ตอนที่ 14 พ๊อ3
พี่สาวที่เธอพูดถึงก็คือบุตรสาวของอรวรรณที่อายุมากกว่าเธอ 2 ปีนั่นแหละ พริมาอยากกลอกตามองบนสักร้อยรอบ เหอะ ถ้านายฉัตรอะไรนั่นดีขนาดนั้น ทำไมไม่ให้รู้จักกับลูกสาวตัวเองล่ะ? มายุ่งกับเธอทำไม!
“นะ นั่น” คุณอรวรรณที่ได้ฟังคำพูดของลูกเลี้ยงถึงกับหาเสียงตัวเองไม่เจอ ริมฝีปากเม้มแน่น มองดูลูกเลี้ยงสาวอย่างขัดใจ
เรื่องอะไรจะยอม แม้ครอบครัวตาฉัตรจะมีฐานะที่ดีแต่ก็ยังด้อยกว่าตระกูลเลิศลักษณ์อยู่มาก เป็นคนดีแล้วอย่างไร หากไม่ใช่ระดับแนวหน้า ก็ไม่เหมาะสมกับคนที่ทั้งสวยทั้งรวยทั้งเก่ง อย่างลูกสาวของเธอหรอก
‘หึ นังเด็กบ้านี่ ฉันอุตส่าห์มีน้ำใจหาคนใช้ได้มาให้กลับไม่รับไว้ มันน่าหงุดหงิดจริง ๆ อวดดีอวดเก่งเหมือนนังพริ้มเพราแม่ของมันไม่มีผิด แต่ดูเหมือนว่าปากมันจะร้ายกว่าแม่มันเยอะเลย เมื่อก่อนไม่เห็นมันปากดีแบบนี้ ทำไมตอนนี้ถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้กันเนี่ย?’ คุณอรวรรณขบคิดกับตนเองในใจ หากพริมาได้ยินคงตอบว่า ที่ร้ายก็เป็นเพราะโดนคนใจยักษ์ใจมารอย่างคุณป้าและลูกกลั่นแกล้ง คุณพ่อเข้มงวดกดดันจนหมดความอดทนนั่นแหละค่ะ! ถึงได้สู้กลับแบบนี้ โชคดีที่เธอไม่ได้ยิน คุณอรวรรณจึงไม่ได้ฟังถ้อยคำถากถางจากเธอ
“พูดไม่ออกเลยเหรอคะ คุณฉัตรที่ว่าคงจะยังดีไม่พอกับพี่สาวของฉันสินะคะ คุณป้าถึงได้อยากให้ฉันรู้จักกับชายคนนั้นขนาดนี้ คงอยากรีบผลักภาระไปไกล ๆ สินะคะ”
“นี่” คุณอรวรรณใบหน้ากระตุก ไม่คิดเลยว่าเด็กพริมาจะรู้ทันเธอขนาดนี้! แต่ก็รู้สึกแปลกใจเช่นกันที่วันนี้ลูกเลี้ยงสาวจะกล้าผิดวิสัย ปกติบอกอะไรมันทำตามตลอด ไม่เคยตอบโต้เธอแบบนี้ วันนี้เกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้เถียงคำไม่ตกฟาก
ยิ่งมองใบหน้าที่เหมือนนางพริ้มเพราอย่างกับแกะยกยิ้มเย้ยหยันมาให้ ยิ่งรู้สึกเจ็บใจ! เธอเกลียดใบหน้าและสายตานี้ เห็นทีไรก็เหมือนเห็นเงานางเมียน้อยนั่นซ้อนทับมาตลอด เป็นดังหนามยอกอกที่คอยทิ่มแทงเธอไม่เลิก!
“นี่อะไรเหรอคะคุณป้า” พริมายกยิ้มยอกย้อน
“พอได้แล้ว!” คุณเดชาที่ทนฟังทั้งสองคนกระทบกระทั่งกันไปมาไม่ไหวตะโกนบอกให้หยุดทันที ท่านหลับตาสงบสติอารมณ์แล้วหันไปพูดกับบุตรสาวว่า
“พริมา ยังไงก็ตามอีกสามวันฉันต้องได้เห็นเเกที่บ้าน ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก เเล้วก็นะ เลิกต่อต้านฉันได้แล้ว อย่าลืมว่าฉันเป็นพ่อแก แกเป็นคนตระกูลเลิศลักษณ์ และตระกูลนี้มีฉันเป็นหัวหน้าครอบครัว คำสั่งของฉันคือสิทธิ์ขาดจำเอาไว้”
ก้อนเนื้อในอกบีบรัด รู้สึกจุกไปทั้งใจ เมื่อได้ยินคำพูดของคนเป็นพ่อ หญิงสาวอดรู้สึกสมเพชตัวเองไม่ได้จริง ๆ ขนาดแสดงจุดยืนขนาดนี้ก็ยังไม่ล้มเลิกความคิดอีก
ได้! งั้นมาเจอกันสักตั้ง
พริมาใช้สายตาขบขันมองหน้าบิดา เธอหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนตัดสินใจพูดตอกย้ำสถานะของตัวเอง โดยไม่กลัวว่าคนฟังจะโกรธหรือเสียใจ
“ใช่ค่ะ พริมเป็นลูกคุณพ่อ คุณพ่อเป็นพ่อพริม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพริมจะต้องทำตามความต้องการของคุณพ่อทุกอย่างนะคะ พริมโตแล้ว บรรลุนิติภาวะแล้ว พริมมีสิทธิ์ในการตัดสินใจชีวิตของตัวเอง อีกอย่าง... คุณพ่อลืมไปหรือเปล่าคะว่าที่พริมมาอยู่อาศัยบ้านคุณพ่อมันเป็นเพราะอะไร ถ้ามันไม่ใช่คำสั่งเสียของคุณแม่ก่อนตายพริมไม่มาหรอกค่ะ บ้านที่ไม่ใช่บ้านแบบนี้ อยู่ไปก็ไม่มีความสุข ใครจะอยากอยู่กัน” พริมาหยุดหายใจเล็กน้อยแล้วพูดต่อว่า
"และอีกอย่างนะคะ พริมใช้นามสกุลสาระกุลของคุณแม่ ไม่ใช่นามสกุลเลิศลักษณ์อันยิ่งใหญ่ของคุณพ่อ ดังนั้นคุณพ่อจะใช้อำนาจกะเกณฑ์ชีวิตพริมไม่ได้! ถือว่าพริมขอนะคะ เลิกสักทีเถอะค่ะ”
“ยัยพริม!” คุณเดชากดเสียงต่ำเรียกชื่อบุตรสาว นัยน์ตาแดงก่ำร่างกายสั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธ ลมหายใจแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทว่าพริมาไม่ใส่ใจ
“เอาเป็นว่าอีกสามวันพริมจะไปทานข้าวเย็นกับคุณพ่อนะคะ เพราะเราไม่ได้ทานข้าวด้วยกันนานแล้ว ย้ำนะคะ ว่าพริมไปเพราะคุณพ่อ ไม่ได้ต้องการไปดูตัวอะไรกับใครทั้งนั้น ถ้าไม่ต้องการขายหน้า ก็อย่าพาเขามานะคะ เพราะวันนั้นพริมจะพาคนรักของพริมไปด้วย อยากรู้จักกันมากไม่ใช่เหรอคะ อย่าพากันตกใจจนทำอะไรไม่ถูกก็แล้วกัน อ้อ คิดดี ๆ เรื่องจับคู่ให้พริมด้วยนะคะ หน้าแตกพริมไม่รู้ด้วยนะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วพริมกลับคอนโดก่อนนะคะ ขอตัว”
พริมาสะบัดหน้าเดินออกจากห้องทำงานของคุณเดชาไป ทิ้งเสียงตะโกนเรียกชื่อเธอด้วยความโกรธเกรี้ยวไว้เบื้องหลัง มาทำงานวันนี้มีแต่ความวุ่นวาย เธอเหนื่อยและปวดหัวมากจริง ๆ สิ่งเดียวที่จะเยียวยาหัวใจแสนบอบบางและอ่อนล้านี้ได้ คงมีแค่รพีพัฒน์เท่านั้น
เหนื่อยจัง
ขอกำลังใจหน่อยได้ไหมคะ
พี่พี... พริมต้องการกอดพี่พีจังเลยค่ะ
ต้องการมาก ๆ เลย
พริมากดส่งข้อความหาชายคนรักแล้วเร่งรีบขับรถออกจากบริษัทตรงกลับคอนโดมิเนียมทันที