8
มโน
“แล้วทำไมแกถึงขรี้แตกวะ” ปณิตาเอ่ยถาม ส่วนบัณฑิตาก็ฟังเงียบ ๆ ด้วยหัวใจเต้นระทึก
“ไม่รู้เหมือนกัน วันนี้ฉันไปกินอะไรมาหลายอย่างเลย สงสัยต้องมีอะไรผิดสำแดงแน่ ๆ”
บัณฑิตาลอบผ่อนลมหายใจออกมาแรง ๆ อย่างโล่งใจที่สารภีไม่สงสัยอะไรตอนดื่มน้ำหวานที่บ้านกายสิทธิ์
“แล้วแกบอกว่าไปบ้านครูกาย ไปทำไมเหรอ”
“ไปหาสิ คิดถึง”
“แค่ก ๆ ๆ” บัณฑิตาสำลักออกมา
“แกเป็นอะไรเบอร์รี”
“เปล่า หมาติด เอ๊ย! เหมือนมีอะไรติดคอเลย” บัณฑิตาสำลักเพราะประโยคหลงตัวเองของสารภี ปณิตาจึงรีบลูบหลังลูบไหล่ให้เพื่อน ปากก็ยังเอ่ยถามเรื่องสารภีกับกายสิทธิ์อย่างอยากรู้
“แกพูดเหมือนแกกับครูกาย เฮ้ย! หรือว่าแกกับครูกายคบกันเหรอ”
“อืม... ใช่จ้ะ ไม่งั้นครูกายจะให้ฉันเข้าไปที่บ้านเขาเหรอจ๊ะ กฎเหล็กของครูกายก็คือไม่ให้ลูกศิษย์ไปหาหากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายไม่ใช่เหรอ เพราะครูกายน่ะชอบความเป็นส่วนตัว มีปัญหาเรื่องการเรียนก็ขอให้ถามกันให้จบที่โรงเรียน และถ้าสงสัยก็รอให้ถึงวันจันทร์ค่อยถาม”
“ก็จริงนะ” ปณิตาคล้อยตาม
“ครูกายน่ะติดต่อยากมาก โทร. ไปเบอร์แปลกยังไม่รับสายเลย” สารภีพูดอีก แล้วก็ยิ้มเพ้อไปเรื่อย เหมือนกับว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ
“แกกับครูกายคบกันตอนไหนแล้ว พวกเราไม่เห็นรู้ หรือที่แกชอบให้ครูกายสอนโน่นสอนนี่ให้น่ะเหรอ เพราะแกสองคนกำลังกิ๊กกัน”
“อืม... ก็ประมาณนั้นแหละจ้ะ” สารภียิ้มรับ ในขณะที่บัณฑิตาสะบัดหน้าใส่
“ฉันกลับก่อนนะ”
“เฮ้ย! ยายเบอร์รี คิดจะกลับก็กลับ อะไรของแกนี่ ส้มจี๊ดแกหายเร็ว ๆ นะ ฉันไปก่อนล่ะ แล้วเจอกันวันจันทร์นะแก เรื่องแกแซ่บมากจ้ะ” ปณิตารีบวิ่งตามเพื่อนออกไป
“แล้วอย่าลืมเหยียบให้กระจายล่ะ” สารภีนั่งหัวเราะอยู่บนเตียงอย่างสาแก่ใจ ฝันหวานว่าคราวนี้เธอจะได้กายสิทธิ์มาทำผัวให้จงได้
“แกจะรีบไปไหน” ปณิตารีบตามบัณฑิตาออกมาที่หน้าโรงพยาบาล
“ฉันมีธุระต้องไปจัดการ เราแยกกันตรงนี้นะ”
“แกไม่ให้ฉันไปส่งเหรอ”
“ไม่ต้อง” ปณิตามองเพื่อนที่โบกรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้ไปส่งตาปริบๆ
บัณฑิตาไม่อยากให้เพื่อนมาเซ้าซี้อยากขอนอนด้วยก็เลยแกล้งบอกว่ามีธุระ ให้แยกย้ายกันกลับ จริงๆ เธอจะกลับไปบอกเรื่องสำคัญนี้กับกายสิทธิ์ที่บ้าน เพราะวันจันทร์ที่จะถึงนี้ข่าวต้องดังไปทั้งโรงเรียนแน่ ๆ
“พี่กาย พี่กายอยู่ไหน พี่กาย” บัณฑิตาถึงบ้านก็เดินหากายสิทธิ์เสียทั่ว เขากำลังนอนกลางวันอย่างแสนสบายอยู่ที่ห้องพักผ่อน ตรงนี้มีระเบียงกว้างที่เดินออกไปเจอสวนดอกไม้หลังบ้าน บรรยากาศจึงดีมากๆ น่าเอนหลังนอนกลางวันสุด ๆ
กายสิทธิ์งัวเงียตื่นขึ้นมามองคนที่มายืนจ้องเขาตาเขม็งอย่างไม่สบอารมณ์อยู่มาก เพราะเธอรบกวนการนอนกลางวันของเขา
“พี่กายรู้ไหมคะว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
“ทำตัวไร้มารยาท เหมือนไม่มีใครอบรมสั่งสอน” เขาติหนิ บิดตัวเองไปมาอย่างเกียจคร้าน
“พี่กาย มันใช่เวลาไหม”
“อะไรของเธอ กลับมาถึงก็โวยวาย” เขาทำเสียงดุ มองเธออย่างตำหนิมากกว่าเดิม แต่ในเวลานี้บัณฑิตาไม่มีเวลากลัวเขา เหมือนครั้งก่อน ๆ ที่แล้วมา
“ยายส้มจี๊ดพูดว่าพี่กายกับเขาคบกัน ที่พี่กายยอมให้เขาเข้ามาในบ้านไม่เหมือนนักเรียนคนอื่น ก็เพราะคบกัน กฎเหล็กของพี่กายโดนทำลายไปแล้วรู้ไหมคะ” บัณฑิตาพูดเสียงหอบ ๆ สีหน้าบอกว่าเดือดเนื้อร้อนใจเป็นอันมาก
“อย่างนั้นเหรอ” เขาเอ่ยถามอย่างเกียจคร้าน ใช่ว่าเขาจะไม่เคยโดนนักเรียนจีบหรือสร้างข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆ แบบนี้ นี่คือที่มาของกฎเหล็กที่ห้ามนักเรียนมาที่บ้านเด็ดขาด แม้แต่นักเรียนผู้ชายก็ไม่ได้ เพราะปัจจุบันนี้มีความหลากหลายทางเพศ เขายังไม่อยากโดนนักเรียนผู้ชายปล้ำทำผัวเพราะคลั่งรักเขา จึงใช้มาตรฐานเดียวกันก็คือไม่ให้นักเรียนทุกคนมาหา ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย
“อย่างนั้นเหรอ คืออะไรคะ พี่กายพูดแค่นี้เหรอ ทำไมพี่ไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย หรือพี่กับยายส้มจี๊ดแอบคบกันจริงๆ” บัณฑิตาคาดคั้น
“หึงเหรอ”
“คะ”
“หึงพี่เหรอ”
“หึง! หึงอะไรกัน คนหลงตัวเอง” บัณฑิตาเขินอายและหงุดหงิดในเวลาเดียวกัน เธอจึงโถมตัวเข้าใส่ รัวกำปั้นใส่เขาไม่ยั้ง กายสิทธิ์รวบข้อมือของเธอเอาไว้ ทำให้ร่างของเธอเสียหลักล้มลงบนร่างของเขาที่ยังกึ่งนั่งกึ่งนอนอย่างเกียจคร้านอยู่บนฟูกเนื้อดีราคาแพงตรงห้องพักผ่อนของตัวบ้าน
“อุ๊ย!” เธออุทานตาโตเมื่อได้สบประสานสายตากับเขา
“หึงก็ได้นะ เธอเป็นเมียพี่”
อ๊าย!!! บัณฑิตาหน้าแดงจัดร้อนผ่าวราวแก้มแทบแตกเมื่อได้ยินประโยคนั้นของเขา
เธออยากจะกรีดร้องออกมาให้กับความเขินอายของตัวเอง ในสถานการณ์เช่นนี้ยังมาพูดแบบนี้อีก
ไอ้พี่กายบ้า บ้า บ้า!!!
คนเขินอายด่าเขาระรัวอยู่ในใจ!!!
ในขณะที่กายสิทธิ์มองเธอด้วยสายตาที่ล้ำลึก!!!
ปู๊ด!!!!!!!!!!!
ใครตด ต่างฝ่ายต่างคิดในใจ
บรรยากาศที่กำลังโรแมนติก จางหายไปในทันที
สองหนุ่มสาวกระโดดขึ้นมายืนประจันหน้ากัน ก่อนจะยกมือขึ้นปิดจมูก
“ใครตด”
“พี่กายนั่นแหละ”
“หือ... ยังกับกินหมาเน่าเข้าไปทั้งตัว”
“พี่กายตดทำไม”
“เธอนั่นแหละยายตัวแสบ ตดแล้วไม่รับ เหม็นสุดๆ ไปเลย ขมคอ แค่ก แค่ก แค่ก” กายสิทธิ์ไอออกมาก่อนจะวิ่งหนีไปที่ระเบียงบ้าน เปิดหน้าต่างออกสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด
“เออ... เบอร์รีตดก็ได้” บัณฑิตาโบกไม้โบกมือไปมา หน้าตากวนตรีนสุดติ่ง
“ผู้ร้ายปากแข็ง กว่าจะยอมรับ” เขาแยกเขี้ยวใส่เธอ
“พี่กายสอนสุขศึกษา เรื่องตดเป็นเรื่องธรรมชาติไม่ใช่เหรอคะ”
เขาทำเสียงในลำคอ ก่อนจะเดินหนี แต่เท้าหนาต้องชะงักเมื่อได้ยินประโยคต่อมาของเจ้าหล่อน
“ถ้าพี่กายทำอะไรเบอร์รี เบอร์รีจะตดอัดผ้าห่มให้ดม”
“ทำอะไรคือทำอะไรหึ” เขาหันมาถามอย่างเอาเรื่อง เท้าสะเอวมองไม่วางตา
“ก็ลามกกับเบอร์รีไง”
“เหอะ! คิดได้นะ นี่นะจะคิดลามกกับเธอ หุ่นยังกับไม้เสียบผี ความน่าพิศวาสก็ไม่มีเลยสักนิด”
“โหย... พี่กาย ไม้เสียบผีตรงไหน เบอร์รีนมก็ใหญ่ ดูเลยนี่” เธอหยัดหน้าอกส่ายไปมาให้เขาดู เขาถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง
“ก้นก็ใหญ่ ปันปันยังบอกว่าก้นสวย โอ๊ย! พี่กายตีก้นเบอร์รีทำไม”
“ยายเด็กไม่มีมารยาท คิดยังไงมาส่ายก้นให้พี่ดูฮะ พี่แก่กว่าเธอตั้งหลายปีนะ” เขาทำเสียงดุกลบเกลื่อนความรู้สึกวาบหวามในจิตใจ