ตอนที่ 2 ความเจ็บปวดฝังลึก
หกเดือนผ่านไป
ศึกชายแดนยืดเยื้อกว่าที่คิดมากนัก จนในที่สุดในตอนเที่ยงของวันที่ฝนกำลังจะหยุดตก ราชสำนักก็ได้รับข่าวดีว่าท่านอ๋องทรงชนะศึกและกำลังเดินทางกลับเมืองเหลียงโจว
“พระชายาเพคะ พระองค์ยังเป็นหวัดอยู่ไม่ต้องออกไปรับเสด็จก็ได้กระมังเพคะ”
“ไม่ได้ ท่านอ๋องกลับมาพร้อมชัยชนะ ข้าในฐานะพระชายาหากว่าไม่ไปเจ้าคิดว่าผู้อื่นจะคิดเช่นไรกับสกุลเล่อ เหล่าขุนนางจะคิดเช่นไรกับท่านพ่อของข้า ในตอนนี้มีแต่ผู้ที่ต้องการให้บิดาของลี่จินเซียน…รับตำแหน่ง….”
“พระชายาเพคะ”
“ช่างเถอะ ไข้หวัดเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเป็นกันอยู่แล้วรีบแต่งตัวให้ข้าเถอะ วันนี้อากาศดีฝนพึ่งหยุดตกช่างเป็นวันที่ดียิ่งนัก”
เล่อชุนหันได้ยินเสียงแตรที่ให้สัญญาณเมื่อกองทัพและเหล่าอาชาศึกค่อย ๆ เคลื่อนพลเข้ามา รอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาหลายเดือนเริ่มฉายแววมากขึ้นเมื่อกองทัพเริ่มเคลื่อนขบวนพร้อมกับธงที่โบกสะบัดอยู่ในมือขุนศึกผู้กล้า แต่เมื่อกองทัพเคลื่อนเข้ามา รอยยิ้มที่มีก็เริ่มลดลงจนกลายเป็นคิดไม่ถึง
“อะไรกัน นางคือผู้ใดกัน!!”
สตรีในชุดสีขาวที่มากับท่านอ๋อง นางนั่งม้าตัวเดียวกันกับเขาเคลื่อนเข้ามาจนถึงด้านหน้าและค่อย ๆ เคลื่อนมายังตำหนักท่านอ๋อง
“แม้แต่ในยามนี้ท่านก็ยังทำร้ายจิตใจข้าไม่หยุดยั้ง หยางอี้เหรินข้ารู้สึกเหนื่อยเหลือเกินแล้ว”
เล่อชุนหลันรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อนางเห็นว่ามีสตรีอยู่บนหลังม้านั่งมากับเขาท่ามกลางความยินดีของเหล่าชาวเมืองเหลียงโจว
“จินถิงข้าเหนื่อยแล้ว อยากกลับเข้าไปพักผ่อน”
“ท่านพี่!! นี่ท่านจะมองอยู่เฉย ๆ เช่นนี้น่ะหรือเพคะ!!”
เสียงที่โกรธจัดของพระชายารองลี่จินเซียนแผดขึ้นทำให้ชุนหลันยิ่งปวดหัวหนักกว่าเดิม แต่นางไม่ต้องการเห็นไม่อยากรับฟังและได้ยินอะไรอีกแล้ว จินถิงและสาวใช้ในตำหนักค่อย ๆ พยุงนางกลับไปที่ตำหนัก
ท่านอ๋องที่มองเห็นรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่พระชายาไม่ทันจะต้อนรับเขาก็เดินกลับเข้าไป มีเพียงชายารองที่ยืนปั้นหน้าด้วยยิ้มท่าทางประหลาดเต็มทีอยู่หน้าตำหนักเพื่อรอเขา
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ ยินดีด้วยที่ชนะการศึกกลับมาเพคะ”
“อืม ขอแนะนำ ผู้นี้คือแม่นาง “หวังเจียวเมิ่ง” นางเป็นหมอที่เก่งกาจมากและตอนทำศึกครั้งนี้นางได้ช่วยกองทัพเอาไว้หลายครั้งดังนั้น…”
“ท่านอ๋องเพคะ พระองค์ทรงเหนื่อยแล้วรีบกลับเข้า…”
“ชายารองเจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดงั้นหรือ เจ้ากล้าดีเช่นไรพูดขัดจังหวะข้า!!”
ลี่จินเซียนถึงกับตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของท่านอ๋องที่กล้าตำหนินางต่อหน้าเหล่าทหารและกองทัพ อีกทั้งสตรีที่พึ่งมากับเขาก็เห็นได้ชัดว่านางผู้นั้นลอบยิ้มอย่างพอใจอยู่ด้านหลังท่านอ๋อง
“หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ แต่ว่า…”
“หึ พระชายาไปไหนเหตุใดยังไม่ทันได้มาต้อนรับก็กลับเข้าไปในตำหนัก”
“นะ…นาง…ช่วงนี้พระชายาเป็นไข้หวัดเพคะ หม่อมฉันเองก็เตือนท่านพี่แล้วว่าอย่าได้ออกมาจะได้…สุดท้ายนางก็ทนยืนไม่ไหวก็เลย….”
“เอาล่ะ ท่านหมอหวังข้าคงต้องรบกวนให้ท่านพักที่นี่ก่อน เสิ่นปา เสิ่นกง ให้คนจัดหาที่พักให้นางด้วย”
""พ่ะย่ะค่ะ""
“อะไรนะเพคะท่านอ๋อง ให้นางพักที่นี่งั้นหรือเพคะนางจะมาพักนานหรือไม่แล้วนางมาในฐานะอันใดเพคะ”
ท่านอ๋องหันไปด้วยสายตาที่ดุดัน เหี้ยมเกรียมที่ไม่เคยใช้มองนางมาก่อนเมื่อนางกล้าถามเขาเช่นนี้
“ข้าไม่จำเป็นต้องรายงานเรื่องนี้กับเจ้าทุกเรื่อง ทหาร!! ตามข้าเข้าวัง!!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ชุนหลันได้รับข่าวจากเสิ่นปา องครักษ์ส่วนพระองค์ของท่านอ๋องแล้วว่าจะมีแขกมาพักด้วยนางเป็นท่านหมอหญิงที่ช่วยเหลือกองทัพที่ช่วยท่านอ๋องและเหล่าทหารเอาไว้
“รู้แล้ว ข้าจะสั่งให้คนจัดที่พักให้นางตามคำสั่งท่านอ๋อง”
“พระชายาเพคะ แต่ว่าพระองค์…ยังไม่หายดี”
“แขกของท่านอ๋องต้องดูแลนางให้ดี”
“พระชายา…”
“เจ้าไปเอาเสื้อคลุมมาให้ข้าแล้วรีบตามมา”
จินถิงส่งสายตาโกรธมาให้องครักษ์หนุ่มข้างกายท่านอ๋อง นางไม่พอใจอย่างที่สุด เสิ่นปาและเสิ่นกงนั้นคุ้นเคยกับสายตาของสาวใช้ผู้นี้ดี และพวกเขาต่างก็เข้าใจที่นางจะโกรธด้วย
เรือนรับรองแขก
“หวังเจียวเมิ่งถวายบังคมพระชายาเพคะ”
“ท่านหมอตามสบายเถิด ข้าจัดที่พักให้แล้วถ้าเจ้ามีสิ่งใดที่ต้องการเพิ่มก็แจ้งสาวใช้ได้ หากว่าไม่สะดวกสิ่งใดก็ให้คนมาแจ้งข้าส่วนรถม้าและองครักษ์ข้าจะให้เสิ่นปาจัดการให้เจ้าหากเจ้ามีธุระจะออกไปนอกจวน”
“ขอบพระทัยพระชายาเพคะ พระองค์สีหน้าไม่สู้ดีให้หม่อมฉันตรวจพระอาการให้สักหน่อยดีหรือไม่เพคะ”
“ไม่รบกวนท่านหมอ ท่านเดินทางมาไกลพักผ่อนเถิด”
“ขอบพระทัยเพคะพระชายา”
นางยิ้มให้หมอหญิงอย่างรวยรินเต็มทีและเดินกลับมาที่ตำหนักทั้งความโกรธและไม่พอใจของจินถิงที่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดพระชายาต้องไปดูแลหมอหญิงผู้นั้นด้วย
“เจ้าอย่าได้โกรธไปเลย เรามีหน้าที่ต้องดูแลในฐานะที่นางเป็นแขกของท่านอ๋อง”
“แต่ว่าท่านก็ป่วยอยู่นะเพคะ”
“ตัวข้าน่ะแทบจะไม่มีความรู้สึกเจ็บอะไรแล้ว รู้สึกราวกับว่ามันเจ็บซ้ำ ๆ จนแทบจะไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำให้เขาได้ในฐานะพระชายา”
“ไม่นะเพคะพระชายาอย่าทรงตรัสเช่นนี้เลยนะเพคะ พระองค์จะต้องหายดีในเร็ววันนะเพคะ เพียงแค่ไข้หวัดเท่านั้นมิอาจจะทำร้ายพระองค์ได้หรอกเพคะ”
ชุนหลันหันมายิ้มและลูบศีรษะสาวใช้เคียงกายด้วยความเอ็นดูอีกครั้ง นางเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดชุนหลันที่สุดทุกเวลา แต่ในยามนี้นางรู้แล้วว่าต่อให้ทำดีเพียงใด ผู้ที่ไม่รักทำอย่างไรก็มิอาจรักนางได้
“ไข้ของข้าเป็นไข้ใจที่ไม่มีหมอคนใดสามารถรักษาให้หายได้หรอกจินถิง และข้า…ก็จะไม่เสียเวลาที่จะรักษามันอีกต่อไปแล้ว”
“เจ้าบอกว่าท่านอ๋องไปพักที่เรือนพักของหมอหวังทุกคืนงั้นหรือ”
“เพคะ ตอนนี้พระชายารองก็กำลังจะไปที่นั่นเพคะ”
“ช่างเถอะไม่ใช่เรื่องของข้าเสียหน่อย เขามีชายารองได้หนึ่งคนจะมีอนุเพิ่มอีกสักคนก็ไม่เห็นแปลก ก่อนหน้านี้พวกเขาก็อยู่ในกองทัพมาด้วยกัน”
“พระชายาเพคะ หรือเราจะกลับจวนสกุลเล่อดีเพคะ”
“ไม่ได้ เจ้าคิดว่าหากข้ากลับจวนในตอนนี้ท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่จะคิดเช่นไรกับท่านอ๋อง”
“พระชายาเพคะ!! ท่านอ๋องไม่แม้แต่จะใส่พระทัยท่านเลยสักนิด กลับจากกองทัพมาเกือบเจ็ดวันแล้วแต่ก็ไม่เคยแวะมาหาท่านเลยสักครั้ง พระองค์ยังจะห่วงคนเช่นนั้นอีกหรือเพคะ”
“เจ้าว่าข้าโง่มากเลยใช่หรือไม่ ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่แต่ข้าคิดดีแล้วเรื่องนี้เป็นข้าที่ตัดสินใจเอง ดังนั้นจึงไม่อยากให้ท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่ยอมรับยาจากหมอหวังผู้นั้น คิดว่าไม่นานเขาคงต้องมาหาเรื่องข้าอีกเป็นแน่”
“พระชายา…...”
“ท่านอ๋องเสด็จ!!”
