ตอนที่ 11 หนึ่งชีวิต
จนร้องไห้ แต่จะมีใครสักกี่คนกัน รู้ว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับเธอในตอนนี้
ราวกับทุกอย่างถูกสาปให้หยุดนิ่ง แพรรดาชะงักค้าง ร่างกายแข็งทื่อทำตัวไม่ถูก ต่อจากนี้เธอต้องใช้ชีวิตอย่างไรทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้ด้วยดีแล้วเชียว
หญิงสาวโกรธเกลียดเขาที่ทอดทิ้งไป เข้าหาเพื่อหลอกลวงหวังเพียงร่างกายของเธอ ทิ้งตัวแทนเขาไว้ให้เจ็บช้ำทรวงอก เจ้าก้อนเนื้อในครรภ์กลับไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย และไร้เดียงสาจนเธอไม่อาจใจดำทำร้ายได้ลงคอ
แพรรดาขย้ำเอกสารในมือที่เธอถือติดออกมาจากห้องตรวจด้วย ซึ่งเป็นผลการตรวจอันตราซาวด์ผ่านเครื่องตรวจที่ทันสมัย มีตัวหนังสือเขียนบันทึกเอาไว้บนกระดาษแผ่นสีขาว ถึงอายุการตั้งครรถ์ของเธอประมาณ 5 สัปดาห์
ดาราสาวค้นหาที่อยู่ของณภัทรจากอินเทอร์เน็ตจึงทราบว่านอกจากเขาจะมีบริษัทส่งออกอาหารเพื่อสุขภาพไปขายที่ต่างประเทศ ก็ยังทำธุรกิจส่วนตัวอีกหลายด้านรวมถึง โรงแรม และธุรกิจผับบาร์สำหรับไฮโซ
ณภัทรไม่ค่อยกลับบ้านที่บ้านจึงมีแค่พ่อกับแม่ที่อยู่ที่นั่น ชายหนุ่มเคร่งความเป็นส่วนตัวเลยออกมาอยู่ข้างนอก ซื้อคอนโดอยู่เป็นการส่วนตัว เขามักอาศัยอยู่คอนโด หรือไม่ก็ออกมาดื่มสังสรรค์ที่ผับกับสหาย ทำตัวเสเพลมั่วผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า โดยไม่คิดจริงจังกับใคร สิ่งเดียวที่เขาจริงจังด้วยคงมีแค่เรื่องงานเท่านั้น
แพรรดาเลื่อนหาช่องทางการติดต่อเขาจนเจอ เมื่อเข้าไปนั่งในตัวรถเป็นเวลานาน เธอก็เริ่มตั้งสติได้เล็กน้อยหลังจากรู้ตัวเองว่ากำลังท้องอ่อน ๆ จึงไม่ชักช้าโทร.หาอีกฝ่ายตามเบอร์มือถือที่หามาได้
มันไม่ใช่เรื่องดี เธอกลัวจะมีข่าวหลุดออกไปสู่ภายนอกอีก มุกดานำมาหยุดอยู่บริเวณหน้าประตูห้องทำงานส่วนบุคคลห้องหนึ่ง
"ห้องนี้ค่ะ ท่านประธานรออยู่เชิญค่ะ" มุกดาเปิดประตูให้ผายมือเชิญแขกด้วยท่าทีสุภาพพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร แพรรดายิ้มตอบกลับก้าวพ้นทรนีประตูก็ปิดสนิทลง
"ฉันมีเรื่องต้องคุยกับคุณค่ะ" ดาราสาวหยุดยืนเยื้องโต๊ะทำงาน เธอโพล่งขึ้นทันทีโดยที่อีกฝ่ายนั่งไขว้ห้างอยู่เก้าอี้มองเธอด้วยสายตาเย็นชาราวกับว่าคนละคนกับผู้ชายคนนั้นที่เธอเคยหลงคารม
"มีอะไรต้องคุย ว่ามาสิ"
ที่สวมแว่นตากันแดดช่วยบดบัง เขาจึงไม่ได้เห็นแววตาสะท้อนความผิดหวังกับนัยน์ตาคู่สวย ผู้ชายสารเลวไม่ควรได้เห็นน้ำตาของเธอ
"นอกจากคุณจะไร้จิตสำนึก ยังดูถูกคนอื่นเก่งเหมือนเดิมเลยนะ ดีเหมือนกันที่คุณปฏิเสธเขา ฉันคิด ๆ ดูแล้ว ว่าลูกเองก็คงไม่อยากมีพ่อที่เห็นแก่ตัวแบบนี้หรอกค่ะ"
แพรรดาจำใจต้องรับผิดชอบตัวเองในขณะอีกคนปล่อยเธอลอยลำ
"เออ ฉันไม่ต้องการเด็กในท้องเธอด้วย ได้ยินชัดแล้วก็ออกไปจากชีวิตฉันซะ!"
เพล้ง!
แก้วกาแฟบนโต๊ะทำงานถูกปัดทิ้งจนแตกกลายเป็นเศษกระเบื้อง น้ำกาแฟสีน้ำตาลเข้มกระฉอกเปื้อนพื้นห้องจนเหนียวเหนอะ
แพรรดาสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ รีบถอยร่นห่างจากซาตานร้ายด้วยสัญชาตญาณเมื่อรับรู้ได้ถึงภัยอันตราย
ณภัทรหยัดกายยืนเต็มความสูงทันใดนั้นฝีเท้าสืบเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ
"คะ...คุณจะทำอะไรคะ"
"ฉันบอกให้ออกไปจากชีวิตฉัน อย่าได้เอาเด็กในท้องของเธอที่ไม่รู้มันเป็นลูกใครมาแอบอ้างกับฉัน!" เสียงเข้มขึงขังเค้นลอดซี่ฟันสั่งมิลังเลเลยสักนิด ณภัทรผลักหัวไหล่เล็กคล้ายขับไล่เธอออกไปจากที่นี่เสีย และไม่ได้แค่ขู่แต่คนมีอำนาจอยู่ในมือย่อมทำได้มากกว่านั้น
"คุณอย่าลืมล่ะ...อย่าลืมว่าคุณพูดอะไรไว้ อย่าวิงวอนขอร้องฉันทีหลัง!"
แพรรดาตาสว่างมากขึ้น เธอถอยหลังทีละก้าวช้า ๆ แม้ใบหน้าไม่แสดงออกถึงความรู้สึก แต่หัวใจกลับปวดร้าวราวกับโดนหอกแหลมวิ่งเข้ามาทิ่มแทง
เธอไม่น่ามาที่นี่เลย และอย่าได้ถามถึงเยื่อใยจากผู้ชายไร้หัวใจพันธุ์นี้เลย
"เธอคิดว่าเธอเป็นใครกันมีอิทธิพลต่อชีวิตฉันยังไง ฉันถึงต้องวิงวอนขอร้องเธอทีหลัง" เขามันอีโก้สูงเสียดฟ้าไม่มีทางโงหัวให้ใครหน้าไหนทั้งนั้นแหละ
"ค่ะ...ลาก่อนไอ้ผู้ชายเฮงซวย!"
ดาราสาวพ้นถ้อยคำบริภาษทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากมา โดยไม่ง้อหรือเรียกร้องอะไรจากอีกฝ่าย หากเธอแฉเขาก็มีแต่เสียกับเสีย แต่แพรรดาเลือกที่จะไม่สร้างเวรสร้างกรรมต่อกัน
เธอเพียงต้องการมาแจ้งให้ทราบจะได้ไม่มีปัญหากันตามมาภายหลัง ส่วนณภัทรจะยินดีหรือยินร้ายอย่างไรเธอก็ไม่ควรเก็บมาคิดเล็กคิดน้อย เพราะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกต้องนัก...พวกเขาผิดร่วมกัน
และในเมื่อพ่อเด็กไม่ยอมรับ ผลักไสเธอกับลูกออกไปจากชีวิตเขา เธอจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ให้ณภัทรด่าทอจนดูไร้ศักดิ์ศรีถูกลดทอนคุณค่ามากไปกว่านี้
ยังไงเขาเข้าใจไปแล้วนี่ว่าเด็กในท้องไม่ได้เป็นลูกที่เกิดจากเขา การกระทำ คำพูดมันชัดเจนหมดแล้ว
มีแค่เธอกับลูกมันจะยากอะไร มีกันแค่สองคนยังดีกว่ามีพ่อไม่เอาไหนเสียอีก!