บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 เลือกจบปัญหาครั้งสุดท้าย

สองวันถัดมา / เรือนรับรองท่านหมอหวัง

“นังแพศยาเจ้ากล้าดีเช่นไรใช้มารยาหลอกล่อท่านอ๋องให้ลุ่มหลงวันนี้ข้าจะจัดการเจ้าที่บังอาจ...”

“พระชายารองท่านเองก็เป็นเพียงแค่เมียรองเท่านั้น ขนาดเมียเอกยังไม่พูดสิ่งใดท่านจะกล้าพูดอะไรอีกงั้นหรือ แหม ว่าก็ว่าเถอะนะท่านอ๋องเองก็ไม่น่าปล่อยให้ท่านนอนแห้งแล้งรอจนถึงวันนี้ ดูท่าแล้วนอกจากตำหนักของพระชายากับ...เรือนเล็ก ๆ ของข้าแล้ว ท่านอ๋องคงมิได้ใส่ใจไปแวะหาท่านเลยสินะ”

“นังคนอับปรีย์ ข้าจะฆ่าเจ้า จะฆ่าเจ้า”

“โอ๊ะ อย่าทำอะไรเลยเพคะ หม่อมฉันไม่มีแรงสู้กับพระองค์หรอกนะเพคะ เมื่อคืนอยู่อยู่กับท่านอ๋องทั้งคืนหม่อมฉันแทบจะไม่ได้นอนพักเลย”

“กรี๊ด!!! นังคนสารเลว!!”

“พระชายาเพคะ!!”

“จินถิง!! พาข้ากลับตำหนัก เดี๋ยวนี้”

“เพคะพระชายา”

เล่อชุนหลันไม่คิดว่าจะได้มาฟังเรื่องเช่นนี้ที่นี่ในวันนี้ คืนก่อนหน้านี้ท่านอ๋องพึ่งจะไปนอนค้างกับนางและเมื่อคืนนี้ เขากับหมอหญิงผู้นี้…

“พระชายาเพคะ พระองค์ยังเดินไหวอยู่หรือไม่เพคะ”

“ข้าไม่เป็นไร”

“ชุนหลัน!! เจ้าเป็นอะไรไป มานี่ข้าจะพานางไปเอง!!”

ท่านอ๋องที่พึ่งจะประชุมราชสำนักเสร็จรีบเดินเข้ามาหาพระชายาที่ทำท่าจะหกล้มแต่เมื่อเห็นเขาเดินมานางกลับปัดมือหนานั้นทิ้งและถอยออกมา

“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะเพียงแค่เดินสะดุดเท่านั้น จินถิงเรารีบกลับกันเถอะ”

“ให้ข้า….”

“กรี๊ด!!”

เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นมานั้นทำให้เล่อชุนหลันหลับตาแน่นราวกับไม่อยากรับรู้ ท่านอ๋องรู้ได้ในทันทีว่าชุนหลันไปที่ใดมา

“อย่าเพคะพระชายารอง อย่าเพคะ”

“ปล่อยข้านะข้าจะฆ่ามัน นังสารเลว นังปีศาจจิ้งจอก"

"นั่นมันเกิดอะไรขึ้น!!”

“พระชายารอง ก็แค่ท่านอ๋องไม่นอนกับท่านแต่ใช้เวลากับข้าทั้งคืนก็เท่านั้นเอง โอ๊ย ท่านถึงกับโมโหเพียงนี้ โอ๊ย!!”

ท่านอ๋องตกใจสุดชีวิตเมื่อหันมามองใบหน้าซีดราวกระดาษไร้น้ำหมึกของพระชายาตรงหน้าที่แทบจะล้มทั้งยืน เขารีบหันไปคว้ากายนางเอาไว้แต่ชุนหลันถอยออกมาพร้อมกับน้ำตาที่รื้นเต็มสองดวงตา

“พระองค์รีบไปจัดการ “คน” ของพระองค์เถิดเพคะ หม่อมฉันคงจัดการแทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ทูลลาเพคะ”

“ชุนหลัน!! ข้าไม่ได้…เดี๋ยวสิเล่อชุนหลันฟังข้าก่อน”

“กรี๊ด!!!”

