ตอนที่ 6 วาสนายังไม่สิ้น
"นางค่อย ๆ พยุงเขามานั่ง มีดสั้นยังปักอยู่ที่หลังแขนด้านขวาอยู่ เขาหันไปและดึงออกมาทันทีและทิ้งมีดนั้นไป มือของเขาค่อย ๆ กุมแผลเอาไว้เลือดเริ่มไหลไม่หยุด ชุนหลันหันมาและใช้ผ้าเช็ดหน้าของนางเดินเข้ามาทันที
“เลือดพระองค์ออกไม่หยุด ใช้ผ้านี้พันแผลเอาไว้ก่อนนะเพคะ”
“เจ้าไม่บาดเจ็บใช่หรือไม่”
“ไม่เพคะหม่อมฉันปลอดภัยดี”
“คุณหนู!!”
“จินถิงเจ้าไม่เป็นไรนะ”
“ข้าไม่เป็นไร ท่านปลอดภัยหรือไม่เจ้าคะคนร้ายถูกจับหมดแล้ว”
“ข้าไม่เป็นไรแต่ว่าท่านอ๋อง…”
ชุนหลันหันไปมองเขาที่หันมามองอีกครั้ง นางไม่คุ้นเคยกับสายตาเช่นนี้ของเขาเอาเสียเลยสู้ให้เขาทำเย็นชาเช่นเดิมจะดีกว่าเหตุใดต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกันอีก
“เสร็จแล้วเพคะ”
“ขอบใจ เจ้านั่งรอข้าอยู่ตรงนี้ก่อน”
“เอ่อ…”
เขาลุกขึ้นทันทีแม้ว่าชุดสีขาวยังมีเลือดอยู่ประปรายแต่ตอนนี้เขาเดินเข้าไปสั่งการ คนร้ายที่เหลืออีกสี่คนถูกจับมานั่งรวมกันตรงหน้า
“เสิ่นกงเจ้าพามันไปขังในคุกก่อนข้าจะสอบสวนมันด้วยตัวเอง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“พระองค์ได้รับบาดเจ็บรีบกลับไปทำแผลก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม คุ้มกันให้เข้มงวดก่อนที่ข้าจะไปสอบสวน ห้ามให้พวกมันตายเป็นอันขาด”
""พ่ะย่ะค่ะ""
เมื่อเขาหันไปก็ไม่พบเล่อชุนหลันแล้ว นางคงเดินออกไปช่วงที่เขาหันไปสั่งเสิ่นกงกับเสิ่นปา คิดไม่ถึงว่าจะพบนางที่นี่
“เล่อชุนหลัน…”
เขาค่อย ๆ หันไปมองผ้าเช็ดหน้าที่ปักลายดอกโบตั๋นของนางที่ใช้พันแผลก่อนจะเดินออกมาจากโรงน้ำชาและกลับตำหนักทันทีเพื่อไปทำแผล จินถิงและชุนหลันที่ยังนั่งสั่นอยู่บนรถม้าก็เริ่มกลัวขึ้นมา
“คุณหนูเจ้าคะ”
“เรื่องนี้ห้ามบอกท่านพ่อท่านแม่เด็ดขาดนะ”
“เจ้าค่ะ”
เมื่อกลับถึงจวนทั้งชุนหลันและจินถิงต่างก็อยู่แต่ในห้องเงียบ ๆ นางไม่รู้เลยว่าตอนนี้ท่านอ๋องจะทำแผลแล้วหรือยังแต่ก็คงไม่ต้องห่วงเขามากเพราะบาดแผลเพียงแค่นั้นคงจะทำอะไรเขาไม่ได้
“เพราะข้าออกจากจวนงั้นหรือเหตุการณ์ถึงได้เปลี่ยนไป สุดท้ายก็ต้องเจอเขาจนได้แต่หากงานเลี้ยงคืนนี้ข้าไม่ไป เหตุการณ์น่าอึดอัดนั่นก็คงไม่เกิดขึ้นคราวนี้คงไม่มีเหตุการณ์นั้นแล้ว”
วันถัดมา
นางเดินออกมากินข้าวพร้อมกับฮูหยินแต่บิดาของนางเข้าวังไปตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วเพราะราชการสำคัญ ส่วนพี่ชายก็มานั่งกินข้าวพร้อมกันก่อนจะออกไปทำงาน
“อะไรนะเจ้าคะ ท่านอ๋องมิได้ไปร่วมงานเลี้ยงหรือเจ้าคะ”
“ใช่แล้วล่ะเห็นว่าติดภารกิจด่วนนอกเมืองต้องไปทำ มีเพียงท่านราชครูเว่ยเท่านั้นที่ไปร่วมงาน”
“ที่จริงท่านอ๋องไม่ไปก็ดีเช่นกันพวกขุนนางแก่ ๆ ในนั้นเอาแต่พูดเรื่องอภิเษกของพระองค์จนน่าอึดอัด นี่น้องรองเจ้าไม่เห็นหน้าคู่ปรับของเจ้าเมื่อคืน น่าสงสารมากเลยล่ะ”
“คู่ปรับข้า… พี่ใหญ่ท่านกำลังพูดถึงลี่จินเซียน”
“ก็ใช่น่ะสิจะใครเสียอีกเล่าไม่คุยแล้วท่านแม่ข้าไปก่อนนะขอรับเดี๋ยวจะสาย ไปนะหลันเอ๋อร์”
แม้ว่าจะอยากถามต่อแต่นางก็ไม่ทันได้ถาม มารดาของนางจึงได้หันมาและเล่าให้ฟัง
“ท่านแม่ เมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ”
“ก็เมื่อคืนนี้ท่านโหวลี่จางหย่งพาบุตรีไปหมายจะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่น่ะสิ ที่สำคัญเจ้าไม่ไปงานนี้ด้วยก็เลยคิดว่าบุตรสาวจะได้โดดเด่นซึ่งนั่นก็จริงเพราะบุตรสกุลลี่เก่งทั้งการดีดพิณและยังงดงามตามวัยแต่เสียดาย นางอยากพบท่านอ๋องแต่เมื่อคืนนี้พระองค์มิได้เสด็จไป”
“ไม่ไปงั้นหรือเจ้าคะหรือว่า...”
“ใช่ นี่หลันเอ๋อร์ได้ข่าวหรือไม่เห็นบอกว่าเมื่อวานนี้มีการจับคนร้ายในตลาดที่หอจินเซ่อ เป็นคนต่างแคว้นเห็นว่าทำท่านอ๋องบาดเจ็บแม่จึงคิดว่าสาเหตุที่พระองค์มิได้เสด็จไปที่งานเลี้ยงเมื่อคืนคงเพราะเหตุนี้ด้วย”
“ลูก…ก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่ก็ได้ยินข่าวอยู่เช่นกันแต่ว่าทำไมวันนี้ท่านพ่อเข้าวังแต่เช้าจนไม่รอพี่ใหญ่เล่าเจ้าคะ”
“เห็นว่าไปหารือเรื่องชายแดนกับมีรายงานด่วนมาจากเมืองหลวงน่ะ”
“อ้อ..”
จากเหตุการณ์เมื่อวานก็ทำให้เล่อชุนหลันไม่กล้าออกจากจวนอีก นางไม่นึกอยากจะเสี่ยงอันตรายสักเท่าไหร่แต่คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่เหตุการณ์เดียวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้จะเปลี่ยนแปลงเรื่องราวที่เกิดขึ้นไป
ห้องทรงงานท่านอ๋อง
“อะไรนะพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นแสดงว่า…”
“เสนาบดีเล่อ ท่านอย่าได้ตกใจไปที่ข้าจะบอกก็คือนางช่วยข้าไว้มิได้ทำให้ข้าบาดเจ็บ”
“แต่ว่า!! เหตุใดหลันเอ๋อร์จึงไปอยู่ที่นั่นและถูกคนร้ายจับตัวได้”
“นางแค่ไปดูละครตามปกติ แต่โชคไม่ดีที่คนร้ายกลับจับตัวพวกนางเอาไว้ คิดไม่ถึงว่านางจะเอาตัวรอดได้ดีท่านสอนบุตรได้ดีมากทีเดียว”
“แต่พระองค์ทรงบาดเจ็บ”
“บาดแผลเล็กน้อยที่ข้าเรียกท่านเข้าวังมาแต่เช้าเพราะอยากจะปรึกษาท่านในเรื่องนี้”
ท่านอ๋องยื่นกล่องใส่ราชโองการสีเหลืองทองด้านในให้เสนาบดีเล่อดู เขาค่อย ๆ หยิบออกมา
“นี่คือ…”
“ราชโองการของเสด็จพ่อที่ส่งมาให้ ข้ายังไม่เปิดเผยที่เรียกท่านมาในวันนี้ก็เพื่อจะหารือเรื่องการแต่งตั้งพระชายา”
