ตอนที่ 5 ผิดแผน 2
ตอนที่ 5
ผิดแผน 2
หลี่เยว่เล่อมั่นใจว่าบุรุษผู้นี้ที่จู่ๆ ก็เอ่ยเรียกชื่อนางออกมาได้อย่างถูกต้องนั้นแม้ยามนี้ใบหน้าของเขาจะถูกปกปิดไปด้วยหมวดปีกกว้างซึ่งมีผ้าคลุมสีดำกั้นเอาไว้อยู่ทำให้นางไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้แต่นางก็แน่ใจว่าตนนั้นไม่เคยเจอและไม่เคยรู้จักกับคนผู้นี้อย่างแน่นอน
เพราะไม่ว่าจะน้ำเสียงหรือรูปร่างส่วนสูงของเขาล้วนเป็นสิ่งที่นางแน่ใจว่าไม่เคยพบหรือรู้จักกับผู้ใดที่มีส่วนคล้ายคลึงกับบุรุษตรงหน้ามาก่อน
หญิงสาวทำเป็นไม่ได้ยินประโยคที่บุรุษชุดดำผู้นี้เอ่ยออกมาเมื่อครู่ ถึงแม้ว่าจะเป็นชื่อของนางก็ตามที แต่ยามนี้ทำเป็นไม่ได้ยินจะดีเสียกว่า หากทำหูทวนลมเดินออกไปก็จบแล้ว
นางก้าวเท้าเดินต่ออย่างไม่มีท่าทีตื่นเต้นต่างจากภายในใจตนในยามนี้ที่สุด
หนึ่งก้าวผ่านไปได้ด้วยดี
ก้าวที่สองเองก็เช่นเดียวกัน
ก้าวที่สามนั้นก็คล้ายว่าจะดีอยู่แล้วหากเจ้าของเสียงทุ้มเมื่อครู่ไม่กล่าวออกมาอีกประโยคหนึ่ง ที่พอได้ยินแล้วก็ทำให้เจ้าของร่างบางต้องหันกลับไปเผชิญหน้ากับเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“หลี่เยว่เล่อ คุณหนูสามสกุลหลี่ บิดารับราชการตำแหน่งเสนาบดีกรมคลังนามหลี่เจ๋อ คุณหนูหลี่มาที่นี่ไม่รู้ว่าบิดาเจ้ารู้หรือไม่ หากไม่รู้ข้าก็ยินดีหากจะได้เป็นผู้แจ้งให้เสนาบดีหลี่รู้”
“คุณชายท่านนี้ ข้าได้ยินท่านพูดอยู่นานที่นี่นอกจากข้าแล้วไม่มีสตรีอื่น ท่านเอ่ยกับข้าหรือเจ้าคะ” นางแสร้งเอ่ยถามขึ้นโดยไม่แม้หันกลับไปมองบุรุษผู้นั้น
“ข้าย่อมต้องเอ่ยกับคุณหนูสามหลี่อยู่แล้ว”
“คุณชายท่านคงจำผิดแล้ว ข้าหาใช่คุณหนูสามหลี่ที่ท่านเอ่ยถึงไม่”
“เป็นข้าจำผิด?”
“ข้าเองก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ อีกอย่างข้าเองก็ไม่รู้จักคุณหนูสามหลี่อะไรนั่นเสียด้วย” นางกล่าวออกมาได้อย่างลื่นไหลดีทีเดียวแม้ทุกคำที่เอ่ยออกมาจะเป็นเท็จทั้งหมดก็ตามที
ก็นางแน่ใจว่าไม่รู้จักบุรุษผู้นี้แน่ๆ ไม่เคยเจอกันเลยด้วยซ้ำ หากนางยืนยันว่าไม่ใช่หลี่เยว่เล่อแล้วจะมีผู้ใดแย้งได้
“คุณชายข้าอาจมีหน้าตาคล้ายนางอยู่บ้างแต่อย่างไรก็แค่คล้าย ข้าเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น คนที่บ้านป่วยก็เลยตั้งใจจะมาซื้อยาเท่านั้นเอง น่าเสียดายข้ามาดึกจนเกินไปร้านยาจึงปิดไปแล้ว ท่านผู้เฒ่าเจ้าของร้านยาที่นี่ค่อนข้างใจดีทีเดียวมักจะขายยาให้ข้าในราคาถูกกว่าร้านอื่นนักช่างน่าเสียดายยิ่ง ข้าคงต้องไปที่ร้านยาใหญ่ยอมจ่ายเงินมากกว่าสองเท่าเพื่อซื้อยาแล้ว ชีวิตคนรอช้าไม่ได้ ข้าคงต้องขอตัวก่อนแล้ว” กล่าวจบนางก็ไม่รอช้าอีกทั้งไม่รอคำพูดใดๆ จากอีกฝ่ายอีกรีบร้อนหันหลังสาวเท้าก้าวออกมาอย่างเร่งรีบ