“ไม่ทันขาดคำ…. คราวนี้มีเรื่องอันใดอีกเล่า”
เล่อชุนหลันเพียงแค่นั่งดื่มยาอยู่ด้านในและไม่สนใจที่จะออกไปต้อนรับเขาด้วยซ้ำ ท่านอ๋องเดินพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนของนางด้วยความโมโห แต่เมื่อเห็นนางในสภาพที่อิดโรยตรงหน้าเพราะพิษไข้หวัด สายพระเนตรนั้นจึงอ่อนลงและค่อย ๆ เดินเข้ามา
“เหตุใดเจ้า…จึงปล่อยให้พระชายารองก่อเรื่องกับแขกที่มาพักในตำหนักได้”
“หม่อมฉันมีเพียงสองตาสองมือและสองเท้า มิอาจควบคุมดูแลได้ทั่วทั้งวังหลังให้พระองค์หรอกเพคะ ที่พักสาวใช้และอาหารก็จัดให้แล้วหากว่าพวกนางยังวุ่นวายเช่นนี้ ก็คงต้องย้อนถามแล้วว่าต้นเหตุมันเริ่มต้นมาจากผู้ใด”
“นี่เจ้ากำลังกล่าวโทษข้างั้นหรือ”
พระชายาเพียงแค่เงยหน้าขึ้นสบตาท่านอ๋องที่กำลังโกรธอยู่แต่เขาก็เถียงนางไม่ออก เล่อชุนหลันในวันนี้มิใช่สตรีที่เขาจะกล้ามีเรื่องด้วยเหมือนเช่นในวันวานอีกแล้ว เพียงแค่นางมองเขาเช่นนี้คำพูดร้ายกาจและอัดอั้นต่าง ๆ ก็ถูกกลืนลงคอไปหมดสิ้นเมื่อเห็นสายตาเย็นชาราวแผ่นน้ำแข็งของพระชายาตรงหน้าอีกครั้ง
“เรื่องนี้ข้าไม่โทษเจ้า ที่ข้าพาหมอหวังมาก็เพื่อ...”
“พวกนางล้วนเป็นสตรีที่พระองค์พาเข้ามา หม่อมฉันมีหน้าที่ดูแลให้พวกนางเป็นอยู่อย่างไม่ลำบากตามฐานะและหน้าที่ ส่วนปัญหาอื่น ๆ ที่หม่อมฉันมิอาจจัดการได้ เชิญพระองค์ลงไปจัดการเองเถิดเพคะหม่อมฉันรู้สึกเหนื่อย อยากพักผ่อนแล้ว”
“เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมกินยาที่นางจัดมาให้”
“ขอประทานอภัยแต่หม่อมฉันมียาที่กินอยู่ประจำและในเวลานี้หม่อมฉันอยากจะนอนพักเพคะ”
“เจ้าออกไปได้แล้ว”
ท่านอ๋องหันไปสั่งจินถิงด้วยเสียงที่ดังมากพอจะทำให้ทั้งคู่ตกใจ
“ท่านอ๋องเพคะ”
“เจ้ามีปัญหาอันใด คืนนี้ข้าจะนอนค้างที่ตำหนักนี้!!”
""อะไรนะเพคะ?""