“พระชายา!! หรือว่านี่จะเป็น พระราชโองการสมรสหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านเข้าใจถูกต้องแล้ว ข้าเพียงอยากจะถามให้แน่ใจว่า ข้าหมายถึงบุตรสาวของท่านจะยินดีหมั้นหมายกับข้าหรือไม่”
“เรื่องนี้…”
หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงไม่ลังเลที่จะทูลท่านอ๋องว่าบุตรสาวของเขาเฝ้ารอราชโองการนี้มานานหนักหนา แต่บัดนี้เขากลับไม่แน่ใจเพราะท่าทีของบุตรสาวในช่วงสองสามวันนี้แปลกไปอย่างชัดเจน
“ท่านไม่จำเป็นต้องคิดมาก ที่ข้าให้ดูเพราะให้ท่านรับรู้เอาไว้เพียงเท่านั้นและไม่ต้องไปเร่งรัดนางเพราะข้าเองก็ไม่ได้รีบร้อนตราบใดที่…”
ไม่ทันที่ท่านอ๋องจะทรงได้ตรัสอะไรเสิ่นกงก็เดินเข้ามาในห้องและคำนับให้ทั้งคู่
“มีอะไร”
“ทูลท่านอ๋อง ใต้เท้าลี่จางหย่งมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ลี่จางหย่ง หึ คิดเอาไว้ไม่มีผิดเวลานี้สินะ รู้แล้วเจ้าบอกให้เขารออยู่ด้านนอกก่อนข้ายังคุยกับเสนาบดีเล่อยังไม่เสร็จ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ใต้เท้าเล่อ เรื่องนี้… ข้าหวังว่าท่านจะเก็บเป็นความลับก่อนอย่าพึ่งบอกผู้ใด”
“กระหม่อมทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ส่วนบุตรสาวของกระหม่อมเอาไว้หากมีโอกาส...”
“อ้อ เรื่องนั้นให้ข้าจัดการเองเถอะ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ข้าต้องค่อย ๆ คุยกับนาง”
“เช่นนั้นกระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
เสนาบดีเล่อเดินออกไป เขาสวนกับ “ลี่จางหย่ง” ท่านโหวที่กินตำแหน่งขุนนางขั้นที่สองเพราะน้องสาวเป็นพระสนมของฝ่าบาทและวันนี้เขาก็พาบุตรสาวมาด้วย “เล่ออันจ้าน” เพียงแค่ทักทายกับพวกเขาเท่านั้นและรีบออกมา
“ใต้เท้าลี่ เชิญขอรับ”
ทั้งสองพ่อลูกเดินเข้าไปในห้องทรงงาน ท่านอ๋องที่กำลังเก็บราชโองการอยู่หันมามองผู้ที่พึ่งเดินเข้ามา ซึ่งเข้าใจว่าลี่จางหย่งมาเพียงคนเดียวแต่วันนี้เขากลับพาบุตรสาวของเขามาด้วยซึ่งเมื่อวานนี้ไม่ได้มีโอกาสพบกับนางในงานเลี้ยงเพราะเขาไม่ได้ไปร่วม
“กระหม่อมลี่จางหย่งถวายบังคมท่านอ๋อง”
“หม่อมฉันลี่จินเซียนถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”
“ลุกขึ้นแล้วค่อยพูดเถอะ”
เมื่อทั้งสองลุกขึ้นและยืนขึ้นท่านอ๋องก็มองไปยังท่านโหวผู้ละโมบผู้นี้ ในสายตาของเขามันบ่งบอกว่าต้องการตำแหน่งเสนาบดีที่ว่างลงอยู่หนึ่งตำแหน่งและที่พาบุตรสาวมาในวันนี้ก็คงไม่พ้นที่อยากจะพานางเข้าวังซึ่งในเมืองเหลียงโจวนี้ผู้คนต่างก็รู้ดีว่านอกจากเล่อชุนหลันที่งดงามและมีความรู้ความสามารถและเป็นสตรีอันดับหนึ่งแล้ว รองลงมาก็คือ “ลี่จินเซียน”
“ลี่จางหย่งท่านมาหาข้าแต่เช้ามีเรื่องอะไรด่วนงั้นหรือ”