ตอนที่ 4 ตัดด้ายแดงด้วยตนเอง
ห้าวันถัดมา
“เจ้าบอกว่าท่านอ๋องไปพักที่เรือนพักของหมอหวังทุกคืนงั้นหรือ”
“เพคะ ตอนนี้พระชายารองก็กำลังจะไปที่นั่นเพคะ”
“ช่างเถอะไม่ใช่เรื่องของข้าเสียหน่อย เขามีชายารองได้หนึ่งคนจะมีอนุเพิ่มอีกสักคนก็ไม่เห็นแปลก ก่อนหน้านี้พวกเขาก็อยู่ในกองทัพมาด้วยกัน”
“พระชายาเพคะ หรือเราจะกลับจวนสกุลเล่อดีเพคะ”
“ไม่ได้ เจ้าคิดว่าหากข้ากลับจวนในตอนนี้ท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่จะคิดเช่นไรกับท่านอ๋อง”
“พระชายาเพคะ!! ท่านอ๋องไม่แม้แต่จะใส่พระทัยท่านเลยสักนิด กลับจากกองทัพมาเกือบเจ็ดวันแล้วแต่ก็ไม่เคยแวะมาหาท่านเลยสักครั้ง พระองค์ยังจะห่วงคนเช่นนั้นอีกหรือเพคะ”
“เจ้าว่าข้าโง่มากเลยใช่หรือไม่ ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่ข้าคิดดีแล้วเรื่องนี้เป็นข้าที่ตัดสินใจเอง ดังนั้นจึงไม่อยากให้ท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่ยอมรับยาจากหมอหวังผู้นั้น คิดว่าไม่นานเขาคงต้องมาหาเรื่องข้าอีกเป็นแน่”
“พระชายา…...”
“ท่านอ๋องเสด็จ!!”
“ไม่ทันขาดคำ…. คราวนี้มีเรื่องอันใดอีกเล่า”
เล่อชุนหลันเพียงแค่นั่งดื่มยาอยู่ด้านในและไม่สนใจที่จะออกไปต้อนรับเขาด้วยซ้ำ ท่านอ๋องเดินพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนของนางด้วยความโมโห แต่เมื่อเห็นนางในสภาพที่อิดโรยตรงหน้าเพราะพิษไข้หวัด สายพระเนตรนั้นจึงอ่อนลงและค่อย ๆ เดินเข้ามา
“เหตุใดเจ้า…จึงปล่อยให้พระชายารองก่อเรื่องกับแขกที่มาพักในตำหนักได้”
“หม่อมฉันมีเพียงสองตาสองมือและสองเท้า มิอาจควบคุมดูแลได้ทั่วทั้งวังหลังให้พระองค์หรอกเพคะ ที่พักสาวใช้และอาหารก็จัดให้แล้วหากว่าพวกนางยังวุ่นวายเช่นนี้ ก็คงต้องย้อนถามแล้วว่าต้นเหตุมันเริ่มต้นมาจากผู้ใด”
“นี่เจ้ากำลังกล่าวโทษข้างั้นหรือ”
พระชายาเพียงแค่เงยหน้าขึ้นสบตาท่านอ๋องที่กำลังโกรธอยู่แต่เขาก็เถียงนางไม่ออก เล่อชุนหลันในวันนี้มิใช่สตรีที่เขาจะกล้ามีเรื่องด้วยเหมือนเช่นในวันวานอีกแล้ว เพียงแค่นางมองเขาเช่นนี้คำพูดร้ายกาจและอัดอั้นต่าง ๆ ก็ถูกกลืนลงคอไปหมดสิ้นเมื่อเห็นสายตาเย็นชาราวแผ่นน้ำแข็งของพระชายาตรงหน้าอีกครั้ง
“เรื่องนี้ข้าไม่โทษเจ้า ที่ข้าพาหมอหวังมาก็เพื่อ...”
“พวกนางล้วนเป็นสตรีที่พระองค์พาเข้ามา หม่อมฉันมีหน้าที่ดูแลให้พวกนางเป็นอยู่อย่างไม่ลำบากตามฐานะและหน้าที่ ส่วนปัญหาอื่น ๆ ที่หม่อมฉันมิอาจจัดการได้ เชิญพระองค์ลงไปจัดการเองเถิดเพคะหม่อมฉันรู้สึกเหนื่อย อยากพักผ่อนแล้ว”
“เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมกินยาที่นางจัดมาให้”
“ขอประทานอภัยแต่หม่อมฉันมียาที่กินอยู่ประจำและในเวลานี้หม่อมฉันอยากจะนอนพักเพคะ”
“เจ้าออกไปได้แล้ว”
ท่านอ๋องหันไปสั่งจินถิงด้วยเสียงที่ดังมากพอจะทำให้ทั้งคู่ตกใจ
“ท่านอ๋องเพคะ”
“เจ้ามีปัญหาอันใด คืนนี้ข้าจะนอนค้างที่ตำหนักนี้!!”
