จะเอายังไงก็ว่ามา (60%)
การทักทายที่เป็นไปตามมารยาทอย่างแกนๆ ทำให้นัยน์ตาดุมองหน้าหวานใสนิ่งนาน แต่ปานระพีกลับทำเชิดไม่แยแส ในเมื่อเขาร้องหาคำทักทาย เธอก็จัดให้แล้วไง
ยังจะเอาอะไรอีก?
“ไง สบายดีนะ”
โอ๊ย! จะมาตอแยเธอทำไมเนี่ย ไปสนใจผู้หญิงของเขาโน่น
“สบายดีค่ะ”
“ทำไมกลับดึกขนาดนี้ แอบไปเที่ยวไหนมาหรือเปล่า”
แล้วมันเรื่องอะไรของเขา ที่ต้องมาสอบความประพฤติเธอ
“เพิ่งสอนเสร็จค่ะ”
“ทำงานหนักไปไหม”
ยุ่งอะไรด้วยล่ะ
ใจอยากตอบอย่างนั้น แต่ปากกลับเอ่ยอีกอย่าง
“หนักกว่านี้ก็เคยทำค่ะ”
“แล้วกินข้าวยัง”
“ยังค่ะ”
“ให้พาไปหาอะไรกินไหม”
ไอ้คนไร้หัวใจเอ๊ย!
ก็พอรู้หรอกว่ามหรรณพกำลังล้อเล่นกับหัวใจเธอ
แต่! ให้ตาย! เขาไม่เกรงใจผู้หญิงที่มาด้วยหรือยังไง…วะ
“โตแล้ว ไปเองได้ค่ะ”
จากนั้นเขาถามคำ ปานระพีก็ตอบคำ บอกเป็นนัยๆ ว่าเธอไม่อยากพูดอะไรกับเขาอีกต่อไป ดีที่เสียงของคณิสราดังแทรกขึ้นอย่างเรียกร้องความสนใจ บทสนทนาอันแสนกระอักกระอ่วนใจระหว่างเธอกับเขาจึงยุติลง
ร่างอวบขยับไปพิงผนังลิฟต์ หลับตาลงด้วยความเมื่อยล้าจากการทำงาน แต่เหนื่อยใจมากกว่า จึงไม่สนที่จะปริปากเสวนากับมหรรณพมากไปกว่านั้น เพราะคิดว่าเขาเองก็คงไม่อยากจะคุยอะไรกับเธอมากไปกว่าทักทายเช่นกัน ทว่าหูยังอุตส่าห์แว่วได้ยินเสียงออดอ้อนฉอเลาะและเสียงห้าวทุ้มไม่หยุดหย่อน
“หวงขา…หลังจากควีนไปหยิบของในห้องเสร็จแล้ว เราไปนั่งฟังเพลงกันต่อไหมคะ”
“คืนนี้ผมไม่ว่าง ต้องไปจับผู้ร้าย”
“ผู้ร้าย?”
“อ่าฮะ”
“ผู้ร้ายที่ไหนคะ?”
“ผู้ร้ายหนีคดีเป็น…สิบปี” เสียงห้าวราบเรียบย้ำเป็นพิเศษในตอนท้าย
“หวงนี่ตลกจริงเชียว คุณไม่ใช่ตำรวจ จะไปจับผู้ร้ายได้ยังไง ไปฟังเพลงกับควีนดีกว่านะคะ เลานจ์ที่เปิดใหม่ตรงชั้นใต้ดินของโรงแรมแกรนด์ริเวอร์ไซด์น่านั่งมากเลยค่ะ ไปนะคะ”
“คืนนี้ผมไม่ว่างจริงๆ”
“หวงน่ะ อย่างนี้ทุกทีเลย”
“เอาไว้วันหลังแล้วกันนะคนสวย เดี๋ยวผมชดเชยให้”
“จริงนะคะ ห้ามหลอกควีนนะ”
“ครับผม”
“หวงของควีนน่ารักที่สุดเลย”
หวงของควีนงั้นเหรอ?
เฮอะ! น่าหมั่นไส้ชะมัด!
บทสนทนาบาดหู กระแทกใจ และชวนหมั่นไส้ ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความอึดอัดของคนที่ตกเป็นส่วนเกิน กระทั่งลิฟต์เคลื่อนมาถึงชั้นห้องพักของปานระพี เธอจึงลอบถอนใจ มองเมินไปข้างหน้า แล้วก้าวขาออกมา โดยไม่คิดจะล่ำลาคนทั้งคู่ แต่กระนั้นหูก็ยังแว่วได้ยินเสียงฝ่ายหญิงจีบปากจีบคอไล่หลังมา
“คนอะไรไม่มีมารยาท ไม่มีใครสั่งใครสอนหรือไง”
ถามว่าปานระพีสนไหม?
บอกเลยว่าไม่! เธอไม่สน ไม่แคร์ด้วยซ้ำ ว่าผู้หญิงคนนั้นจะตำหนิติเตียนด้วยถ้อยคำไม่น่าฟังมากเพียงใด เพราะตอนนี้หัวใจของเธอปวดหนึบจนแทบทนไม่ไหว ถ้าไม่รีบไปจากตรงนี้เธออาจจะเผลอทำอะไรที่ไม่ดีลงไปก็ได้
หลังจากอาบน้ำชำระร่างกาย พร้อมสงบสติอารมณ์ใต้ฝักบัวอยู่เป็นนานสองนาน ที่สุดร่างขาวอมชมพูก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพสวมเสื้อยืดตัวเก่าเก็บที่แสนจะย้วย กางเกงขาสั้นอวดเรียวขาเสลา และมีผ้าขนหนูผืนเล็กลายน่ารักโพกอยู่บนศีรษะ ก่อนจะทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้สตูลหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ดึงผ้าที่โพกอยู่บนหัวออกอย่างช้าๆ แล้วสะบัดศีรษะให้ผมดำขลับทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วง
จากนั้นก็ลงมือเช็ดผมที่หมาดๆ ส่วนปากก็หาวหวอดๆ เพราะทำงานหนักมาทั้งสัปดาห์จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน หากแต่ง่วงจนจะหลับกลางอากาศกระเพาะก็ยังร้องประท้วงหาอาหารดังโครกคราก ฉะนั้นจึงเอื้อมไปคว้ากระปุกถั่วตัดมาเปิด แล้วหยิบของโปรดชิ้นสี่เหลี่ยมพอดีคำใส่ปาก เคี้ยวหมุบหมับ แต่ตาจะปิดอยู่รอมร่อ ส่วนมือก็ยังคงใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผม เวลาเหนื่อยมากๆ ปานระพีจะกลายสภาพเป็นก๊าซเฉื่อย ทำอะไรหลายอย่างพร้อมกันได้ แต่เชื่องช้าเสมือนเต่าคลาน จนดูน่าสงสารพอๆ กับชวนเอ็นดู
“ให้ช่วยไหมจ๊ะ”
เสียงที่โพล่งขึ้นจากทางเบื้องหลังทำให้ร่างอวบสะดุ้งเฮือก ความง่วงปลิวว่อนในชั่วพริบตา
“คุณหวง!”
สาวเจ้าหลุดอุทานออกมา ดวงตาทั้งสองข้างเหลือกถลน เมื่อหันไปเห็นว่าเป็นใคร ส่วนปากก็ยังคาบถั่วตัดคาอยู่ ตัวแข็งทื่อในวินาทีที่ร่างใหญ่เยื้องย่างลงจากเตียงของเธอมาหยุดลงตรงหน้า
“ว่างายยยย…ลูกหมูน้อย”
น้ำเสียงเอื่อยๆ ทว่ายียวนชวนหมั่นไส้ทำให้คนฟังกะพริบตาปริบๆ
นี่แน่ใจนะ?
ว่าผู้ชายตรงหน้าคือมหรรณพ นิธิธาดา คนที่เธอเพิ่งเจอในลิฟต์เมื่อราวๆ ครึ่งชั่วโมงก่อน
และเพราะมัวแต่ตะลึงจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโน้มตัวลงมาหา กระทั่งใบหน้าหล่อลากไส้อยู่ใกล้แค่คืบ ลมหายใจผ่าวร้อนราดรดกันและกัน เธอถึงได้ตัวเกร็ง หน้าแดงซ่าน ก่อนจะแทบหยุดหายใจ ตาเบิกกว้าง ในวินาทีที่เขายื่นปากมางับถั่วตัดส่วนที่ปลายยื่นออกมาจากปากอิ่ม ปากแตะปากทำเอาร่างอวบสะดุ้งเฮือก หน้าตื่น ไม่รู้ถั่วตัดแข็งไปหรือว่าไง แต่เหมือนเขาจะจงใจอ้อยอิ่งอยู่กับปากของเธอนานเกินไป จนปานระพีแทบหัวใจวาย
เป็นนานกว่ามหรรณพจะผละห่าง เคี้ยวถั่วตัดตุ้ยๆ แล้วหญิงสาวก็ต้องหน้าเห่อร้อนกับคำพูดกำกวมของเจ้าของนัยน์ตาคมที่อ้อยอิ่งอยู่ตรงปากสีระเรื่อของเธอ
“หวานเหมือนเดิม”
“คุณเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง”
ทันทีที่ตั้งสติได้ปานระพีก็เอ่ยถามเสียงติดจะสะท้าน ขณะยกมือขึ้นดันอกกว้างให้ถอยห่าง แต่กลับไม่เป็นผล ฉะนั้นเธอจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายถอยห่างออกมาเสียเอง
“ทำไมไม่แทนตัวเองว่าแพร แล้วเรียกผมว่าคุณหวงเหมือนเดิมล่ะ”
ก็เพราะเธอกับเขาไม่เหมือนเดิมไงล่ะ
“ว่าไง ถามทำไมไม่ตอบ”
เขาเอ่ยทำนองคาดคั้น พลางสืบเท้าเข้าหาอย่างช้าๆ และท่าทางเหมือนเสือร้ายที่จ้องจะตะครุบเหยื่อนั้นก็ทำให้เธอขนลุกซู่ รีบยกมือขึ้นปัดป้องในวินาทีที่อีกฝ่ายเอื้อมมาหมายจะไล้แก้มอิ่ม
“จะหย่ากันแล้ว คงไม่จำเป็นมั้งคะ”
เสียงแข็งๆ หน้าเชิดๆ ทำให้มุมปากหยักโค้งขึ้น แล้วเลิกคิ้วท้าทาย เมื่อเห็นแม่ลูกหมูน้อยทำหน้าตื่น ขึงตาใส่ ในจังหวะที่เขาขยับกายเข้าใกล้อีกนิด ก่อนที่เธอจะเค้นเสียงถามอีกครา
“คุณยังไม่ตอบเลย ว่าเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง”
“แค่บอกรปภ. ว่ามาหาเมีย เขาก็ยื่นกุญแจให้แล้วพิกกี้”
ขี้โม้น่ะสิ! คนอย่างมหรรณพทำเป็นอยู่สองอย่างในเวลาที่ต้องการอะไร นั่นก็คือหว่านเงิน หรือไม่ก็ใช้อำนาจ
“คุณมีธุระอะไรก็รีบว่ามาเถอะค่ะ ดึกแล้วฉันจะนอน”
“นอนก็นอนสิ ผมเองก็ง่วงเหมือนกัน”
คนฟังกลอกตา
นี่เธอกับเขากำลังสื่อสารภาษาเดียวกันอยู่ไหมเนี่ย ทำไมเขาถึงตีมึนได้ชวนหมั่นไส้ขนาดนี้
“ฉันหมายถึงนอนคนเดียว ส่วนคุณถ้าง่วงก็กลับไปนอนที่บ้านคุณโน่น”
“ฮื่อ…กลับไม่ไหว ขอนอนที่นี่แล้วกัน”
“ถ้าจะนอนที่นี่ ก็ไปนอนกับหมอควีนโน่น อย่ามานอนห้องฉัน”
ปานระพีไล่ตะเพิดเข้าให้ แต่นอกจากจะไม่สะทกสะท้าน คนหน้าทนยังจงใจหย่อนก้นลงบนปลายเตียงของเธอเสียดื้อๆ จากนั้นก็เอ่ยหน้าตาย
“ห้องเมียก็เหมือนห้องผัว”
“แต่เรากำลังจะหย่ากัน เผื่อคุณจะจำไม่ได้”
หญิงสาวเอ่ยเสียงแข็งๆ แต่ไม่ยอมสบตา แล้วตั้งท่าจะหนีห่างกว่าเก่า ทว่าคนมือไวดันคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ แล้วดึงให้เธอไปหยุดยืนตรงหน้าเขา
“ก็ยังไม่ได้หย่าซะหน่อย”
ท่าทางลอยหน้าลอยตาเอ่ยรวน ทำให้คนฟังกัดฟันกรอด
“งั้นก็ไปหย่ากันพรุ่งนี้ ฉันพร้อมแล้ว” เธอสวนกลับเสียงขึ้นจมูก พลางบิดข้อมือจนหลุดจากอุ้งมือใหญ่
“พรุ่งนี้ไม่ว่าง มีนัด”
“แล้วคุณจะว่างตอนไหน”
“ไม่รู้สิ” ตัวร้ายยักไหล่ทำหน้าซื่อๆ ได้ชวนบีบคอให้ตายคามือ
“ไม่รู้ไม่ได้! ตอบมา!” คราวนี้คนกำลังถูกเล่นแง่ชักเสียงเขียว
“อ้าว! ก็คนไม่รู้จริงๆ นี่นาพิกกี้ รู้แต่ว่าช่วงนี้มีนัดยาวๆ ไป”
นี่มันเป็นคำตอบชนิดไหนกัน…วะ?
“แล้วเราจะได้หย่ากันตอนไหน”
“ว่างเมื่อไหร่จะนัดแล้วกัน”
คำตอบแบบกำปั้นทุบดินทำให้เธอนึกอยากจะกรี๊ดดังๆ เป็นครั้งแรกในชีวิต
“สรุป…คุณจะนอนที่นี่ใช่ไหม”
หลังจากสูดหายใจเข้าแรงๆ หญิงสาวก็เอ่ยเสียงแข็งๆ และท่าทางที่พยายามระงับอารมณ์ไม่ให้ตบะแตกนั้นเรียกรอยยิ้มแต้มตรงมุมปากหยัก ก่อนเขาจะพยักหน้าตอบ
“อ่าฮะ”
“งั้นก็เลือกเอาว่าจะนอนโซฟา หรือที่พื้น ส่วนเตียงน่ะของฉัน”
เรื่องอะไรปานระพีต้องเสียสละเป็นนางเอกละครน้ำเน่า เธอทำงานเหนื่อยมาทั้งสัปดาห์ก็อยากจะนอนที่นุ่มๆ พักผ่อนให้สบาย เพื่อที่จะได้ตื่นมาทำภารกิจในวันใหม่
“ผมไม่ชอบนอนโซฟา”
แขกไม่ได้รับเชิญมีสิทธิ์ ‘เรื่องมาก’ ได้ด้วยเหรอ?
แต่ก็เอาเถอะ เธอเบื่อจะเถียงกับเขาเต็มทน
“งั้นก็นอนที่พื้น”
“ไม่เอาหรอก ปวดหลังตายห่า”
เรื่องมาก (ฉิบหาย)