Intro
โซ่ หรือภัคพงศ์ ย่างกายเข้ามาในตึกแสนศิริวัฒน์กรุ๊ป อีกหนึ่งในเครือธุรกิจของครอบครัวชายหนุ่ม ทว่าที่นี้เป็นบริษัทคอสเมติกส์ของมารดา และที่มาในวันนี้ก็เพราะคิดถึงท่าน เขาไม่ได้กลับบ้านมาร่วมเดือนแล้ว มัวแต่ยุ่งอยู่กับงานที่บริษัท
ใบหน้าหล่อเหลาเชื้อสายไต้หวัน นัยตาสีน้ำตาลเป็นประกาย รูปร่างสูงโปร่งเหมาะกับการเป็นนายแบบ ผิวสีขาวผ่อง นวลเนียนยิ่งกว่าสตรี
ชายหนุ่มเพียบพร้อมทั้งหน้าตาและฐานะ หน้าที่การงาน ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เรียกได้ว่าตั้งแต่ยังเรียนไม่จบเลยต่างหาก จึงไม่แปลกที่จะถูกจับตามองจากเหล่าคนดัง และภัคพงศ์ก็มีอายุเพียง23ปีเท่านั้น
"คุณท่านมีแขกค่ะคุณโซ่"
เมื่อเข้ามาถึงชั้นบนของตึกสูง เลขาหน้าห้องของมารดาก็เดินเข้ามาบอก ภัคพงศ์พยักหน้ารับรู้แล้วนั่งไขว่ห้างรอด้านนอกด้วยท่าทีสบายใจ
แอ๊ดด!!!!
ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกจากคนด้านใน พบกับร่างของคนท้อง พร้อมกับมารดาที่ยืนคุยอำลากันที่หน้าประตูใหญ่ ท่าทางสนิทสนม
"อ้าวตาโซ่ มารอแม่นานหรือยัง มานี่สิ นี่หนูโบว์หมีพาทเนอร์คนใหม่ของแม่!"
คุณหญิงกนกวลียิ้มหน้าบาน พอละสายตาจากคู่สนทนาก็พบบุตรชายนั่งรออยู่ตรงโซฟาหน้าห้องจึงเรียกให้มาทำความรู้จักกับเด็กสาวตรงหน้า
หุ้นส่วนคนใหม่ของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์หน้าใหม่ ที่มาแรงทะลุยอดขายเป็นอันดับหนึ่งของปีนี้และคาดว่าจะยังอยู่ไปอีกนาน เพราะการตลาดของทางฝั่งเด็กสาวกินขาด
มองการณ์ไกล มีแผนสำรองครบครันทุกอย่าง เด็กสาวเล่าประวัติส่วนตัวคร่าวๆให้ฟัง แทบไม่อยากเชื่อหู ว่าเพิ่งจะมาจับธุรกิจนี้ เพิ่งจะศึกษาด้วยตนเองไปไม่นานนี้เอง เป็นเด็กรุ่นใหม่ มีความสามารถน่าสนับสนุน คุณหญิงกนกวลีจึงไม่รอช้า ที่จะขอเป็นพาร์ทเนอร์แล้วพากันปังไปพร้อมๆกันเสียดีกว่าต้องมาแข่งขัน
และที่สำคัญเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอายุเพียง21ปี เท่านั้น ชีวิตลำบากระหองระแหงอย่างน่าเวทนา เป็นข้อหนึ่งที่ทำให้คุณหญิงรู้สึกเอ็นดูมัลลิกา
เธอมีนามว่า มัลลิกาหรือโบว์หมี...
"..."ภัคพงศ์ยอมเดินเข้ามาทำความรู้จักกับหญิงท้องแก่ ทว่าเธอสวมแมส จึงไม่ได้เห็นหน้าคร่าตากันสักเท่าไหร่
ภัคพงศ์ส่งมือหนาไปกะจะเช็คแฮนด์เพื่อสร้างไมตรี เจ้าหล่อนส่งมือเย็นเฉียบกลับมาแล้วรีบชักมือเรียวออกด้วยความรวดเร็ว ทำให้ภัคพงศ์รู้สึกแปลกใจกับปฏิกิริยาของเธออยู่ไม่น้อย ราวกับคนตรงหน้ากำลังตกใจ หรือหวาดกลัวอะไรอยู่
"ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณโบว์หมี!"
"คะค่ะ!!"
"เอ่อหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ"
"จ่ะๆ"คุณหญิงกนกวลียิ้มแฉ่งเอ็นดู คิดอยู่ในใจว่าหากได้ลูกสะใภ้ขยันและเก่งแบบเธอคนนี้ ก็คงจะดีมากแน่ๆ คนแบบนี้หาได้ยากแล้ว ทว่าเธอดันมาท้อง และบุตรชายคงไม่สนใจแม่เลี้ยงเดี่ยว คงต้องการมีชีวิตวัยรุ่นไปตามประสาหนุ่มโสด
"ว่าแต่มีเรื่องอะไรหรอ มาหาแม่ถึงที่?"
เมื่อแขกคนสำคัญลับตาไป คุณหญิงจึงมองใบหน้าหล่อของบุตรชายไปพร้อมกับขมวดคิ้วเป็นปม นึกสงสัยคนบ้างานที่มาหาในวันนี้ แต่จะว่าไปครอบครัวแสนศิริวัฒน์ก็บ้างานกันทั้งครอบครัวรวมทั้งคนเป็นแม่ด้วย
คุณหญิงเดินนวดนาดเข้ามาในห้องทำงาน ตามด้วยบุตรชายสุดหล่อ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนสุดท้อง ยังมีกรกนกอีกคนที่เป็นพี่สาวของเจ้าโซ่ รายนั้นเปิดร้านอาหารอยู่ทุกทั่วมุมโลกแล้วกระมัง
"คิดถึงครับ แล้วก็กลัวคนแถวนี้น้อยใจด้วย"
ภัคพงศ์ยิ้มหวานส่งไปให้มารดา ลูกอ้อนมาเต็ม เขาว่ากันว่าลูกชายมักจะชอบอ้อนแม่ ภัคพงศ์ก็เป็นหนึ่งในนั้น
"ก็ดีที่ลูกมาหา แค่นี้แม่ก็ดีใจแล้วแหล่ะ ว่างๆไปทานข้าวที่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตากันสักวันนะลูกนะ นัดพี่แกมาด้วย รายนั้นก็ดีแต่ทำอาหารให้คนอื่นทาน"
คุณหญิงเอ่ยไม่จริงจังตำหนิลูกสาวคนโต ทั้งที่ควรจะนัดกันที่ร้านอาหารของกรกนกก็ได้ แต่ก็ไม่ได้ไปเสียที มัวแต่ยุ่งอยู่กับงาน อายุปูนนี้ก็มีแต่จะสร้างธุรกิจ ไม่นึกถึงสังขาร รู้สึกเหนื่อยล้าเต็มทน
นึกอยากจะมีคนมาดูแลธุรกิจนี้แทนบ้าง อยากวางมือบ้างแล้ว แต่ก็คงยังไม่ใช่ตอนนี้ ยังคงต้องพยุงธุรกิจที่ตนเองสร้างมาด้วยตนเองไปก่อน เพราะไม่มีใครมาดูแลแทนให้ได้เลย
"ได้ครับ เดี๋ยวผมจะนัดวันเจ๊ซินให้"
ว่าด้วยเรื่องธุรกิจ ภัคพงศ์ก็เป็นเจ้าพ่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปแล้วในปีนี้ ต่อยอดจากที่เรียนมาทั้งหมด ชายหนุ่มจบวิศวะ ออกแบบคอนโดมิเนียม บ้าน รีสอร์ท ลงทุนสร้างขึ้นมาอย่างตั้งใจจนประสบความสำเร็จไปอย่างน่าอิจฉาเพราะอายุยังน้อย
เดิมทีภัคพงศ์ช่วยงานจากที่บ้านมาตั้งแต่มัธยมปลาย จึงมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของธุรกิจ บิดาต้องการจะให้สานต่อธุรกิจเดิมก็ย่อมได้ ภัคพงศ์ทำงานมือเป็นระวิง ทว่าก็เอาอยู่
ขอแค่มีวันผ่อนคลายสักสองถึงสามวันบ้างในบางครั้งก็พอใจแล้ว และการมีเซ็กส์ก็เป็นสิ่งที่ภัคพงศ์มีไม่ขาด เป็นวิธีผ่อนคลาย
ของหนุ่มโสดทุกคนรวมทั้งเขาด้วย