บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 11 ช่องสุนัขรอด

เช้าวันนี้หลังจากที่นางรับประทานอาหารเช้ากับท่านแม่เสร็จ เรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็โดนรั้งตัวให้อยู่สนทนากับมารดาเพียงแค่สองคนเท่านั้น

ท่านแม่ของนางไล่สาวใช้ทุกคนให้ไปรอที่ด้านนอกระหว่างที่ พวกนางสองแม่ลูกพูดคุยกัน

“เสี่ยวหรูอวี้ที่เจ้าเพิ่มรับมารู้วรยุทธ์ด้วยหรือ”

คำถามที่ท่านแม่เอ่ยถามออกมาไม่ได้ทำให้หลี่เยว่เล่อตกใจอะไร ที่จริงนางก็คาดเดาเอาไว้อยู่แล้วตั้งแต่เมื่อวานตอนที่เห็นสายตาของท่านแม่มองมาที่นางสลับกับเสี่ยวหรูอวี้ก่อนที่จะพาฮูหยินที่ตกน้ำไปดูแล ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและปลอบฝัน

“รู้บ้างเล็กน้อยเจ้าค่ะ เห็นว่าแต่ก่อนตอนที่ยังเด็กเคยฝึก ร่วมกันกับพี่ชายก่อนที่จะเข้ากองทัพไปเป็นทหาร” หลี่เยว่เล่อเอ่ยตอบ ตามที่เสี่ยวหรูอวี้เล่าให้นางฟังเมื่อตอนที่นางถามออกไปตอนเช้าก่อนที่จะมาที่เรือนท่านแม่

“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” ฮูหยินหลี่คลายความสงสัยแต่ก็ยังอดห่วง ไม่ได้ “เสี่ยวหรูอวี้ผู้นี้เจ้าเก็บเอาไว้ข้างกายได้จริงหรือ”

“ต้องเก็บเอาไว้สิเจ้าคะท่านแม่ นางเป็นถึงคนที่ข้าพามาเพราะ ถูกชะตาเชี่ยวนะเจ้าคะ อีกอย่างตอนนี้นางก็ตัวคนเดียวให้อยู่กับข้าน่ะดีแล้ว หากวันหน้าพี่ชายนางกลับมารับครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าข้าก็จะ ไม่รั้งนางเอาไว้เจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยจบก็ส่งยิ้มประจบเอาใจผู้เป็นมารดา อีกทั้งยังลุกขึ้นไปบีบนวดให้อีกด้วย

สองมือเรียวงามไล่บีบนวดมารดาไม่หยุด ในใจก็พรั่งพรูความคิดในหัวออกมาไม่หยุดเช่นเดียวกัน

“ท่านแม่เจ้าค่ะ เสี่ยวหรูอวี้ผู้นี้ข้าไม่อาจส่งกลับไปได้จริงๆ เจ้าค่ะ เพราะไม่รู้ว่าหากส่งกลับไปจริงจะทำให้ท่านผู้นั้นเกิดไม่พอใจหรือไม่ เก็บนางเอาไว้ก่อนสำหรับนางแล้วตอนนี้เป็นการดีที่สุดจริงๆ”

ด้านในเรือนสองแม่ลูกสนทนากัน เบื้องนอกลานหน้าเรือนที่มีเหล่าสาวใช้ ของเรือนฮูหยินและแม่บ้านใหญ่ผู้เป็นคนสนิทของฮูหยินหลี่ร่วมอยู่ด้วย

“พี่เสี่ยวหรูอวี้เมื่อคืนนี้ท่านเก่งมากเลยนะเจ้าคะ ครู่เดียวก็ช่วยคนขึ้นมาจากน้ำได้แล้ว” สาวใช้ผู้หนึ่งของเรือนฮูหยินใหญ่ของจวนเอ่ยขึ้น

“ขอบคุณ” ผู้ที่ถูกเอ่ยชมเพียงเอ่ยออกมาเบาๆ ด้วยใบหน้าเรียบเฉยดังเดิม

“แน่นอนอยู่แล้ว พวกเราเป็นสาวใช้คนสนิทของคุณหนูเชี่ยวนะ จะธรรมดาได้อย่างไร” เป็นอาหวนที่รีบเอ่ยเสริมขึ้นมาแทน

“อาหวนเจ้าก็เป็นคนธรรมดาเช่นเดียวกับข้าไม่ใช่หรือ” หนึ่งในสาวใช้ที่เข้าที่จวนพร้อมกับอาหวนเอ่ยขึ้น “เจ้าก็แค่โชคดีถูกคุณหนูเลือกไปเป็นคนสนิทก็เท่านั้นไม่ใช่ว่าเพราะว่ามีสิ่งใดโดดเด่นเสียหน่อย”

“นั่นก็คงเป็นเพราะข้าโดดเด่นกว่าพวกเจ้าไงล่ะ เป็นความธรรมดาที่แสนโดดเด่น ไม่ใช่ธรรมดาที่แสนจืดจางเช่นพวกเจ้า” อาหวนตีฝีปากต่อ

ลานเบื้องหน้าเรือนเกือบจะเกิดสงครามน้ำลายรุนแรงขึ้น หากไม่ใช่ว่าแม่บ้านใหญ่เข้ามาตักเตือนพวกเหล่าสาวใช้เสียก่อน

“พวกเจ้านี่ไม่รู้ความเสียจริง หน้าเรือนฮูหยินใหญ่เจ้ายังกล้ามีต่อปากต่อคำกันเช่นนี้ช่างไร้มารยาทยิ่ง อยากให้ข้ารายงานต่อฮูหยินให้สั่งลงโทษเสียดีหรือไม่” สิ้นคำกล่าวของแม่บ้านใหญ่ เหล่าสาวใช้ต่างก็แยกตัวออกไปคนละมุมเพราะกลัวว่าหากแม่บ้านใหญ่นำคำไปแจ้งต่อฮูหยินจริงพวกนางอาจจะโดนลงโทษได้

“เสี่ยวหรูอวี้เมื่อวานเจ้าทำได้ดีมาก ฮูหยินใหญ่มีรางวัลเล็กน้อยให้เจ้า ไปรับจากห้องบัญชีของจวนได้เลย”

“ข้าน้อยทราบแล้ว ขอบคุณฮูหยินใหญ่ขอบคุณแม่บ้านใหญ่”

“เจ้าทำได้ดีย่อมสมควรแก่รางวัล” แม่บ้านใหญ่เอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปเฝ้าหน้าประตูเรือนของผู้เป็นนายเช่นเดิม

ก่อนที่อาทิตย์จะลับขอบฟ้าเสี่ยวหรูอวี้มากระซิบข้างหูนางว่าท่านอ๋องต้องการพบนาง คืนนี้หลังจากสบจังหวะเวลาให้นางตามเสี่ยวหรูอวี้ไปพบเขา

จวบจนบ่าวไพร่ในจวนต่างก็แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน ด้านนอกเมื่อถึงเวลากลางคืนก็ไม่ได้มีคนพลุกพล่านอีก มีเพียงผู้คุ้มกันจวนเท่านั้นที่จะออกเดินตรวจตราอยู่ตลอด

หลี่เยว่เล่อให้อาหวนนอนอยู่บนเตียงสวมรอยเป็นนางเผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจะได้ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางไม่ได้อยู่ในห้อง

สบจังหวะหญิงสาวถึงตามเสี่ยวหรูอวี้ออกมาที่กำแพงด้านหนึ่งในจวนที่ค่อนข้างลับตาคน

เสี่ยวหรูอวี้มองต้นทางให้นางค่อยๆ คลานลอดผ่านช่องสุนัขรอดออกมาได้สำเร็จ ก่อนที่เจ้าตัวจะกระโดดทะยานข้ามกำแพงมาอย่างง่ายดาย

หญิงสาวปัดมือและชายกระโปรงของตัวเองที่เปื้อนละอองดินทรายและเศษหญ้าพลางมองไปที่เสี่ยวหรูอวี้ก่อนจะเอ่ยถามออกไป

“เมื่อครู่หากเจ้าพาข้าข้ามมาด้วยทำได้หรือไม่”

“ทำได้แน่เจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าไม่พาข้ากระโดดทะยานมาด้วยกัน”

“ข้าเกรงว่าจะทำให้คุณหนูตกใจได้เจ้าค่ะ”

“ถ้าเจ้าบอกข้าก็...ข้าก็คงไม่ถึงขั้นตกใจหรอก” นางเอ่ยก่อนจะเดินนำไปที่รถม้าที่จอดรออยู่ไกลๆ

คลานลอดช่องสุนัขนั้นไม่ถือเป็นอะไรหรอก นอกจะทุลักทุเลอยู่บ้างเพราะแต่แรกมีเอาไว้ให้สุนัขผ่านเข้าออก(หลายปีมาแล้วที่ในจวนไม่ได้เลี้ยงสุนัขอีก ช่องลอดสุนัขนี้ก็ถูกเอาหินทับปิดตายมานาน คงเป็นสาวใช้ผู้นี้ของนางที่เปิดช่องทางสุนัขนี้ออกอีกครั้ง) นางที่เป็นสตรีแม้จะตัวเล็กแต่ก็เข้าออกจากที่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ หากเทียบกับให้เสี่ยวหรูอวี้หยิบนางติดมือมาด้วยก็คงแค่หลับตาแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้นก็สามารถข้ามผ่านกำแพงจวนมาได้อย่างไม่ต้องลงแรงใด

หญิงสาวได้แต่แอบคิดบ่นอยู่ในใจเท่านั้น พอเดินมาถึงรถม้าคันใหญ่ที่จอดรออยู่เสี่ยวหรูอวี้ก็ประคองนางเข้าไปในรถม้าอย่างระวัง หญิงสาวจึงเข้าไปนั่งในรถม้าอย่างไม่คิดอะไรอีก

เสี่ยวหรูอวี้ผู้นี้ดูเหมือนจะแข็งกระด้างไปบ้าง แต่ก็ดูเหมือนจะใส่ใจนางอยู่ไม่น้อย ถึงวิธีการของสาวใช้ผู้นี้จะดูแปลกๆ ไปบ้างแต่หลี่เยว่เล่อก็รับรู้ได้ว่าเสี่ยวหรูอวี้ผู้นี้ตั้งใจดูแลนางจริง

อยู่บนรถม้าที่แล่นต่อเนื่องมาเกือบครึ่งชั่วยามได้กระมัง ในที่สุดก็เหมือนนางจะมาถึงจุดหมายเสียที

“เสี่ยวหรูอวี้ ที่นี่คือที่ใดกัน” นางเอ่ยถามขึ้น เพราะไม่มีโอกาสได้เห็นป้ายบ่งบอกอะไรเลยเพราะรถม้าที่นางนั่งนั้นเคลื่อนตัวเข้ามาจอดด้านในจวนใหญ่แห่งนี้ไม่ได้ให้นางลงเดินที่หน้าประตูจวน

“จวนหย่งไห่ชินอ๋องเจ้าค่ะคุณหนู”

ไม่ผิดจากที่นางคาดไว้จริงๆ ตั้งแต่ก้าวแรกที่เท้าของนางสัมผัสลงพื้นก็รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่าง รู้สึกได้ถึงอำนาจและความสูงส่งของเจ้าของจวนได้ในทันที เรียกได้ว่าจวนแห่งนี้มีกลิ่นอายแบบเดียวกับท่านอ๋องแผ่ออกมาได้กระมัง

ทรงพลังอำนาจ โอฬารหรูหรา แต่กลับเงียบเหงามิใช่เงียบสงบ

“คารวะคุณหนู...ท่านอ๋องรออยู่นานแล้วเชิญทางนี้เลยขอรับ” ชายชราผู้หนึ่งที่มาอยู่รอรับนางตรงเข้ามาเอ่ยอย่างสุภาพและกระตือรือร้น

“ท่านลุงคงเป็นพ่อบ้านจวนนี้กระมัง” นางช่วยอีกฝ่ายคุยขณะก้าวตามเขาและสาวใช้อีกสองคนที่ทำหน้าที่ถือโคมไฟนำทาง

“ใช่แล้วขอรับ...ข้าน้อยแซ่อันเป็นพ่อบ้านของจวนอ๋องขอรับ”

“จวนอ๋องกว้างขวางใหญ่โตเพียงนี้คงดูแลไม่ง่าย พ่อบ้านอันคงเก่งกาจไม่เบาเป็นแน่”

“คุณหนูเอ่ยชมเกินไปแล้ว...แค่งานดูแลจวนเท่านั้นหากพ่อบ้านเช่นข้าน้อยไม่ถนัดก็ตกงานกันพอดีสิขอรับ” พ่อบ้านอันตอบกลับอย่างติดตลก นึกชอบใจที่คุณหนูผู้นี้ไม่ถือตัวพูดคุยกับพ่อบ้านเช่นเขา

“พ่อบ้านอันถ่อมตัวไปแล้ว”

ระหว่างทางนางยังได้มีโอกาสสนทนาเรื่องสัพเพเหระกับพ่อบ้านอันอีกหลายเรื่องทีเดียว หลี่เยว่เล่อตั้งใจไม่ถามชี้ตรงไปถึงเรื่องของท่านอ๋องเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายนึกระวังตัว เพียงแค่พูดคุยเรื่องทั่วไปเท่านั้น มีอยู่ขณะหนึ่งที่นางคิดว่าตนอาจจะพยายามซื้อตัวพ่อบ้านอันผู้นี้ได้ แต่ก็ได้แต่คิดนางกับท่านอ๋องไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เรียกว่าทัดเทียมได้

เจ้าของใบหน้าหวานคำนวณในใจได้แล้วว่าเป็นเช่นนี้ก็ดีอยู่แล้ว ยอมให้ท่านอ๋องรู้ความเคลื่อนไหวของนางผ่านเสี่ยวหรูอวี้ต่อไปก็พอ อย่าได้คิดยื่นมือไปแตะต้องสิ่งที่จะนำภัยมาสู่ตนจะดีกว่า

หญิงสาวคิดได้ตกเช่นนี้สองเท้าก็ก้าวมาถึงเรือนกลางน้ำที่มีทางเดินทอดยาวออกไปจนถึงกลางทะเลสาบ นางมองเห็นไกลๆ ว่ามีบุรุษหนึ่งทอดเอนกายอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวด้วยท่าทีสบายๆ พร้อมกับมองไปที่พื้นน้ำของทะเลสาบ

เจ้าของร่างเล็กไม่แน่ใจว่าตนควรจะตื่นตะลึงต่อสิ่งใดก่อนดีระหว่างท่านอ๋องหนุ่มที่ดูราวกับเทพเซียนกำลังเอนกายหรือจวนที่มีทะเลสาบที่ทั้งกว้างและสวยงามเช่นนี้อยู่ข้างในกันแน่

“ต่อจากนี้เชิญคุณหนูเดินต่อไปเองได้เลยขอรับ”

นางหันไปมองพ่อบ้านอันทันทีพร้อมส่งสายตาเชิงเป็นคำถาม ก่อนจะเอ่ยออกมา “เหตุใดพวกเราไม่เข้าไปพร้อมกัน”

“บ่าวรับคำสั่งให้แค่มาส่งคุณหนูตรงนี้ขอรับ” พ่อบ้านอันเอ่ยจบก็คำนับตามมารยาทก่อนจะถอยหลังก้าวจากไป

“คุณหนูบ่าวเองก็จะออกไปรอกับพ่อบ้านอันเจ้าค่ะ” แม้ขนาดเสี่ยวหรูอวี้ก็ปลีกตัวออกไปในทันทีเช่นกัน

เวลานี้จึงเหลือแค่เพียงนางแล้วที่ต้องเผชิญหน้ากับท่านอ๋องตามลำพัง

เขาคงมีเรื่องลับที่ต้องพูดกับนางกระมัง จึงไม่อาจให้ผู้ใดรั้งอยู่ด้วย มันจะเป็นเรื่องอันตรายขนาดไหนนะถึงขั้นที่พ่อบ้านอันกับเสี่ยวหรูอวี้ที่เป็นคนของเขาก็ไม่อาจอยู่ฟังด้วยได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel