บทที่ 8 ข้อแลกเปลี่ยนของตัวร้าย
“หากเป็นความต้องการของท่านอ๋องกับพระชายา ข้าจะรับผิดชอบท่านหญิงด้วยการแต่งงาน จากนั้นท่านหญิงต้องย้ายมาอยู่ที่จวนสกุลเซี่ยของข้า และเราจะมีลูกด้วยกันสักเจ็ดแปดคนดีหรือไม่” ยิ่งได้เห็นท่าทางหวาดกลัวราวกับลูกนกที่อยู่ในเอื้อมมือของพญาราชสีห์อย่างเขา ยิ่งทำให้เซี่ยตงหยางรู้สึกอยากแกล้งนางมากขึ้นกว่าเดิม เสียงห้าวที่กระซิบอยู่ข้างใบหูทำให้ฉู่ไจ๋ไจ๋หน้าแดงซ่าน ตั้งแต่เกิดมาจนถึงอายุสิบหกหนาว นอกจากคนในครอบครัวแล้ว นางไม่เคยใกล้ชิดบุรุษใดเท่านี้มาก่อน
“ไม่” หญิงสาวส่ายหน้าหวือไปมา แต่กระนั้นยังคงปิดเปลือกตาแน่นเช่นเดิม ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นมาดู ความใกล้ชิดทำให้นางทำตัวไม่ถูก
ดวงตาสีนิลก้มมองริมฝีปากบางเฉียบที่เผยอขึ้นน้อยๆด้วยดวงตาเป็นประกาย ฉู่ไจ๋ไจ๋ไม่รู้ตัวหรือนางตั้งใจยั่วยวนเขาอยู่กันแน่
ก๊อกๆๆ!
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นเป็นจังหวะราวกับรหัสลับ แตกต่างจากเมื่อครู่นี้ทำให้เซี่ยตงหยางผละห่างจากคนตัวเล็กอย่างรวดเร็ว ขณะที่ฉู่ไจ๋ไจ๋รีบผุดลุกขึ้นคลานไปนั่งคุดคู้อยู่ที่มุมหนึ่งของเตียงด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
มือหนาดึงประตูให้เปิดออก คุยกับคนที่ยืนอยู่หน้าประตูเพียงสองสามประโยค จากนั้นจึงสาวเท้าเดินตรงเข้ามาหาคนตัวเล็ก ฉู่ไจ๋ไจ๋มองคนที่กำลังแกะผ้าที่มัดมือของนางออกด้วยความดีใจ
เซี่ยตงหยางจะปล่อยนางไปแล้วใช่หรือไม่…
เมื่อเป็นอิสระ ร่างบางรีบกระโดดลงจากเตียงวิ่งแจ้นไปยังประตู หากแต่ไม่นานต้องหวีดร้องขึ้นมาเบาๆด้วยความตกใจอีกหน เมื่อเซี่ยตงหยางคว้าเอวบางเข้ามาหาตัว อุ้มร่างเล็กที่ดิ้นเร่าๆขึ้นพาดบ่ากว้าง
“อยู่นิ่งๆหากไม่อยากโดนตีจนก้นลาย” ขู่เสียงเหี้ยมซึ่งมันได้ผลทำให้คนที่ดิ้นขลุกขลักไปมาหยุดนิ่งทันทีราวกับสั่งได้ หญิงสาวน้ำตาคลอเบ้า นางเป็นคนนะไม่ใช่ตุ๊กตา เอะอะก็อุ้มๆ ทำราวกับว่านางเป็นสิ่งไม่มีชีวิตก็มิปาน
เซี่ยตงหยางจัดการยัดฉู่ไจ๋ไจ๋เข้าไปในรถม้าคันใหญ่พร้อมหย่อนกายนั่งลงเคียงข้าง ทันทีที่ประตูรถปิดลง ล้อไม้ของมันหมุนออกไปจากประตูจวนสกุลเซี่ยทันที
หารู้ไม่ว่าหลังประตูทางขึ้นจวนมีร่างบางของใครบางคนยืนอยู่ เกาเหวินซิ่วกำมือทั้งสองข้างเข้าหากันแน่น ดวงตางามมองรถม้าคันใหญ่ที่วิ่งจากไปด้วยความโกรธ
“นางเป็นผู้ใดกัน!” พึมพำออกมาเสียงแผ่วด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แตกต่างจากความรู้สึกที่เดือดพล่านราวกับมีกองเพลิงสุมอยู่ในอกก็มิปาน!