“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ พระชายารองเอาน้ำร้อนสาดท่านหมอหวัง”

“อะไรนะ!!” พวกเจ้ารีบไปเร็วเข้า ชุน…."

เล่อชุนหลันเดินจากไปแล้ว ตำหนักนางเองก็ปิดประตูแล้วเช่นกันเมื่อนางเข้าไปด้านในแล้ว เขาหันกลับไปมองที่เรือนพักด้านหน้าและจึงรีบวิ่งไปสะสางเรื่องที่นั่นก่อน

ตำหนักพระชายา

“พระชายาเพคะ เป็นเช่นไรบ้างเพคะ”

“จินถิงเจ้าไปเตรียมน้ำอุ่นให้ข้าที ข้าอยากจะ…อาบน้ำเสียหน่อย”

“แต่ว่าจะปล่อยให้พระองค์อยู่คนเดียวเช่นนี้หาได้ไม่ หม่อมฉันไม่วางใจ”

“ข้าอยากอาบน้ำ เจ้ารีบไปเตรียมน้ำเถอะ”

“พระชายาเพคะ”

“เด็กโง่ ยังมีเรื่องใดในจวนนี้ที่ข้ายังรับไม่ได้อีกงั้นหรือ ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมานี้พวกเราเจอมา เรื่องเพียงเท่านี้เจ้าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้งั้นหรือ”

“พระชายา…บ่าวเสียใจที่มิอาจช่วยอะไรพระองค์ได้เลย บ่าวมันไม่ได้เรื่อง ฮืออ….”

"รีบไปเถอะ ข้าอยากจะอาบน้ำแล้ว"

“เพคะ เช่นนั้นบ่าวจะรีบไปเตรียมน้ำนะเพคะ”

“รีบไปเถอะ”

เล่อชุนหลันมองตามหลังสาวใช้ผู้ภักดีเพียงคนเดียวของนางในตำหนักที่เย็นดุจถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้ แต่วันนี้นางจะจบเรื่องนี้ลงเสียที พอกันทีกับความรักโง่เขลาที่มอบให้กับคนที่ไม่สมควรได้รับมัน

นางไม่ควรคิดและไม่ควรคาดหวังสิ่งใดในตัวท่านอ๋องผู้ใจร้ายอย่าง “หยางอี้เหริน” อีกต่อไป เรื่องในวันนี้เป็นบทพิสูจน์ที่เพียงพออยู่แล้วสำหรับนาง ต่อให้รักเขาสักปานใดแต่ในหัวใจของเขาก็ไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับนางเลย

“หยางอี้เหริน วาสนาด้ายแดงในชาตินี้ข้าขอตัดขาดกับท่านด้วยตัวเอง หากแม้นชาติหน้าพบกันอีก ข้าไม่ขอผูกวาสนาใด ๆ กับคนใจร้ายเช่นพระองค์อีก!!”

ปิ่นเงินคมกริบที่นางเตรียมเอาไว้อยู่ตลอดเวลาถูกดึงออกมา น้ำตาที่ไหลราวม่านน้ำตกมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความมืดที่รออยู่ตรงหน้า เมื่อเล่อชุนหลันค่อย ๆ หลับตาลงเพื่อให้คุ้นเคยกับสิ่งที่กำลังจะพานางจากไป

มีดบนปิ่นในมือกรีดไปที่คองามระหงนั้น เลือดเริ่มสาดกระเซ็นไปทุกทิศทุกทางพร้อมกับเสียงประตูที่เปิดออกมาและใบหน้าของคนที่นางทั้งรักทั้งเกลียดในชาตินี้ แต่สายตาและหูนางแทบจะไม่เห็นและไม่ได้ยินอันใดอีกแล้ว แม้แต่น้ำตาและเสียงร้องไห้ที่เจ็บปวดของบุรุษที่นางเคยรักมากกว่าชีวิต นางก็หาได้ยินมันไม่…..

“ชุนหลัน!!!!!…..ไม่นะ!!!!!”