ทั้งนายและบ่าวต่างพากันตกใจ ก็แน่ล่ะสิตลอดเวลาเกือบหนึ่งปีผ่านมานี้ท่านอ๋องไม่เคยเฉียดใกล้ตำหนักของพระชายามาก่อนเลย หากมาแล้วไม่ทะเลาะกันออกไปเห็นจะมีเพียงครั้งที่มาเสวยอาหารเย็นกับพระชายาก่อนออกศึกเมืองชุ่นเท่านั้น
“พวกเจ้าตกใจอันใดกัน ข้าจะค้างกับพระชายาของตัวเองยังต้องสงสัยถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ”
“หึ ทำไปเพื่อสิ่งใดกัน ก็แค่หนีปัญหาชั่วคราวเท่านั้น”
“เจ้าบ่นพึมพำอะไร”
“หามิได้เพคะ หม่อมฉันจะถอดฉลองพระองค์ให้”
ท่านอ๋องยืนตรงหน้าและให้นางถอดชุดออกให้เหลือเพียงชุดนอน ฝนเริ่มตกอีกครั้งหลังจากสองวันมานี้แทบไม่ตกเลย ชุนหลันหันเอาชุดของท่านอ๋องไปเก็บและเดินกลับมาพบว่าเขาเอนกายลงนอนที่เตียงของนางก่อนแล้ว
“ไม่นอนงั้นหรือ ฝนเริ่มตกแล้วรีบมานอนเถอะอากาศเย็นเดี๋ยวจะไม่สบายเพิ่มเข้าไปอีก”
“หม่อมฉันไม่คุ้นเคยกับการนอนร่วมกับผู้อื่น…”
“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องฝึกเอาไว้เพราะมันเป็นหน้าที่ของพระชายา”
ชุนหลันรู้สึกใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาเสียให้ได้เมื่อสิ้นคำของบุรุษหนุ่มที่นางหวังจะนอนร่วมเตียงเคียงหมอนเช่นนี้กับเขามาโดยตลอด แต่ว่าในวันนี้ความรู้สึกของนางมันเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ต่อให้เขาจะนอนกอดนางเอาไว้เหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ก็มิได้ช่วยทำให้ความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจที่มันสะสมมาแรมปีลดลงไปได้
“เหตุใดเจ้าจึงตัวสั่นเช่นนี้ หนาวงั้นหรือ”
“เปล่าเพคะพระองค์บรรทมเถิด หม่อมฉันเพียงแค่…รู้สึกตกใจเสียงฟ้าร้องเท่านั้น”
“อืม….”
เสียงของเขาเงียบไปแล้วพร้อมกับลมหายใจที่เริ่มนิ่งเมื่อนางค่อย ๆ ขยับตัวออกมาและหันไปมองใบหน้าของบุรุษซึ่งนางเคยรักและหลงใหลในตัวเขาจนได้แต่งงาน แต่ท้ายที่สุดก็มิอาจหลีกหนีความจริงเรื่องที่เขาไม่เคยรักนางเลย และยังต้องทนเห็นเขาเข้าพิธีส่งตัวกับสตรีอื่น อีกทั้งในตอนนี้เขาก็ยังพาสตรีอีกคนเข้ามาในจวนเพิ่มอีก
(“ขอบคุณสำหรับความเจ็บปวดนี้ มันควรจบสิ้นเสียที….”)
ร่างบางค่อย ๆ ลดมือลงจากใบหน้าที่เริ่มมีเคราขึ้นมานิดหน่อยแต่ใบหน้าคมคายยามหลับใหลก็ยังทำให้นางรู้สึกหวั่นไหวอยู่ไม่น้อย แม้ว่าในตอนนี้นางจะรู้สึกอบอุ่นมากที่สุดเมื่อเขากอดนางเอาไว้ แต่นางในยามนี้ต้องการอ้อมกอดนี้หรือไม่นั้น ตัวนางเองก็ยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้เลย
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีกครั้งแต่เล่อชุนหลันที่อยู่ในอ้อมกอดของเขานิ่งไปแล้ว ชุนหลันคงหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยาที่พึ่งกินเข้าไปอีกทั้งตัวนางยังคงอุ่นรุม ๆ ราวกับมีไข้ที่ไม่ลดลงเสียที ท่านอ๋องค่อย ๆ ลืมตามองเล่อชุนหลันที่นอนขดตัวซุกเข้าหาแผงอกกว้างของเขา ยามหลับสนิทเช่นนี้เขาพึ่งได้พินิจมองนางอย่างเต็มตาอีกครั้ง
“เล่อชุนหลัน ความเจ็บปวดที่เจ้าได้รับข้าจะต้องใช้ทั้งชีวิตของข้าชดใช้คืนให้กับเจ้า ข้าผิดต่อเจ้ามานานจากนี้... จะไม่เป็นเช่นนั้นอีก ข้าจะทำอย่างไรให้เจ้ายอมดื่มยาถอนพิษในร่างกายเจ้าได้กันนะ”