รถม้าคันใหญ่วิ่งเข้ามาหยุดอยู่ที่หน้าประตูจวนสกุลฉู่ ฉู่ไจ๋ไจ๋รีบโผไปเปิดประตู กระโดดลงจากรถม้าไปอย่างรวดเร็ว ในตอนที่นางเคลื่อนกายผ่านคนที่นั่งติดริมประตู ปรอยผมของนางเฉียดผ่านปลายจมูกของเขาไปทำให้ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ มุมปากหยักกระตุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจก้าวเดินตามลงไปอย่างติดๆ
“คุณชายเซี่ยตามข้าลงมาทำไมกัน”
“ข้าเป็นผู้น้อย ได้มาเยือนจวนสกุลฉู่ทั้งทีต้องเข้าไปคารวะฉู่อ๋องกับพระชายา หาไม่ผู้คนจะกล่าวตำหนิหาว่าข้าไม่รู้ความ”
“ไม่มีผู้ใดกล่าวหาคุณชายหรอก กลับไปเสียเถอะ รีบไปสิ” ประโยคสุดท้าย ฉู่ไจ๋ไจ๋เดินเข้ามาใช้มือผลักร่างหนาให้กลับขึ้นไปบนรถม้า ความกลัวที่มีในตอนแรกเลือนหายไปแล้ว จวนสกุลฉู่คือถิ่นของนาง นางไม่กลัวเซี่ยตงหยางแล้ว!
และยิ่งได้เห็นท่านพ่อฉู่เติ้งหาวกับท่านแม่จวีลู่ม่านกำลังมุ่งหน้าเดินมาทางที่นางกับเขายืนอยู่ก็ยิ่งร้อนรน ทว่าคนอย่างเซี่ยตงหยางมีหรือจะยอมฟัง เรี่ยวแรงเท่ามดของนางไม่อาจทำให้กายหนาขยับไปไหนได้
“คุณชายเซี่ยอย่าบอกท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าเรื่องที่ข้าแอบเข้าไปในจวนของท่านเลยนะ ขอร้องเถอะ” ฉู่ไจ๋ไจ๋ขอร้องเสียงแผ่ว ทำหน้าราวกับจะร้องไห้
"ท่านหญิงฉู่ไจ๋ไจ๋กำลังอ้อนวอนข้าหรือ”
หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงัก หวังให้ตัวร้ายเห็นใจนางบ้างสักนิดก็ยังดี
“ได้ ข้ารับปากว่าจะไม่บอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฉู่อ๋องกับพระชายาทรงทราบ” เซี่ยตงหยางกล่าวอย่างเข้าใจ
คำตอบของเขาทำให้นางยิ้มกว้าง ตัวร้ายอย่างเซี่ยตงหยางก็มีคุณธรรมเช่นกัน ที่ผ่านมานางอาจมองเขาในแง่ร้ายมากไปหน่อย
“แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
ฉู่ไจ๋ไจ๋หุบยิ้มลงทันควัน คำชมเมื่อครู่นี้นางขอเก็บคืน!