""อะไรนะเพคะ?""
ทั้งนายและบ่าวต่างพากันตกใจ ก็แน่ล่ะสิตลอดเวลาเกือบหนึ่งปีผ่านมานี้ท่านอ๋องไม่เคยเฉียดใกล้ตำหนักของพระชายามาก่อนเลย หากมาแล้วไม่ทะเลาะกันออกไปเห็นจะมีเพียงครั้งที่มาเสวยอาหารเย็นกับพระชายาก่อนออกศึกเมืองชุ่นเท่านั้น
“พวกเจ้าตกใจอันใดกัน ข้าจะค้างกับพระชายาของตัวเองยังต้องสงสัยถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ”
“หึ ทำไปเพื่อสิ่งใดกัน ก็แค่หนีปัญหาชั่วคราวเท่านั้น”
“เจ้าบ่นพึมพำอะไร”
“หามิได้เพคะ หม่อมฉันจะถอดฉลองพระองค์ให้”
ท่านอ๋องยืนตรงหน้าและให้นางถอดชุดออกให้เหลือเพียงชุดนอน ฝนเริ่มตกอีกครั้งหลังจากสองวันมานี้แทบไม่ตกเลย ชุนหลันหันเอาชุดของท่านอ๋องไปเก็บและเดินกลับมาพบว่าเขาเอนกายลงนอนที่เตียงของนางก่อนแล้ว
“ไม่นอนงั้นหรือ ฝนเริ่มตกแล้วรีบมานอนเถอะอากาศเย็นเดี๋ยวจะไม่สบายเพิ่มเข้าไปอีก”
“หม่อมฉันไม่คุ้นเคยกับการนอนร่วมกับผู้อื่น…”
“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องฝึกเอาไว้เพราะมันเป็นหน้าที่ของพระชายา”
ชุนหลันรู้สึกใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาเสียให้ได้เมื่อสิ้นคำของบุรุษหนุ่มที่นางหวังจะนอนร่วมเตียงเคียงหมอนเช่นนี้กับเขามาโดยตลอด แต่ว่าในวันนี้ความรู้สึกของนางมันเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ต่อให้เขาจะนอนกอดนางเอาไว้เหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ก็มิได้ช่วยทำให้ความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจที่มันสะสมมาแรมปีลดลงไปได้
“เหตุใดเจ้าจึงตัวสั่นเช่นนี้ หนาวงั้นหรือ”
“เปล่าเพคะพระองค์บรรทมเถิด หม่อมฉันเพียงแค่…รู้สึกตกใจเสียงฟ้าร้องเท่านั้น”
“อืม….”
เสียงของเขาเงียบไปแล้วพร้อมกับลมหายใจที่เริ่มนิ่งเมื่อนางค่อย ๆ ขยับตัวออกมาและหันไปมองใบหน้าของบุรุษซึ่งนางเคยรักและหลงใหลในตัวเขาจนได้แต่งงาน แต่ท้ายที่สุดก็มิอาจหลีกหนีความจริงเรื่องที่เขาไม่เคยรักนางเลย และยังต้องทนเห็นเขาเข้าพิธีส่งตัวกับสตรีอื่น อีกทั้งในตอนนี้เขาก็ยังพาสตรีอีกคนเข้ามาในจวนเพิ่มอีก
“ขอบคุณสำหรับความเจ็บปวดนี้ มันควรจบสิ้นเสียที….”
ร่างบางค่อย ๆ ลดมือลงจากใบหน้าที่เริ่มมีเคราขึ้นมานิดหน่อยแต่ใบหน้าคมคายยามหลับใหลก็ยังทำให้นางรู้สึกหวั่นไหวอยู่ไม่น้อย แม้ว่าในตอนนี้นางจะรู้สึกอบอุ่นมากที่สุดเมื่อเขากอดนางเอาไว้ แต่นางในยามนี้ต้องการอ้อมกอดนี้หรือไม่นั้น ตัวนางเองก็ยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้เลย
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีกครั้งแต่เล่อชุนหลันที่อยู่ในอ้อมกอดของเขานิ่งไปแล้ว ชุนหลันคงหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยาที่พึ่งกินเข้าไปอีกทั้งตัวนางยังคงอุ่นรุม ๆ ราวกับมีไข้ที่ไม่ลดลงเสียที ท่านอ๋องค่อย ๆ ลืมตามองเล่อชุนหลันที่นอนขดตัวซุกเข้าหาแผงอกกว้างของเขา ยามหลับสนิทเช่นนี้เขาพึ่งได้พินิจมองนางอย่างเต็มตาอีกครั้ง
“เล่อชุนหลัน ความเจ็บปวดที่เจ้าได้รับข้าจะต้องใช้ทั้งชีวิตของข้าชดใช้คืนให้กับเจ้า ข้าผิดต่อเจ้ามานานจากนี้... จะไม่เป็นเช่นนั้นอีก ข้าจะทำอย่างไรให้เจ้ายอมดื่มยาถอนพิษในร่างกายเจ้าได้กันนะ”
สองวันถัดมา / เรือนรับรองท่านหมอหวัง
“นังแพศยาเจ้ากล้าดีเช่นไรใช้มารยาหลอกล่อท่านอ๋องให้ลุ่มหลงวันนี้ข้าจะจัดการเจ้าที่บังอาจ...”
“พระชายารองท่านเองก็เป็นเพียงแค่เมียรองเท่านั้น ขนาดเมียเอกยังไม่พูดสิ่งใดท่านจะกล้าพูดอะไรอีกงั้นหรือ แหม ว่าก็ว่าเถอะนะท่านอ๋องเองก็ไม่น่าปล่อยให้ท่านนอนแห้งแล้งรอจนถึงวันนี้ ดูท่าแล้วนอกจากตำหนักของพระชายากับ...เรือนเล็ก ๆ ของข้าแล้ว ท่านอ๋องคงมิได้ใส่ใจไปแวะหาท่านเลยสินะ”
“นังคนอับปรีย์ ข้าจะฆ่าเจ้า จะฆ่าเจ้า”
“โอ๊ะ อย่าทำอะไรเลยเพคะ หม่อมฉันไม่มีแรงสู้กับพระองค์หรอกนะเพคะ เมื่อคืนอยู่อยู่กับท่านอ๋องทั้งคืนหม่อมฉันแทบจะไม่ได้นอนพักเลย”
“กรี๊ด!!! นังคนสารเลว!!”
“พระชายาเพคะ!!”
“จินถิง!! พาข้ากลับตำหนัก เดี๋ยวนี้”
“เพคะพระชายา”
เล่อชุนหลันไม่คิดว่าจะได้มาฟังเรื่องเช่นนี้ที่นี่ในวันนี้ คืนก่อนหน้านี้ท่านอ๋องพึ่งจะไปนอนค้างกับนางและเมื่อคืนนี้ เขากับหมอหญิงผู้นี้…
“พระชายาเพคะ พระองค์ยังเดินไหวอยู่หรือไม่เพคะ”
“ข้าไม่เป็นไร”
“ชุนหลัน!! เจ้าเป็นอะไรไป มานี่ข้าจะพานางไปเอง!!”
ท่านอ๋องที่พึ่งจะประชุมราชสำนักเสร็จรีบเดินเข้ามาหาพระชายาที่ทำท่าจะหกล้มแต่เมื่อเห็นเขาเดินมานางกลับปัดมือหนานั้นทิ้งและถอยออกมา
“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะเพียงแค่เดินสะดุดเท่านั้น จินถิงเรารีบกลับกันเถอะ”
“ให้ข้า….”
“กรี๊ด!!”
เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นมานั้นทำให้เล่อชุนหลันหลับตาแน่นราวกับไม่อยากรับรู้ ท่านอ๋องรู้ได้ในทันทีว่าชุนหลันไปที่ใดมา
“อย่าเพคะพระชายารอง อย่าเพคะ”
“ปล่อยข้านะข้าจะฆ่ามัน นังสารเลว นังปีศาจจิ้งจอก"
"นั่นมันเกิดอะไรขึ้น!!”
“พระชายารอง ก็แค่ท่านอ๋องไม่นอนกับท่านแต่ใช้เวลากับข้าทั้งคืนก็เท่านั้นเอง โอ๊ย ท่านถึงกับโมโหเพียงนี้ โอ๊ย!!”
ท่านอ๋องตกใจสุดชีวิตเมื่อหันมามองใบหน้าซีดราวกระดาษไร้น้ำหมึกของพระชายาตรงหน้าที่แทบจะล้มทั้งยืน เขารีบหันไปคว้ากายนางเอาไว้แต่ชุนหลันถอยออกมาพร้อมกับน้ำตาที่รื้นเต็มสองดวงตา
“พระองค์รีบไปจัดการ “คน” ของพระองค์เถิดเพคะ หม่อมฉันคงจัดการแทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ทูลลาเพคะ”
“ชุนหลัน!! ข้าไม่ได้…เดี๋ยวสิเล่อชุนหลันฟังข้าก่อน”
“กรี๊ด!!!”
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ พระชายารองเอาน้ำร้อนสาดท่านหมอหวัง”
“อะไรนะ!!” พวกเจ้ารีบไปเร็วเข้า ชุน…."
เล่อชุนหลันเดินจากไปแล้ว ตำหนักนางเองก็ปิดประตูแล้วเช่นกันเมื่อนางเข้าไปด้านในแล้ว เขาหันกลับไปมองที่เรือนพักด้านหน้าและจึงรีบวิ่งไปสะสางเรื่องที่นั่นก่อน
ตำหนักพระชายา
“พระชายาเพคะ เป็นเช่นไรบ้างเพคะ”
“จินถิงเจ้าไปเตรียมน้ำอุ่นให้ข้าที ข้าอยากจะ…อาบน้ำเสียหน่อย”
“แต่ว่าจะปล่อยให้พระองค์อยู่คนเดียวเช่นนี้หาได้ไม่ หม่อมฉันไม่วางใจ”
“ข้าอยากอาบน้ำ เจ้ารีบไปเตรียมน้ำเถอะ”
“พระชายาเพคะ”
“เด็กโง่ ยังมีเรื่องใดในจวนนี้ที่ข้ายังรับไม่ได้อีกงั้นหรือ ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมานี้พวกเราเจอมา เรื่องเพียงเท่านี้เจ้าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้งั้นหรือ”
“พระชายา…บ่าวเสียใจที่มิอาจช่วยอะไรพระองค์ได้เลย บ่าวมันไม่ได้เรื่อง ฮืออ….”
"รีบไปเถอะ ข้าอยากจะอาบน้ำแล้ว"
“เพคะ เช่นนั้นบ่าวจะรีบไปเตรียมน้ำนะเพคะ”
“รีบไปเถอะ”
เล่อชุนหลันมองตามหลังสาวใช้ผู้ภักดีเพียงคนเดียวของนางในตำหนักที่เย็นดุจถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้ แต่วันนี้นางจะจบเรื่องนี้ลงเสียที พอกันทีกับความรักโง่เขลาที่มอบให้กับคนที่ไม่สมควรได้รับมัน
นางไม่ควรคิดและไม่ควรคาดหวังสิ่งใดในตัวท่านอ๋องผู้ใจร้ายอย่าง “หยางอี้เหริน” อีกต่อไป เรื่องในวันนี้เป็นบทพิสูจน์ที่เพียงพออยู่แล้วสำหรับนาง ต่อให้รักเขาสักปานใดแต่ในหัวใจของเขาก็ไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับนางเลย
“หยางอี้เหริน วาสนาด้ายแดงในชาตินี้ข้าขอตัดขาดกับท่านด้วยตัวเอง หากแม้นชาติหน้าพบกันอีก ข้าไม่ขอผูกวาสนาใด ๆ กับคนใจร้ายเช่นพระองค์อีก!!”
ปิ่นเงินคมกริบที่นางเตรียมเอาไว้อยู่ตลอดเวลาถูกดึงออกมา น้ำตาที่ไหลราวม่านน้ำตกมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความมืดที่รออยู่ตรงหน้า เมื่อเล่อชุนหลันค่อย ๆ หลับตาลงเพื่อให้คุ้นเคยกับสิ่งที่กำลังจะพานางจากไป
มีดบนปิ่นในมือกรีดไปที่คองามระหงนั้น เลือดเริ่มสาดกระเซ็นไปทุกทิศทุกทางพร้อมกับเสียงประตูที่เปิดออกมาและใบหน้าของคนที่นางทั้งรักทั้งเกลียดในชาตินี้ แต่สายตาและหูนางแทบจะไม่เห็นและไม่ได้ยินอันใดอีกแล้ว แม้แต่น้ำตาและเสียงร้องไห้ที่เจ็บปวดของบุรุษที่นางเคยรักมากกว่าชีวิต นางก็หาได้ยินมันไม่…..
“ชุนหลัน!!!!!…..ไม่นะ!!!!!”