เสียงนกร้องในยามเช้าพร้อมกับเปลือกตาที่หนักอึ้งทำให้เล่อชุนหลันรู้สึกราวกับว่าตกจากที่สูง หนักจนนางแทบจะลุกไม่ขึ้นและไม่อยากคิดเลยว่านางจะถูกช่วยเอาไว้ นางอยากตายแต่กลับไม่ตายงั้นหรือ แม้แต่สวรรค์ก็ไม่อยากต้อนรับนางเช่นนั้นหรือ

“ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะคุณหนู ท่านจะล้างหน้าเลยหรือไม่เจ้าคะ”

“อะไรนะ เจ้าเรียกข้าว่า…”

สาวใช้หน้าตาอ่อนวัยกว่านางเดินเข้ามาจนเกือบจะชิดเตียงระหว่างที่ชุนหลันค่อย ๆ จับที่คอและค่อย ๆ ลุกจากเตียงท่ามกลางความตกใจของสาวใช้ที่มองตามนางไปและนางเองก็ต้องตกใจอีกครั้ง

“บาดแผลล่ะ ใบหน้าข้าเหตุใดจึงงดงามเต่งตึงราวกับสาวแรกรุ่นเช่นนี้กัน”

“คุณหนูเจ้าคะนายท่านกับฮูหยินรอกินข้าวอยู่นะเจ้าคะ วันนี้จะต้องไปส่งคุณชายที่กรมคลังท่านลืมแล้วหรือไม่เจ้าคะ”

“อะไรนะ!! ที่นี่….ไม่จริง!!”

เล่อชุนหลันมองไปรอบ ๆ ราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง นางแค่อยากตายเท่านั้นแต่มิได้อยากจะกลับมาเสียหน่อยแต่ก็ …..

“คุณหนูท่านร้องไห้ทำไมเจ้าคะ ท่านฝันร้ายงั้นหรือเจ้าคะ”

“ใช่ จินถิงเจ้าช่างแสนดีน่ารักเสียจริง ข้าฝันร้ายยาวนานเหลือเกิน แต่ว่า…จริงสิข้าในตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้วงั้นหรือ”

“คุณหนูเจ้าคะ ท่านพึ่งพ้นพิธีปักปิ่นมาปีกว่า ๆ ตอนนี้ท่านอายุสิบเจ็ดแล้วเจ้าค่ะ เหตุใดท่านจึงถามอะไรแปลก ๆ เมื่อคืนนี้ท่านฝันเห็นอะไรกันแน่เจ้าคะ”

“สิบเจ็ด เยี่ยมไปเลย!!”

“เจ้าคะ? อะไรที่เยี่ยมไปเลย เมื่อวานคุณหนูยังบอกว่าคุณหนูอยากจะโตมากกว่านี้เพื่อจะได้เหมาะสมกับท่านอ๋องหยางผู้นั้นให้มากกว่านี้นี่เจ้าคะ”

“อะไรนะ ข้า…”

นางค่อย ๆ นึกทบทวน คงจะเคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริง ๆ นางอยากจะโตให้เร็วเพื่อจะได้เป็นพระชายาท่านอ๋องได้ แม้ว่าใคร ๆ ในเหลียงโจวต่างลงความเห็นว่าบุตรีของท่านเสนาบดีเล่องดงามเป็นอันดับหนึ่ง ในตอนนั้นนางไม่สนใจสักนิด ตำแหน่งเดียวที่นางสนใจและหมกมุ่นกับมันหลังผ่านพิธีปักปิ่นมาคือ “พระชายาท่านอ๋อง” เท่านั้น

“งี่เง่าชะมัด”

“คุณหนู ท่านด่าข้าอยู่งั้นหรือเจ้าคะ”

“เปล่า ๆ จะไปด่าเจ้าได้เช่นไรกันรีบไปเถอะเจ้าบอกว่าท่านพ่อท่านแม่รอข้าอยู่มิใช่หรือ พี่ใหญ่เล่าแต่งตัวเสร็จหรือยัง”

“เจ้าค่ะ ๆ ข้าจะรีบไปเตรียมน้ำเจ้าค่ะ”

จินถิงออกไปแล้ว เล่อชุนหลันเดินไปส่องกระจกอีกครั้ง นางรู้สึกพอใจกับใบหน้าในกระจกนี้มากเป็นพิเศษ ในเมื่อสวรรค์ให้นางย้อนกลับมาในช่วงเวลานี้นั่นก็เท่ากับให้นางมีโอกาสได้เลือกสินะ

“วันนี้เป็นวันที่พี่ใหญ่เข้าทำงานในกรมคลังวันแรก เกิดอะไรขึ้นกันนะ ใช่แล้ว!!…”

วันนี้เป็นวันที่พี่ใหญ่ของนางเข้าไปทำงานในกรมพระคลังวันแรกพร้อมกับสหายของเขา และในคืนนี้ก็จะเป็นวันที่มีการจัดงานเลี้ยงขึ้นในช่วงค่ำและท่านอ๋องก็ถูกกดดันให้เลือกอภิเษกกับผู้ที่เหมาะสมเพราะเขาขอเลื่อนเวลามามากกว่าสองปีแล้ว

“เช่นนั้นวันนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดนั่น ขอเพียงข้าปฏิเสธเขาไปแทนที่จะเป็นคนกดดันเขาให้เลือกข้าเป็นคู่อภิเษกเหมือนครั้งนั้นเรื่องทั้งหมดก็จะไม่เกิดขึ้น จากนี้ข้าจะขอผูกวาสนาด้ายแดงด้วยตัวเอง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีผู้ใดเหมาะสมกับข้าเท่ากับท่าน หยางอี้เหริน”

โต๊ะอาหาร

“ท่านพ่อท่านแม่ คิดถึงเหลือเกินเจ้าค่ะ”

เล่อชุนหลันโผเข้ากอดบิดามารดาของตัวเองด้วยเสียงสั่นเครือและเริ่มร้องไห้จนเล่อฮูหยินรู้สึกตกใจที่บุตรสาวที่เคยร่าเริงและสดใสจู่ ๆ ก็กระโดดกอดนางและร้องไห้เช่นนี้

“หลันเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไปหรือว่าเมื่อคืนเจ้าฝันร้ายอีกแล้ว”

“ฮ่า ๆ นั่นสิ เจ้าฝันร้ายทีไรต้องร้องไห้เช่นนี้ทุกที”

“ไม่เอาน่าหลันเอ๋อร์เจ้าจะอ้อนท่านแม่เกินไปแล้วนะ โตขนาดนี้แล้วไหนบอกว่าต้องพยายามทำตัวให้เหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาท่านอ๋องอย่างไรเล่า ยังร้องไห้เป็นเด็กขี้แยเช่นนี้เมื่อไหร่จะโตเสียที”

“พี่ใหญ่!!”

“เอาล่ะ ๆ หลันเอ๋อร์รีบมานั่งเถอะ รีบกินข้าววันนี้เราจะไปสายไม่ได้นะ "จื่อหลง" เจ้าก็รีบกินเข้า"

“ขอรับท่านพ่อ”

“ข้าไม่อยากเป็นพระชายาอะไรนั่นแล้วเจ้าค่ะ”

""หา อะไรนะ!!""

ทุกคนบนโต๊ะอาหารรวมถึงสาวใช้ของนาง จินถิงเองก็มองด้วยความตกใจ มิใช่ว่าพวกเขาต้องกินข้าวกับหยางอ๋องเพราะนางพร่ำพรรณนาถึงอ๋องหนุ่ม พระโอรสคนที่แปดของฝ่าบาทอยู่ทุกวันตั้งแต่พบกันครั้งแรกในพิธีปักปิ่นหรอกหรือ นางแทบจะเป็นตัวเลือกเดียวสำหรับท่านอ๋องสำหรับตำแหน่งพระชายาและนางเองก็ยอมรับมาโดยตลอดแต่มาวันนี้กลับ…

“เจ้าพูดตลกอันใดกัน หึ ฮูหยินลองชิมนี่หน่อยเนื้อนี่อร่อยมาก”

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่”

“ข้าพูดจริง ๆ นะเจ้าคะเหตุใดพวกท่านไม่เชื่อข้า”

“หากว่าเจ้าไม่ได้พูดเรื่องท่านอ๋องกับพี่และท่านพ่อท่านแม่ทุกวันมาโดยตลอดสองปีนี้พี่ก็ยังจะเชื่อเจ้าอยู่ แต่ว่าเจ้ามาพูดในตอนนี้มันออกจะแปลก ไปหน่อยก็เท่านั้นเอง”