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไรกัน” ถามเสียงห้วน รู้สึกไม่ใคร่พอใจนัก นางน่าสงสารขนาดนี้ เขาจะยอมๆให้บ้างหน่อยก็ไม่ได้หรืออย่างไร
“ท่านหญิงต้องมาเป็นคนรับใช้ข้า” เซี่ยตงหยางเปล่งเสียงหัวเราะดังหึๆ ยกมือขึ้นกอดอกกล่าวอย่างคนเป็นต่อเมื่อเห็นว่านางยังคงเงียบ
“หากท่านหญิงไม่ตกลงก็ไม่เป็นไร ข้าไม่อาจบังคับจิตใจของท่านหญิงได้ แต่ข้าคงต้องรายงานพฤติกรรมของท่านหญิงให้ฉู่อ๋องกับพระชายาทรงทราบ” ร่างสูงเบี่ยงกายเดินผ่านฉู่ไจ๋ไจ๋ไปเมื่อเห็นฉู่อ๋องกับพระชายาจวีลู่ม่านก้าวเข้ามาเข้าใกล้ ทว่าฉู่ไจ๋ไจ๋กลับรีบใช้มือดึงแขนของเขาเอาไว้เสียก่อน
ฉู่เติ้งหาวที่เดินมาถึงบันไดทางลงจวนเบิกตากว้าง เมื่อเห็นมือเล็กๆของบุตรสาวที่เขาเฝ้าถนอมกำลังแตะเนื้อต้องตัวบุรุษอื่น ดวงตาคมกริบจ้องเซี่ยตงหยางและฉู่ไจ๋ไจ๋จนตาแทบถลนออกนอกเบ้า เขาส่งเสียงคำรามฮึ่มฮั่มในลำคอด้วยความโมโห ร้อนถึงจวีลู่ม่านที่ต้องจับมือของสามีเอาไว้
“ท่านพี่ใจเย็นเจ้าค่ะ” น้ำเสียงหวานของภรรยาเป็นดั่งน้ำทิพย์ที่ช่วยชโลมความร้อนรุ่มในหัวใจของคนฟัง
“ไจ๋ไจ๋ออกไปไหนมาลูก” จวีลู่ม่านและฉู่เติ้งหาวเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของคนทั้งคู่ ฉู่ไจ๋ไจ๋เห็นสายตาของคนเป็นพ่อที่กำลังหรี่ตามองมือของนางที่แตะลงบนท่อนแขนกำยำของเซี่ยตงหยาง นางจึงรีบดึงมือออกทันที
ในขณะที่ เซี่ยตงหยางก้มศีรษะคารวะผู้สูงศักดิ์
“ท่านหญิงไจ๋ไจ๋ไป…” เซี่ยตงหยางแกล้งลากเสียงยาวทำให้ฉู่ไจ๋ไจ๋หันขวับมองเขาทันที หญิงสาวรู้สึกได้ถึงมือบางที่เปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อของตนเอง
“ข้าออกไปเดินเล่นที่ทุ่งดอกกระเจียวนอกจวนมาเจ้าค่ะ”
“ไยถึงไม่ให้รถม้าออกไปส่ง” ฉู่เติ้งหาวถามเสียงเรียบ ปรายตามองมายังบุรุษหนุ่มผู้มีใบหน้าคมสันแต่แฝงไปด้วยความหยิ่งทระนงของเซี่ยตงหยางอย่างไม่ชอบใจเท่าใดนัก
“ข้าเห็นว่าทุ่งดอกกระเจียวอยู่ไม่ไกลมากเลยอยากเดินไปมากกว่าเจ้าค่ะ”
“คุณชายเซี่ยไปชมทุ่งดอกกระเจียวเช่นกันหรือ” จวีลู่ม่านหันมาประสานสายตากับบุตรชายสกุลเซี่ยบ้าง ช่วยเบี่ยงความสนใจของสามีออกจากฉู่ไจ๋ไจ๋ เกรงว่านางจะโดนฉู่อ๋องซักฟอกจนเปื่อยไปเสียก่อน
“กระหม่อมบังเอิญพบท่านหญิงฉู่ไจ๋ไจ๋ระหว่างทางจึงอาสามาส่งท่านหญิงพ่ะย่ะค่ะ”
คำตอบของเซี่ยตงหยางทำให้ฉู่ไจ๋ไจ๋ลอบผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ แตกต่างจากฉู่เติ้งหาวที่อ้าปากหมายจะพูดอะไรบางอย่าง หากแต่จวีลู่ม่านกลับจับมือของเขาเอาไว้เสียก่อน
“เอาเถิด ไจ๋ไจ๋คงจะร้อนมาก ดูสิเหงื่อเต็มหน้าเลย เข้าไปพักผ่อนข้างในเถอะลูก”
“เจ้าค่ะ” ฉู่ไจ๋ไจ๋รับคำ ทว่ายังไม่ยอมเดินออกไปเสียที นางหันมาหาเซี่ยตงหยางที่ยังคงยืนนิ่งพลางฉีกยิ้มกว้าง
“ขอบคุณคุณชายเซี่ยมากที่มาส่งข้า แต่หมดธุระแล้ว ท่านรีบกลับไปเถิด”
เซี่ยตงหยางเปล่งเสียงหึออกมาในลำคอ ก่อนจะหันมาก้มศีรษะคารวะฉู่อ๋องและพระชายา จากนั้นจึงเดินขึ้นรถม้าออกไปจากจวนสกุลฉู่ ฉู่ไจ๋ไจ๋มองตามรถม้าที่วิ่งจากไปจนลับสายตา ดวงหน้าที่เคยซีดเผือดในตอนแรกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อหมุนกายหันกลับมาก็ต้องสะดุ้งโหยงขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นพ่อกำลังมองนางอย่างจับผิด
“อากาศร้อนยิ่งนัก ข้าขอเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนนะเจ้าคะ” กล่าวจบร่างเล็กก็รีบวิ่งลิ่วเข้าไปในจวนด้วยความรวดเร็ว
“ไจ๋ไจ๋โกหกเรา” ฉู่เติ้งหาวมองตามแผ่นหลังบางของบุตรสาวไปด้วยความเสียใจ ตั้งแต่เล็กจนโต ฉู่ไจ๋ไจ๋ไม่เคยพูดจาโกหกเช่นนี้มาก่อน
“ลูกโตแล้วนะเจ้าคะท่านพี่ บางทีก็ต้องมีความลับกันบ้าง”
“ข้าตามไปเลาะฟันเซี่ยตงหยางให้พูดความจริงดีหรือไม่” ดวงตาดุดันแข็งกร้าวขึ้นมาอีกหน ยามนึกถึงคนที่เพิ่งจากไป
“ท่านพี่” จวีลู่ม่านส่ายศีรษะปรามสามี ดูเอาเถิด อายุมากจนปูนนี้แล้วยังคงแข็งกระด้างไม่ต่างจากในวันวานเลยแม้แต่น้อย
“ข้าเชื่อว่าไจ๋ไจ๋ไม่ทำเรื่องเสียหายหรอกเจ้าค่ะ ลูกของเราเป็นคนดี แต่บางอย่างพ่อแม่อย่างเราก็ต้องทำใจปล่อยให้ลูกได้มีชีวิตเป็นของตัวเองบ้างนะเจ้าคะ” จวีลู่ม่านเข้าใจฉู่ไจ๋ไจ๋ไม่น้อย เมื่อลูกเติบโตขึ้น สิ่งที่พ่อแม่ทำได้ก็เพียงมองอย่างห่างๆด้วยความห่วงใย เป็นที่ปรึกษาให้ในยามที่ลูกต้องการ ไม่ว่าฉู่ไจ๋ไจ๋ตั้งใจคิดจะทำอะไรอยู่ นางจะสนับสนุนลูกอย่างเต็มที่ ทุกย่างก้าวของฉู่ไจ๋ไจ๋จะมีนางเคียงข้างอยู่เสมอ
ฉู่เติ้งหาวพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด ที่จวีลู่ม่านเอ่ยมานั้นถูกต้องทุกประการ หันมาส่งยิ้มให้ภรรยาสุดที่รัก ขณะที่นางบีบมือของเขาเบาๆ แต่สิ่งที่จวีลู่ม่านรู้สึกกังวลนั้นเป็นเรื่องของบุรุษทั้งสองคนที่มาเยือนจวนสกุลฉู่ต่างหาก วันก่อนก็หวงจื่อเฉา วันนี้ก็เป็นเซี่ยตงหยาง จากสายตาของนาง หวงจื่อเฉาดูจะอาทรฉู่ไจ๋ไจ๋ไม่น้อย แต่เซี่ยตงหยางนั้นนางไม่อาจคาดเดาได้จริงๆ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของฉู่ไจ๋ไจ๋กับบุรุษทั้งสองคนนั้นเริ่มจะซับซ้อนขึ้นมาเสียแล้วสิ
