ตอนที่ 4 ทวงหนี้ 2
ก่อนที่จะไปรับงานในวันนี้เธอได้เตรียมใจไปอย่างดี แม้จะเป็นครั้งแรกก็ตาม ตลอดเวลาที่อยู่ในวงการบันเทิงถึงจะมีคนติดต่อให้เธอรับงานนี้มาตลอดก็ตาม แต่เธอก็ปฏิเสธทุกครั้ง แต่ในครั้งนี้คิดเพียงแค่ว่าโอกาสแบบนี้มันไม่ได้มีมาบ่อยๆ ที่เธอจะได้เรตค่าตัวขนาดเทียบเท่าดาราดังหลายคนที่เคยทำ เพราะครั้งล่าสุดที่มีคนติดต่อมาเมื่อห้าเดือนที่แล้วก็ให้เธอแค่สามหมื่นเท่านั้นเอง การตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาทีในตอนที่ชีวิตหาทางออกไม่เจอ ทำให้ชีวิตเธอผิดพลาดอีกครั้งจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ขนาดตอนที่เป็นข่าวฉาวเธอยังไม่ได้สะทกสะท้านอะไรสักนิด
เสียงเรียกของโทรศัพท์ในช่วงบ่ายแก่ๆ ของวัน ทำให้พราวฟ้ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา รีบคว้าโทรศัพท์ในกระเป๋าถือใบเล็กออกมาทันที
(เป็นไงบ้างไอ้พราว เมื่อคืนโอเคไหมวะ ฉันโทรไปตั้งหลายสายแกไม่รับ)
แม่เมย์กรอกเสียงถามมาตามสาย น้ำเสียงนั้นเจือไปด้วยความห่วงใยมากกว่าผู้เป็นพ่อเสียอีก
"โอเคค่ะแม่ หลับเพิ่งตื่นเนี่ยแหละ"
โกหกคำโตไปแล้ว ทั้งที่ตัวเองยังแทบจะปรือตาไม่ขึ้น คงเพราะเมื่อคืนที่เธอนอนร้องไห้อยู่เกือบทั้งคืนเพิ่งจะผล็อยหลับไปเมื่อช่วงเช้ามืดนี้เอง ที่หนังตาจึงรู้สึกได้ถึงอาการบวม เธอเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งส่องกระจกบานใหญ่ตรงหน้าก็ได้แต่ถอนหายใจหนักๆ
(โอเคก็ดีแล้ว ฉันล่ะเป็นห่วงแก)
"ขอบคุณนะแม่"
วางสายไปแล้วก็สำรวจตัวเองอีกครั้ง สภาพยิ่งกว่าไปฟัดกับหมาที่ไหนมา ชุดที่นอนมาทั้งคืนยังเป็นชุดที่เธอใส่ไปเมื่อวาน ไวน์แดงที่หกรดหน้าอกจนถึงเอวยังเป็นคราบราวกับถูกฆาตกรรม นึกถึงพ่อที่เห็นสภาพเธอเมื่อคืนท่านไม่เอะใจสักนิดเลยใช่ไหม หรือเพราะมัวแต่เมาจนไม่ได้สังเกตสิ่งรอบข้าง
ถอดเสื้อผ้าชุดสวยราคาหลายพันที่เคยซื้อเมื่อหลายปีก่อนทิ้งถังขยะในห้องไม่คิดแม้จะเก็บไปซัก
นอนแช่น้ำอุ่นอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงจนรู้สึกว่าร่างกายผ่อนคลายและท้องที่ร้องเรียกหาอาหารถ้านับจริงๆ อาหารเที่ยงเมื่อวานที่บ้านแม่เมย์คงเป็นมื้อสุดท้ายที่เธอได้กินจนถึงตอนนี้
กลับลงมาที่ห้องครัวในช่วงเย็นภายในบ้านที่เงียบเหงาเป็นเรื่องปกติ จะมีก็เพียงรูปแม่ที่ยิ้มให้เธออยู่ตรงห้องรับแขก ถ้าท่านไม่ด่วนจากไปเร็วเสียก่อนเธอคงจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ พ่อก็คงไม่เสียใจกินเหล้าจนเสียคน สุดท้ายก็ต้องลาออกจากงานตำแหน่งใหญ่โตในบริษัท เมื่อขาดรายได้ก็เข้าสู่วังวนการพนันเพียงเพราะหวังจะหารายได้มาจุนเจือครอบครัว แต่นอกจากมันจะไม่สร้างรายได้ยังทำให้รายจ่ายของเธอเพิ่มขึ้นกว่าหลายเท่าตัว ยิ่งเงินจากการเป็นดาราหาได้ง่ายก็หมดไปกับพ่อเธอได้ง่ายเช่นกัน
บ้านราคาหลายล้านที่เธอเก็บเงินเพียงแค่สองปีหวังจะซื้อสด แต่เพราะต้องจ่ายหนี้ให้พ่อจึงทำให้เธอจ่ายได้เพียงเงินดาวน์ครึ่งเดียวและที่เหลือก็ต้องผ่อนธนาคารจนทุกวันนี้ ครั้นจะปล่อยยึดก็เสียดาย แม้แต่รถราคาหลายล้านนั่นก็เช่นกัน
อาหารเย็นของวันจึงเป็นเพียงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วย แค่เติมน้ำร้อนก็พร้อมรับประทานให้อิ่มท้องอยู่ผ่านไปได้อีกวัน
น้ำร้อนที่ใส่ถ้วยบะหมี่ไว้รอให้เส้นนิ่ม ยังไม่ทันจะได้กินให้หายหิว เสียงโวยวายหน้าบ้านพร้อมเสียงกริ่งที่ถูกกดจากประตูรั้วดังขึ้นหลายครั้งติดๆ ทำให้เธอต้องละจากถ้วยบะหมี่ไปที่หน้าบ้าน
กลุ่มชายชุดดำ เธอจำได้ว่าคนที่กำลังกดกริ่งคือคนเดียวกับที่มันมาเมื่อวานตอนเย็น
"มีอะไร"
"พ่อคุณอยู่ไหน"
"ฉันจะไปรู้ได้ยังไง"
"เปิดประตูซิ" ไอ้คนที่เอาปืนจ่อหัวพ่อเธอสั่งเสียงเข้ม
"ไม่เปิด พวกคุณจะมาหาพ่อ ก็โทรไปหาเขาเอา ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่บ้าน"
"จะเปิดไม่เปิด"
พราวฟ้ารีบเดินไปเปิดประตูรั้วให้อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นไอ้คนที่สั่งเธอหยิบปืนออกมาจากด้านหลังเอว
"ไปดูในบ้าน"
"นี่ พวกคุณจะทำอะไร ฉันบอกว่าเขาไม่อยู่บ้าน"
คนที่รับคำสั่งก็รีบเดินเข้าบ้านไม่สนใจเสียงห้ามของเจ้าของบ้านสักนิด
"ฉันบอกแล้วไง ว่าให้จ่ายวันนี้ ถ้าพ่อเธอไม่จ่ายรู้ไหมมันจะเป็นยังไง"
"ไม่จ่าย เมื่อวานฉันให้เงินพ่อไปแล้วนี่"
"อ๋อ ถ้างั้นสงสัยพ่อเธอมันคงจะอยู่ที่บ่อนไหนสักแห่งสินะ ไปกลับ"
ยังถอนหายใจไม่ทันจะสุดลม เธอก็ต้องตกใจร้องเสียงหลง เมื่ออยู่ๆ แขนสองข้างก็ถูกพวกมันล็อกเข้าอย่างแน่นหนาขยับไปทางไหนแทบไม่ได้ เสียงร้องแสบหูคงทำให้พวกมันรำคาญ ผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่จึงถูกตะปบลงที่ริมฝีปากอิ่มอย่างจัง พร้อมกับมือที่กดเอาไว้แน่นยังดีที่ตอนเธอถูกจับโยนเข้ามาในรถตู้คันใหญ่พวกมันยังยอมปล่อยปากเป็นอิสระ
"พวกแกจะพาฉันไปไหน"
สุดท้ายเธอก็ไม่ได้คำตอบ และทั้งยังไม่รู้อีกด้วยว่าถูกพาไปที่ไหน เมื่อต่อจากนั้นผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นถูกมัดเข้าที่ดวงตาและมือสองข้างของเธอก็ถูกล็อกไว้ด้วยกุญแจมือทั้งสองข้าง