“แปลกตรงไหนกัน ข้าก็แค่ไม่อยากเป็นพระชายาอะไรนั่นแล้วและก็ไม่อยากรักคนที่เขาไม่รักเราด้วย มันทรมานนะเจ้าคะข้าอยากจะมีชีวิตคู่เหมือนกับท่านพ่อท่านแม่ที่รักกันยาวนาน พวกท่านยังดูแลกันอย่างดีจนถึงตอนนี้ ต่อให้ไม่เป็นอ๋องแล้วอย่างไรเล่าเจ้าคะ ใช่ว่าข้าสนใจเรื่องนั้นสักหน่อย”

“หลันเอ๋อร์ หรือว่ามีผู้ใดมาพูดอะไรให้เจ้าไม่พอใจหรือไม่ พ่อจะไปจัดการมันให้เอง”

“ไม่มีเจ้าค่ะไม่มี ลูกก็แค่เริ่มคิดได้ว่าตลอดเวลาสองสามปีที่ผ่านมานี้ ท่านอ๋องผู้นี้มิได้สนใจมองลูกเลยด้วยซ้ำ”

ทุกคนหันมามองหน้ากันและต้องรีบหลบสายตาไปในทันที ก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่ทราบเรื่องนี้แต่ในเมื่อบุตรสาวชอบพอท่านอ๋องถึงเพียงนี้คนเป็นบิดาจะทำสิ่งใดได้นอกจากรับฟังนาง ที่สำคัญเรื่องการแต่งงานของเชื้อพระวงศ์เช่นท่านอ๋องเองก็ถูกกำหนดมาแล้ว หากเขาไม่แต่งกับบุตรสาวขุนนางในราชสำนัก ก็ต้องแต่งงานกับองค์หญิงต่างแคว้นที่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า

“ชุนหลัน เจ้าคิดให้ดี ๆ นะ หากว่าเจ้าพูดเพียงอารมณ์ชั่ววูบ หลังจากนี้มิอาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้อีก เพราะอีกไม่กี่เดือนองค์หญิงของแคว้นอานฉวนก็จะเสด็จมาที่นี่ แต่หากเจ้ายังรับปากเรื่องงานหมั้นหมาย องค์หญิงผู้นั้นคงจะต้องไปยังเมืองอื่นที่องค์ชายหรือท่านอ๋องยังไม่แต่งงาน”

“ข้า…”

“เอาน่า ๆ คืนนี้เจ้าก็ลองตัดสินใจดูอีกครั้ง หากว่าเจ้าไม่อยากแต่งงานจริง ๆ พ่อก็จะกราบทูลฝ่าบาทและทูลท่านอ๋องให้เจ้าเอง เขาจะได้แต่งงานกับสตรีต่างเมืองผู้นั้นเพื่อผูกสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นแทน”

“เจ้าค่ะ อย่างไรลูกก็ยังยืนยันว่าลูกจะไม่แต่งงานกับท่านอ๋องเจ้าค่ะ ต่อให้ถามลูกอีกกี่ครั้ง คำตอบก็ไม่ต่างกัน”

บิดามารดาและพี่ชายนางมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจเพราะนึกไม่ถึงว่าจู่ ๆ จะมีวันที่บุตรสาวจะเอ่ยคำว่า “ไม่อยากเป็นพระชายาท่านอ๋อง” ออกมาเพราะก่อนหน้านี้ผู้ใดในเหลียงโจวจะไม่รู้ว่านางเป็นผู้ที่ “เหมาะสม” กับตำแหน่งนี้มากที่สุด

“อาหารที่บ้านอร่อยที่สุดจริง ๆ ด้วยเจ้าค่ะ”

“พูดอย่างกับว่าเจ้าเคยไปกินอาหารจวนอื่นมาเช่นนั้นแหละ เอากินผักบุ้งนี้หน่อยหวานกรอบดีนะ”

เล่อชุนหลันชะงักไปนิดหน่อยเมื่อมารดาเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ แม้ว่านางจะไม่สามารถบอกได้แต่นางในเวลานี้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ย้อนกลับไปใช้ชีวิตที่แสนโง่เขลาเช่นที่ผ่านมาอีกแล้ว

“อย่างน้อยชีวิตนี้ข้าก็มีสิทธิ์เลือกที่จะไม่ไปกินข้าวที่จวนอื่นก็แล้วกันเจ้าค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel