บทย่อ
“วาสนาด้ายแดงในชาตินี้ข้าขอตัดขาดกับท่านด้วยตัวเอง หากแม้นชาติหน้าพบกัน ข้าเล่อชุนหลันไม่ขอผูกวาสนาใด ๆ กับคนใจร้ายเช่นพระองค์อีก!!”
ตอนที่ 1 พระชายาแต่ในนาม
“เพล้ง!!……”
“พระชายาเพคะ”
“เอาออกไป แม้แต่จะแวะมาเยี่ยมเขาก็ยังไม่มีน้ำใจแล้วจะให้ข้ากินยาที่ให้สตรีที่เขาพึ่งพากลับมารักษาข้างั้นหรือ เอายารักษาหรือยาพิษมาให้ข้ากินกันแน่!!”
“พระชายา แต่ท่านอ๋องตรัสว่าหากพระองค์ไม่ดื่ม…. อาการจะไม่ดีขึ้นนะเพคะ”
“ช่างเถอะ มีอะไรที่เขายังไม่ได้ทำกับข้าอีกเล่า จินถิงนี่เจ้ารับใช้ข้ามานานเท่าใดแล้ว”
สาวใช้นั่งตัวสั่นและร้องไห้เพราะตั้งแต่นายของตนซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นพระชายาท่านอ๋องแม่ทัพซึ่งมีนามเรียกขาน “หยางอี้เหริน” แต่งเข้ามายังจวนอ๋องแห่งนี้ก็พบแต่ความเย็นชาและไร้ซึ่งการผูกสัมพันธ์ใด ๆ ของทั้งคู่ หลังจากแต่งงานได้เพียงสามวัน ก็มีสตรีอันดับหนึ่งขึ้นมาแทนที่นายของนาง
“เล่อชุนหลัน” ได้ชื่อว่าเป็นพระชายาท่านอ๋อง ตำแหน่งนี้เป็นสิ่งที่นางเคยใฝ่ฝันมาโดยตลอดตั้งแต่นางพบเขาเมื่อหลายปีก่อน เวลานั้นท่านอ๋องพึ่งมาปกครองเมืองเหลียงโจวตามบัญชาของฝ่าบาทและพึ่งชนะศึกแคว้นหว่านยงกลับมา ตั้งแต่ครั้งนั้นนางที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งและเป็นบุตรีของเสนาบดีผู้เรืองอำนาจก็มิเคยชายตามองบุรุษอื่นนอกจากเขา
“ดูสภาพข้าตอนนี้สิ เขายอมแต่งงานกับข้าเพียงเพื่อให้นางที่พึ่งได้ขึ้นเป็นสตรีอันดับหนึ่งแทนข้า รับนางเป็นพระชายารองเข้าจวนเพื่อหยามเกียรติข้าอีกทั้ง…หึ หายไปทำศึกเกือบครึ่งปี กลับมาก็พาสตรีนั่งม้าตัวเดียวกันกลับเหลียงโจว ไม่ไว้หน้าบิดาข้าเสียด้วยซ้ำไป”
“พระชายา…อย่าร้องไห้เลยเพคะ พระชายา…ฮึก!!”
น้ำตาที่ไหลราวสายน้ำก็ช่วยอะไรนางไม่ได้ในเมื่อนางเลือกเองที่จะใช้ชีวิตเช่นนี้ แม้ว่าเสนาบดี "เล่ออันจ้าน" จะเป็นขุนนางเก่าแก่ที่จงรักภักดีของฝ่าบาทและท่านอ๋อง แต่เรื่องนี้ก็มิได้ทำให้เขาใจดีกับนางเลยสักนิดเพียงเพราะท่านอ๋องคิดว่านางราวบีบบังคับให้เขาแต่งงานด้วยเท่านั้น
“ข้ามันโง่เองที่รักเขาจนหลงลืมคำเตือนของคนรอบกายไปหมดสิ้น”
“พระชายา”
“เอายามาให้ข้า ยาที่ข้ากินเป็นประจำ”
“เพคะ”
“จินถิง” สาวใช้ข้างกายที่ติดตามนางมาตั้งแต่จวนเสนาบดีค่อย ๆ ยกยานั้นให้นางดื่ม ในยามนี้พึ่งเข้าฤดูใบไม้ร่วงแต่นางกลับป่วยซมและไร้ซึ่งความงดงามแต่เดิมที่เคยเปล่งประกาย บัดนี้แม้แต่จะหวีผมเองนางยังไม่นึกอยากจะทำ ตั้งแต่แต่งเข้าจวนอ๋องเป็นพระชายาเพียงในนามและต้องอยู่ตำหนักที่เงียบเหงาราววังเย็นแห่งนี้
สามวันหลังจากอภิเษก
“สตรีอันดับหนึ่งของเหลียงโจวตอนนี้คือคุณหนูลี่ หนึ่งในเทพธิดาแห่งดนตรีนางดีดพิณได้ไพเราะยิ่งนัก ท่านอ๋องคงหมายจะให้นางแต่งเข้าเป็นพระชายารองเป็นแน่”
ซึ่งนั้นก็มิได้ผิดจากที่เล่อชุนหลันคาดเพราะหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน “ลี่จินเซียน” ก็เข้ามาในจวนอ๋อง วังหลังมีคนให้นางดูแลเพิ่มในทันที
“นางเข้ามาในฐานะพระชายารองของข้าจากนี้ฝากเจ้าดูแลนางด้วย แล้วอย่าสร้างความวุ่นวายจนข้าต้องปวดหัว”
“ท่านอ๋องทรงหมายความว่าอย่างไรเพคะ”
“หมายความตามที่พูด เอาล่ะลี่จินเซียนเจ้าไปเก็บของและพักผ่อนเถอะ คืนนี้เราต้องเข้าพิธีตามธรรมเนียม”
“พะ…พิธีงั้นหรือ พิธีอันใดกัน”
“พระชายาเพคะ พิธีส่งตัวเข้า…”
“หุบปากนะ!! ข้าไม่ได้ถามเจ้า ข้าถาม…..ท่าน”
สายตาเย็นชาที่มองมายังนางที่ยืนตัวสั่นอยู่หน้าตำหนักนั้นแทบจะไม่แสดงความรู้สึกอื่นเลยนอกจากหงุดหงิดและรู้สึกสมเพชนางนิด ๆ ที่มายืนร้องไห้อยู่ตรงนี้
“จินเซียนเจ้าเข้าห้องไปเตรียมตัวก่อนเถอะ ข้าคิดว่าคงต้องทำความเข้าใจกับพระชายาสักหน่อย”
“เพคะท่านอ๋อง”
ลี่จินเซียนเดินเข้าไปในตำหนักตามคำสั่ง แม้ว่าจะอยากอยู่ตรงนั้นแต่ไม่มีผู้ใดกล้าขัดคำสั่งของท่านอ๋องหยางผู้นี้ พวกเขาไม่มีใครกล้าเสี่ยงที่จะทำเรื่องโง่ ๆ เช่นนั้น
ท่านอ๋องขึ้นชื่อเรื่องความเด็ดขาดแม้พระองค์จะตรัสน้อยแต่ก็ไม่เคยยอมให้ผู้ใดมาขึ้นเสียงอย่างที่ “เล่อชุนหลัน” กำลังทำอยู่นี่ ดวงเนตรดุจมีดที่สามารถกรีดใจนางให้ขาดได้นั้นค่อย ๆ ก้าวเข้ามา นางที่ยืนปากสั่นด้วยความโกรธและน้ำตาที่ไหลไม่หยุดกลับไม่ทำให้สีพักตร์ของท่านอ๋องผู้นี้เปลี่ยนไปเลยสักนิด
“เจ้ามีปัญหาอันใดงั้นหรือ”
“พระองค์ตรัสว่าจะเข้าพิธี ส่งตัวเข้าหองั้นหรือ ทั้ง ๆ ที่….”
“แล้วมันผิดตรงไหนที่ข้าจะทำ เจ้ากำลังจะพูดอะไรกันแน่ เจ้าอยากได้ตำแหน่งพระชายาอันทรงเกียรตินี้ข้าก็มอบให้แล้วยังไม่พอใจอีกงั้นหรือ”
เสียงยานคางที่เขาใช้ราวกับประชดประชันนั้นทำให้นางหมดความอดทนที่จะฟังต่อ แม้ว่าจะไม่ได้รักแต่เขาไม่ควรทำเช่นนี้หลังจากงานอภิเษกกับนางยังไม่พ้นเจ็ดวัน
“ท่านอ๋อง!! หากพระองค์ไม่เคยรู้สึก…รักหม่อมฉันเลยสักนิด เหตุใดจึงไม่…”
“เหตุใดจึงไม่ปฏิเสธเจ้างั้นหรือ!! เจ้าเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ เจ้าใช้ฐานะสตรีสูงศักดิ์และบุตรีเสนาบดีเล่อมาบีบบังคับข้า และหากข้าไม่ยอมแต่งงานนั่นก็เท่ากับว่าขัดพระทัยเสด็จพ่อ เจ้ามันร้ายกาจมากแผนการยิ่งกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ มาตอนนี้ยังต้องการสิ่งใดอีก”
“ท่านจะเข้าหอกับนางแต่ท่านอ๋องไม่แม้แต่จะ…. คืนที่เราอภิเษกกันท่านไม่เข้าแม้แต่พิธีรับตัวเจ้าสาว!!”
“แต่ตอนนี้เจ้าก็เป็นพระชายาแล้วมิใช่หรือ จากนี้ก็จงทำตัวให้ดี ดูแลตำหนักหลังตามหน้าที่ที่เจ้าควรจะทำ เจ้าอยากเข้ามาที่นี่เพื่อสิ่งนี้มิใช่หรืออย่างไรเล่อชุนหลัน”
“หากรู้ว่าท่านมิได้มีใจ ข้าคงไม่คิดจะฝืนใจท่าน”
ท่านอ๋องหนุ่มกำหมัดแน่น กรามเขาตึงจนขึ้นสันเมื่อได้ยินนางเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมา “หากรู้ว่า…” งั้นหรือ
“เจ้ามาพูดเรื่องนี้ในตอนนี้เพื่อสิ่งใดกัน เจ้าก็รู้ว่ามันไม่ทันแล้ว เพราะฉะนั้นต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตนเถอะ”
นางค่อย ๆ หลับตาเพื่อไล่น้ำตาของตนออกไป ตอนนี้เองที่ท่านอ๋องพึ่งจะรู้สึกปวดหนึบที่กลางดวงพระทัยราวกับทำบางสิ่งพลาดไป แต่สตรีตรงหน้าเขามากเล่ห์เจ้าแผนการจนเขาแทบจะมองนางดี ๆ ไม่ได้เลยสักครั้ง ทำให้เขาแสดงออกกับนางเช่นนี้
“เอาล่ะ เจ้ารีบกลับไปที่ตำหนักของตนเองเถอะ ส่วนเรื่องพิธีการคงไม่ต้องรบกวนเจ้า เพราะข้าสั่งคนจัดการให้เรียบร้อยแล้ว”
เมื่อตรัสเสร็จแล้วท่านอ๋องก็หันเดินจากไปทันที หลังจากนั้นนางก็มิได้ออกมายุ่งวุ่นวายในพิธีของเขาแต่กลับมีเรื่องเกิดขึ้นเมื่อพิธีส่งตัวถูกคนก่อกวนและแน่นอนว่าเป้าหมายที่จะถูกเพ่งเล็งย่อมไม่พ้นนาง
“ข้าเตือนเจ้าแล้วนะเล่อชุนหลัน!! ว่าอย่าก่อเรื่อง”
เล่อชุนหลันวางจอกชาในมือลงที่โต๊ะด้วยความตกใจเพราะนางกำลังจะเข้านอนแต่กลับได้ยินเสียงโวยวายด้านนอก ท่านอ๋องในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดซึ่งนางไม่เคยเห็นในวันที่นางแต่งเข้ามาที่นี่ยืนอยู่ตรงหน้านาง
“ท่านว่าอะไรนะ ข้า…อ๊ะ!!”
เขาผลักนางลงไปที่เตียงและหันไปตะคอกนางอีกครั้ง
“เป็นเจ้าสินะที่แอบเอายาถ่ายใส่ในน้ำชาของจินเซียน แล้วยังสั่งให้คนจุดประทัดก่อกวน!!”
“อะไรนะ!! หม่อมฉัน…!!”
“เจ้ามันร้ายกาจเกินคาดเดาเหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้ การรับนางเข้ามาข้าก็บอกกล่าวเจ้าก่อนแล้ว แต่เจ้ากลับยังหาเรื่องนางไม่เลิก!!”
เล่อชุนหลันตั้งสติได้ถึงกับนั่งหัวเราะตัวโยนเมื่อหันมามองเขาที่โกรธจนตกใจเมื่อเห็นสีหน้าของนางในตอนนี้
“นี่เจ้าเป็นบ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ หรือว่าเจ้ากำลังยอมรับงั้นหรือ”
“หึ ท่านอ๋องต่อให้หม่อมฉันไม่ยอมรับพระองค์ก็โยนความผิดนี้มาให้หม่อมฉันอยู่ดีมิใช่หรือเพคะ เช่นนั้นมันจะแตกต่างอันใด ทำหรือไม่ทำพระองค์ก็ทรงตัดสินโทษหม่อมฉันไปแล้ว”
“เจ้า!!”
“ออกไปเถิดเพคะ รีบไปทำพิธีให้เสร็จเถิดอย่าได้มายุ่งกับหม่อมฉันอีกเลยหม่อมฉัน…จะเข้านอนแล้ว”
“เล่อชุนหลันนี่เจ้า…”
“หรือพระองค์อยากจะค้างกับหม่อมฉันในคืนนี้เพคะ พอดีเลยเพราะหม่อมฉันยังไม่เคยเห็นพระองค์แต่งกายในชุดเจ้าบ่าวเลยสักครั้ง”
“เล่อชุนหลัน อย่าให้ข้าสืบรู้ว่าเจ้าอยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้ก็แล้วกัน”
คนพูดไม่ได้สนใจความรู้สึกของผู้ฟังเลยสักนิด เมื่อพูดเสร็จเขาก็เดินโมโหออกไปจากตำหนัก ทิ้งให้นางรู้สึกเจ็บและผิดหวังอยู่ในนั้นเพียงคนเดียว
“พระชายาเพคะ เป็นอะไรหรือไม่เพคะ”
“ข้าน่ะหรือ…จะเป็นอะไรได้เล่า ก็เป็นคนที่เขาไม่รักน่ะสิ"