ายราม...
“โอ๊ย...หยังมามีความสุขจังซี้”
จันดาลีครวญอย่างแสนสุข หน้าของเธอแดงก่ำ หนหลังสุดได้พบกับเขาก็ปลายปีที่แล้ว เขามาเที่ยวที่ลาว โดยมีเธอเป็นไกด์ มันทำให้จันดาลีเพ้อไปเป็นเดือนๆ และหาเรื่องเดินทางไปที่ไทย ทั้งที่ธุรกิจที่นี่กำลังก้าวหน้า เธออ้างว่าไปดูตลาดที่ไทยบ้าง ไปหาของเพิ่มบ้าง แต่ไปทีไรก็ไม่ค่อยพบกับธงราม เขาชอบเก็บตัว หรือเดินทางคนเดียวเงียบๆ ไปบ้านป้าสีดาทีไรต้องเสี่ยงดวง ว่าจะเจอเทพบุตร หรือ...
ภาพชายอีกคนแวบมาในห้วงนึก ผู้ชายที่มีนัยน์ตาสีเข้ม ล้ำลึกดำสนิท มันส่องประกายระยับแปลกๆ ยามมองจ้องเธอ และเขาก็ชอบที่จะจ้องหน้าเธอนานๆ จ้องแบบให้รู้ว่าโดนจ้อง มองแบบให้รู้ว่ากำลังจับตามอง แถมยังยิ้มนิดๆ ให้เห็นเขี้ยวทั้งสองข้าง...สำหรับคนอื่นมันอาจจะชวนให้ใฝ่ฝันถึง หลงใหลกับเสน่ห์ร้ายๆ นั้น ยกเว้นแต่จันดาลี เธอไม่ชอบทั้งรอยยิ้ม และสายตาของผู้ชายคนนี้เอาเสียเลย
ธงลักษณ์ น้องชายฝาแฝดของธงราม
ถ้าอ้ายรามเป็นเทพบุตร
อ้ายลักษณ์ก็ซานตานดีๆ นี่ล่ะ
เอ...เธอลืมไปเลยว่าต้องแต่งไปทางโน้น หรือแต่งแล้วอยู่ทางนี้กันนะ แค่คิดว่าจะต้องอยู่บ้านเดียวกับผู้ชายแสนน่ากลัวอย่างธงลักษณ์แล้ว จันดาลีก็ให้หนาวๆ ร้อนๆ กันเลยทีเดียว
เขาเป็นตัวทำลายความสุขของเธอโดยแท้ ดูเอาเถอะ แค่เผลอไปคิดถึงนิดเดียว อาการใจฟูเพราะเรื่องธงราม มันถึงกับแฟบลงเลยทันที
เหอะ!