บุรุษผู้สวมใส่อาภรณ์สีนิลทั้งชุดทอดมองตามหลังสตรีร่างเล็กไปจนกระทั่งนางลับสายตาไป มุมปากภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีเดียวกับอาภรณ์ยกขึ้นเล็กน้อย
“เป็นเจ้าไม่ผิดแน่ ข้าไม่มีวันจำเจ้าผิดไป”
เสียงทุ้มต่ำกล่าวออกมาเพียงเบาๆ เท่านั้น แน่นอนว่าสองผู้ติดตามซึ่งยืนอยู่ด้านหลังนั้นก็สามารถได้ยินได้อย่างชัดเจนเพราะการฝึกวรยุทธ์ทำให้พวกเขามีประสาทรับรู้การได้ยินชัดเจนยิ่งขึ้น
ผู้ติดตามทั้งสองได้แต่ลอบหันมองสบตากันอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนักกับประโยคเมื่อครู่ที่ผู้เป็นนายได้กล่าวออกมา ถึงแม้จะไม่เข้าใจและอยากรู้ให้กระจ่างแต่ก็ไม่กล้าที่จะสอบถามออกไปได้
โดยปกติแล้วผู้เป็นนายของพวกตนนั้นไม่ชอบที่จะข้องแวะสตรีที่สุด ทว่าเมื่อครู่ผู้เป็นนายถึงขั้นเอ่ยทักแม่นางผู้นั้นอีกทั้งยังเรียกชื่อนางออกมาอย่างมั่นใจอีกด้วย พวกเขาสองคนติดตามผู้เป็นนายมากว่าสิบปีแน่ใจเป็นที่สุดว่าไม่เคยได้พบเห็นแม่นางผู้นี้เป็นแน่แท้ แล้วผู้เป็นนายจะไปรู้จักนางเวลาไหนกัน
หรือจู่ๆ ผู้เป็นนายของพวกเขาจะบังเกิดรักแรกพบเข้าให้แล้ว จึงจงใจหาเรื่องเอ่ยกับแม่นางผู้นั้นเพียงเท่านั้นเอง
สิ่งที่พวกเขาคิดอาจจะดูไม่สอดคล้องนัก หากนายท่านบังเกิดรักแรกพบจริงก็ควรจะทำความรู้จักให้ได้มิใช่หรือ อย่างน้อยๆ ควรจะดึงดันขอทราบชื่อของนางให้ได้จึงจะถูก มิใช่ปล่อยให้นางจากไปทั้งอย่างนั้น
อีกอย่างแม่นางคนเมื่อครู่นั้นแม้จะมองดูจากภายนอกก็ไม่ต่างจากคุณหนูผู้สูงส่งจากสกุลใหญ่ในเมืองหลวงทว่าผ้าปิดหน้าที่นางใช้ก็ปกปิดโฉมหน้าของนางไปกว่าครึ่งส่วนเหลือเพียงแค่ดวงตางามและหน้าผากสวยเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
คิดเอาเองเถิดว่าจะมีบุรุษใดที่จดจำสตรีผู้หนึ่งได้เพียงแค่ได้เห็นเพียงดวงตาหรือหน้าผากของนางเท่านั้น
หากเป็นคนที่รู้จักกันผิวเผินหรือเคยบังเอิญเจอกันแค่เพียงครั้งสองครั้งย่อมเป็นไปไม่ได้
นอกเสียจากว่าบุรุษผู้นั้นจะปักใจหรือหลงใหลสตรีผู้หนึ่งถึงขั้นที่ว่าได้เห็นเพียงแค่เส้นผมเส้นเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นเส้นผมของนาง
แต่นั่นจะเป็นไปได้อย่างไรก็ในเมื่อสิ่งที่นายท่านของพวกตนไม่ชอบข้องแวะที่สุดก็คือสตรี
“ไปนำหีบใบนั้นมา”
“ขอรับนายท่าน”
โชคดีที่เมื่อมาถึงหอหยกขาวก็เป็นเวลาที่การแสดงจบลงพอดี ผู้คนส่วนมากพากันทยอยกลับไปกับหลายส่วนแล้ว ตอนนี้เวทีด้านล่างมีเพียงการแสดงดนตรีขับขานเสียงร้องอ่อนหวานชวนเพลิดเพลินสำหรับผู้ที่อยู่ดื่มกินสังสรรค์ต่อ
หลี่เยว่เล่อเดินขึ้นไปที่ห้องส่วนตัวอย่างเร่งรีบถือว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี พ่อบ้านเหลียงยังไม่ได้สติขึ้นมา ด้านอาหวนเมื่อเห็นนางก็มีสีหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด
“คุณหนูท่านกลับมาแล้ว” ผู้เป็นสาวใช้เอ่ยออกมาอย่างยินดี
“เจ้าเอายาแก้ยาสลบให้พ่อบ้านเหลียงเถิด”
อาหวนพยักหน้ารับคำสั่งก่อนจะนำยาเม็ดสีดำออกมาจากห่อ ยาเล็กๆ ซึ่งเก็บอยู่ในแขนเสื้อของนางออกมาป้อนให้พ่อบ้านเหลียงกิน
หลังจากนั้นไม่นานพ่อบ้านเหลียงก็ได้สติขึ้นมา
“คุณหนูสาม เหตุใดข้าน้อยถึงมึนงงไปหมดเช่นนี้หรือขอรับ มิ ทราบว่าข้าเป็นอะไรไป”
“ท่านพ่อบ้านเหลียงท่านเพียงแค่เผลอหลับไปเท่านั้น”
“จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไรขอรับ” เขาแย้งออกมาในทันที เขา อยู่ในขั้นตอนตามมาดูแลคุณหนูสามแทนนายท่านและฮูหยินจะกล้าหลับไปในระหว่างหน้าที่ได้อย่างไร
“หลายวันมานี้งานในสกุลหลี่ค่อนข้างเยอะท่านพ่อบ้านคง เหนื่อย รวมไปถึงการแสดงในวันนี้ไม่ค่อยจะสนุกเท่าไหร่ ไม่แปลกหรอกที่พ่อบ้านเหลียงจะเผลอหลับไป”
“ช่างน่าละอายนัก ข้าน้อยดันเผลอหลับไปเสียได้ ต้องขออภัย คุณหนูสามเป็นอย่างมากขอรับ กลับจวนไปแล้วข้าจะไปขอรับโทษกับฮูหยินด้วยตนเองขอรับ”
“พ่อบ้านเหลียงไม่ต้องทำถึงขั้นนั้นหรอก ข้าเองก็ไม่ได้เป็นอะไร มิใช่หรือ แม้แต่ก้าวเท้าออกจากห้องส่วนตัวนี่สักครึ่งก้าวก็ยังไม่เคยเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งข้าก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆ เรื่องนี้ก็ให้ปล่อยไปเถอะ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงใจดี “เอาไว้รอบหน้าหากมีรอบหน้าท่านแม่ปล่อยข้าออกมาอีกก็คงต้องรบกวนพ่อบ้านเหลียงอีก ช่วงนี้ท่านพ่อข้ายุ่งมาก อย่างไรในอนาคตก็คงต้องมีเรื่องรบกวนพ่อบ้านเหลียงอีกมาก”
“ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ”
“การแสดงที่ตั้งใจมาดูจบไปแล้ว พวกเราก็ควรจะต้องกลับได้แล้วล่ะ”
“เช่นนั้นข้าน้อยจะลงไปตามรถม้ามาเดี๋ยวนี้ คุณหนูสามโปรดรอสักครู่หนึ่งขอรับ”
“ได้ ท่านพ่อบ้านไปเถอะ ส่วนอาหวนเจ้าก็ลงไปพร้อมท่านพ่อบ้านสั่งขนมขึ้นชื่อของที่นี่สักหลายอย่างกลับจวนซะหน่อย ข้าจะนำไปฝากท่านแม่”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
หลังจากพ่อบ้านประจำจวนกับสาวใช้คนสนิทของนางออกจากห้องไปแล้ว หลี่เยว่เล่อถึงได้โล่งใจในที่สุดจนถึงขั้นโน้มตัวลงไปนอนใช้แขนแนบใบหน้าอยู่บนโต๊ะเลยทีเดียว
ลงมือด้วยตัวเองแม้จะเหนื่อยหน่อยแต่ก็วางใจได้มากที่สุดล่ะนะ นับจากวันนี้ไปสิ่งที่นางต้องทำก็แค่รอฟังข่าวการตายของคนผู้นั้นแล้ว
อย่างเร็วที่สุดก็คงเป็นสามวันหลังจากนี้สินะ ไม่ก็อีกเจ็ดวันครึ่งเดือน ไม่เป็นไรเวลาเท่านี้นางย่อมรอได้อยู่แล้ว
สำหรับการเฉลิมฉลองหลังจากนั้นนางควรจัดแจงอย่างไรดี อันดับแรกก็ควรจุดประทับไล่ความอัปมงคลสักสองสามพันนัด หลังจากนั้นแล้วนางค่อยชวนท่านแม่ตั้งโรงทานแจกโจ๊กสามวันสามคืนติดกันเลย ใช่แล้วหากเรื่องนี้สำเร็จอย่างที่นางหวังทุกประการ ทุกๆ เดือนนางสัญญาเลยว่าจะมีการแจกโจ๊กทุกๆ เดือนไม่มีขาดมีเพิ่มขึ้นไม่มีลดแน่
