08 ตอกย้ำ
คอนโดมีน
หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นคุณติณก็หายไปเลย แต่ก็มีโทรมาบ้าง แต่เขาค่อนข้างจะเปลี่ยนไปมากเลย ปกติจะแวะมาหาฉันตลอด เพราะแบ่งเวลากันเอาไว้แล้ว แต่เขามักจะบอกว่ามีงาน มีประชุม ส่วนฉันเองก็มีงานเยอะไม่ต่างกันก็เลยไม่ได้สนใจอะไรตรงนี้มาก แต่พอกลับมาถึงห้องฉันก็รู้สึกเหงา ไม่รู้จะทำอะไร มันเคว้งคว้างมันเหงาไปหมด ไหนจะเรื่องที่เกิดขึ้นนั่นอีก มันวนเวียนอยู่ในหัวของฉันจนแทบจะไม่มีกระจิตกระใจทำงานแล้ว
ในหัวมันมีแต่คำถามว่า เขาทำแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า เพราะเขาไม่มาอธิบายอะไรเลย ฉันก็เลยเอาแต่สงสัยว่ามันเป็นความจริงหรือมีผู้หญิงที่ต้องการเขาเลยทำแบบนี้ เพราะคุณติณค่อนข้างเป็นคนที่มีหน้าตาในสังคม และฐานะที่ดีมากๆ เลยทำให้มีแต่คนเข้ามาสนใจ โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าเขานั้นแต่งงานมีภรรยาแล้ว
ฉันเองก็ไม่เข้าใจการกระทำของคนบางคนสมัยนี้เหมือนกัน ไม่สนเลยว่ามันจะผิดหรือถูก ขอแค่ตัวเองได้ทำแค่นั้นก็พอแล้ว
แต่เรื่องแบบนี้มันปรบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก ฉันต้องจัดการกับคนของฉันก่อน
ครืด ครืด ครืด
สายเรียกเข้า >>> คุณติณ
"ค่ะ สวัสดีค่ะ"
( ผมกำลังจะไปหาคุณที่คอนโดนะมีน ผมลืมเอาคีย์การ์ดมา เดี๋ยวผมไปเคาะประตูนะครับ )
"ค่ะ คุณถึงไหนแล้วคะ?"
( ใกล้ถึงแล้วครับ คุณจะเอาอะไรหรือเปล่าครับ )
"ไม่ล่ะค่ะ"
( งั้นแค่นี้นะครับ ผมใกล้จะถึงแล้ว )
"ค่ะ"
ฉันวางสายจากคุณติณไปได้ไม่นานเขาก็มาถึงที่คอนโด สภาพเขาเหมือนคนทำงานมาหนักๆ แล้วไม่ได้นอนเลย
"ไหวหรือเปล่าคะ?"
"ไหวครับ"
"นี่คุณโหมงานหนักหรอคะเนี่ย ทำไมโทรมขนาดนี้ล่ะค่ะคุณติณ"
"ไม่รู้สิครับ ช่วงนี้งานหนักด้วย"
พอได้เห็นแบบนี้คำถามที่เคยมีอยู่ในหัวมันสูญสิ้นไปจนหมดเลย กลับกลายมาเป็นห่วงเขาแทน เพราะร่างกายของคุณติณแปลกไปมาก เหมือนคนที่นอนพักผ่อนไม่เพียงพอเลย ใต้ตาคล้ำลงจนมองเห็นได้ชัด
"พักก่อนไหมคะคุณติณ สภาพคุณดูเหมือนไม่ไหวเลย"
"อืม ก็ดีเหมือนกันครับ"
ฉันปล่อยให้คุณติณให้นอนพัก ส่วนตัวเองก็รีบไปทำงานอาหารรอเขา
*************
ห้างสรรพสินค้า
ฉันออกมาซื้อของระหว่างที่คุณติณกำลังพักผ่อน เพราะคิดว่าเขาคงหลับอีกนานเลย ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้หักโหมทำงานหนักขนาดนั้น ก่อนหน้านี้ที่ไม่ค่อยโทรหา และไม่ได้มาหาเลยคงเป็นเพราะแบบนี้สินะ
เห็นแบบนี้แล้วก็สงสารแฮะ ไม่กล้าถามเรื่องนั้นเลย กลัวว่าเขาจะเครียดไปอีก ถึงจะอยากรู้ ถึงจะเสียใจก็เหอะนะ
"นี่มีน..."
"คุณแม่ สวัสดีค่ะ" ก็ไม่แปลกหรอกที่จะเจอคุณแม่ของคุณติณที่นี่ เพราะท่านชอบมาช็อปปิ้งซื้อของเป็นประจำอยู่แล้ว
แต่ไม่น่ามาเจอเลย ฉันไม่อยากเจอ แต่พอมาเจอแล้วก็จะเลี่ยงทำเป็นไม่เห็นไม่ได้
"ตาติณล่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยกลับบ้านเลย"
"นอนพักอยู่ค่ะ เห็นโหมงานหนักก็เลยให้นอนพักค่ะ"
"อ๋อ..."
"ขอตัวนะคะ มีนมาซื้อของค่ะเดี๋ยวจะกลับแล้ว"
"ฉันถามอะไรหน่อยสิ"
"ถามอะไรคะ?"
"ฉันอยากอุ้มหลาน ถ้าเธอมีลูกให้ตาติณไม่ได้ฉันจะให้คนอื่นอุ้มท้องลูกของตาติณเอง"
"...."
"เธอก็น่าจะรู้ตัวนะ ตาติณอยากมีลูกแต่เธอมีลูกให้ลูกชายฉันไม่ได้ เธอควรจะเจียมกะลาหัวนะ มีลูกไม่ได้ก็หย่ากับลูกของฉันไปซะ"
"ไม่หย่าค่ะ หย่าทำไมคะแค่มีลูกไม่ได้เอง ชีวิตนี้หวังจะมีลูกกันอย่างเดียวหรอคะ อีกอย่างนี่มันสมัยไหนแล้ว ต่อให้มีลูกแบบธรรมชาติไม่ได้ แต่ก็ยังพึ่งหมอได้นะคะ"
"เธอกล้าต่อปากต่อคำกับฉันเหรอ? แหม...มีลูกฉันให้ท้ายเข้าหน่อยปากเก่งขึ้นนะ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะพูดดีกับคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเธอหรอก"
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะคะ มีนจะต้องไปซื้อของต่ออีก"
"ไปแล้วไม่ต้องเสนอหน้ากลับมาที่บ้านของฉันอีกล่ะ เพราะบ้านฉันไม่ต้อนรับเธอ อยากจะไปซุกหัวนอนอยู่ที่ไหนก็ไป"
"....." เจอแบบนี้ก็สะอึกเหมือนกันนะ กับการที่ฉันถูกปฏิบัติแบบนี้ ถูกไล่อย่างกับหมูกับหมาเหมือนกับว่าฉันไม่ใช่คนเลย ฉันทำอะไรผิดขนาดนั้น หรือแค่ฉันไม่ได้เกิดมาร่ำรวยงั้นเหรอ ถึงได้ทำกันแบบนี้
คิดว่าฉันไม่อยากมีลูกหรือไง ฉันเองก็อยากมีลูกเหมือนกัน แต่พอคิดไปคิดมาแล้วถ้ามีลูกขึ้นมามันคงจะยุ่งยากมากขึ้นไปอีก จนตอนนี้ฉันเองก็ยังรู้สึกดีที่ตัวเองยังไม่ท้องในสถานการณ์แบบนี้
แม้จะสงสารคุณติณก็เหอะ เพราะรายนั้นก็อยากมีลูกมากๆ เลยล่ะ
เวลาต่อมา
แกร๊ก~~
"ตื่นแล้วหรอคะ"
"คุณหายไปไหนมามีน ผมตื่นมาแล้วไม่เจอคุณ"
"ฉันออกไปซื้อของที่ห้างมาค่ะ เห็นคุณหลับอยู่ก็เลยไม่อยากรบกวนให้คุณพักผ่อน"
"อืม..."
"เป็นยังไงบ้างคะ รู้สึกดีบ้างหรือเปล่า"
"ไม่รู้สิครับ ยังรู้สึกเวียนๆ หัวอยู่เลย"
"ทำไมคุณถึงโหมงานหนักขนาดนั้นคะ"
"ผมทำงานปกตินะครับ แต่ชอบหลับในบริษัทมากกว่า บางทีก็รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเช้าแล้ว ช่วงนี้ร่างกายแปลกๆ ครับ ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย รู้สึกว่าร่างกายตัวเองมันอ่อนแอลงมาก"
"คงเป็นเพราะคุณทำงานหนักสะสมมานาน พักผ่อนหน่อยก็ดีนะคะ งานก็ให้เลขาดูแลให้ก่อนนะคะ"
"ครับ อืม..."
"กินอะไรสักหน่อยไหมคะ เผื่อว่าจะดีขึ้น เป็นเพราะคุณไม่ค่อยกินอะไรหรือเปล่าคะ ร่างกายก็เลยแย่เข้าไปใหญ่"
"ไม่รู้สิครับ คงเป็นแบบนั้นล่ะมั้งครับ"
"เดี๋ยวฉันไปอุ่นอาหารมาให้นะคะ"
"...."
ฉันเดินเข้ามาในครัว จัดเตรียมอาหารที่ทำเอาไว้ไปให้คุณติณออกมาให้เขากิน ทว่าคุณติณกลับไม่มีท่าทีสนใจอาหารตรงหน้าเลย
"กินสักหน่อยสิคะ จะได้ดีขึ้น"
"ไม่รู้สิครับ อาหารพวกนี้ทำไมมันน่าสะอิดสะเอียนแปลกๆ เห็นแล้วอยากจะอ้วกครับ"
"....." ฉันมองไปที่อาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งของที่ฉันทำก็เป็นของโปรดคุณติณที่เขาจะมักจะกินบ่อยๆ เท่าที่ดูมันก็ปกติดีนะ หน้าตาอาหารมันไม่ได้น่าสะอิดสะเอียนเลยสักนิด
เขาเป็นอะไรของเขากันแน่
"เอาไปเก็บเถอะครับ ผมไม่อยากกิน"
"งั้นกินอย่างอื่นไหมคะ เดี๋ยวฉันไปทำให้"
"คุณไม่ต้องทำหรอก เหนื่อยเปล่าๆ ไปพักเถอะครับ ผมยังไม่หิวอะไรเลย"
"ถ้าไม่ดีขึ้นคุณควรไปหาหมอนะคะ"
"ครับ"