3
พ่อบ้านพ่อเรือน
“เธอทำอะไรของเธอนี่” เสียงดุ ๆ ของเขาทำให้บัณฑิตาชะงักมือที่กำลังหั่นผักอยู่
“หั่นผักไงคะ หั่นแบบนี้ ไม่ได้เหรอคะ” เธอทำหน้าไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองนักเมื่อโดนทักเสียงดุ ๆ แบบนั้น
“หั่นได้แต่ไม่น่ากิน ไม่เคยมีใครสอนหั่นผักเหรอ”
“ไม่มีค่ะ” เธอตอบแล้วถอนใจ พ่อแม่ตายหมดแล้ว จะมีใครที่ไหนมาสอน มีพี่ก็เหมือนไม่มีและตอนนี้ก็โดนยิงตายไปอีกเหมือนกัน
“นอกจากอาหารจะอร่อยแล้วต้องสวยด้วย มันจะเพิ่มความน่ากินเข้าไปอีก ดูดี ๆ จะหั่นให้ดู” เขาสาธิตให้เธอดู
“โหย... พี่กายหั่นผักสวยจัง ชิ้นเท่า ๆ กัน ยังกับจับวาง ทำได้ไงนี่”
“ต้องฝึก ฝึกมีด”
“แต่มีดของพี่กายคมทุกด้ามเลยนะคะ”
“ระวังให้ดี บาดนิ้วขึ้นมาถึงกับนิ้วขาดเลยนะ ทำอะไรต้องมีสติ สมาธิสำคัญเสมอเข้าใจไหม”
“ค่ะ” เธอรับคำ แล้วก็ให้รู้สึกเกร็งเมื่อเขามายืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง ก่อนจะเอื้อมมือทั้งสองมาจับมือเธอเอาไว้
“พี่จะสอนหั่นผัก” บัณฑิตาถึงกับเกร็งไปทั้งตัว หัวใจเต้นรัวราวจะกระโดดออกมาจากอกเมื่อเรือนร่างหอมกรุ่นและแสนอบอุ่นแนบชิดมาทางด้านหลัง
“หั่นแบบนี้” เขาจับมือของเธอเอาไว้ วูบหนึ่งบัณฑิตรู้สึกอบอุ่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ในเวลานี้กายสิทธิ์เหมือนคนในครอบครัวที่เธอสามารถพึ่งพิงได้เพียงคนเดียวเท่านั้น แม้เขาจะดูดุไปหน่อยก็ตามที
“เข้าใจไหม” เขากระซิบถามตรงริมหู เธอถึงกับเกร็ง แต่ก็รีบพยักหน้าในทันที
“เข้าใจค่ะ”
“งั้นก็หั่นผักได้แล้ว กินสุกี้จะไม่หนักท้องจนเกินไป เพราะว่ามีแต่ผัก” เขาผละออกห่าง เธอมองอย่างแสนเสียดาย ความอบอุ่นจางหายไปพร้อมกับสัมผัสแสนอ่อนโยนของเขา
“สุกี้ฝีมือพี่กายนี่อร่อยจริงๆ เลย”
“สุกี้ที่ไหนก็รสชาติเหมือนกันหมด พูดซะเวอร์”
“พี่กาย”
“ว่า”
“ถามจริง”
“ถามว่า”
“พี่กายยังไม่มีแฟนจริง ๆ เหรอ”
“ถามไปทำไม”
“ตอนแรกที่พี่บุ๊กบอก เบอร์รีก็ไม่ค่อยจะเชื่อหรอกค่ะ”
“ทำไม”
“ก็พี่กายหน้าตาดีเกินมนุษย์มนา ไม่รู้ตัวหรือไงคะ ว่าสาวแก่แม่ม้าย สาวเล็กสาวใหญ่ ครูสาว ครูฝึกสอน นักเรียนทั้งโรงเรียนคลั่งไคล้พี่กายด้วยกันทั้งนั้น ถ้าจับพี่ทำผัวได้ จับทำผัวไปแล้ว”
“แค่ก ๆ ๆ” กายสิทธิ์ถึงกับสำลัก มองเธอด้วยสายตาดุ
“เป็นเด็กเป็นเล็ก คิดอะไรเพ้อเจ้อ” เขาทำเสียงดุใส่
“ไม่เด็กแล้ว เบอร์รีโตแล้ว สิบแปดแล้วนะคะ ปีหน้าก็ขึ้นมหาวิทยาลัยได้แล้ว”
“แล้วใครบอกว่ายังเด็กอยู่ แต่งงานแค่ในนาม จะไม่ยอมเข้าหอท่าเดียว” เขาขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ เอาคืนเธอบ้าง
แม้จะนั่งอยู่คนละด้านของโต๊ะกินข้าว แต่เขาตัวสูงมากกว่า ขยับตัวลุกขึ้นเล็กน้อยก็ยื่นหน้ามาหาเธอได้อย่างสบาย
“พี่กาย เบอร์รีง่วงแล้ว เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” เธอจ้องตาเขาแล้วใจสั่น จึงรีบเบือนหน้าหนี แล้วขยับลุกขึ้นจากเก้าอี้
“กินแล้วล้างด้วย”
“ทิ้งไว้ในอ่างแล้วค่อยล้างได้ไหมคะ”
“สกปรก แมลงสาบ หนูมากินเศษอาหาร เป็นเชื้อโรค” เขาพูดเสียงเข้ม บัณฑิตาติดนิสัยมาจากพี่ชายที่กินอะไรเสร็จก็ชอบวางเอาไว้ในอ่างก่อนแล้วค่อยมาล้าง พอไม่มีจานชามให้ใส่ของกินก็ค่อยล้างทีเดียว เธอยังเคยเห็นกายสิทธิ์บ่นพี่ชายของเธอตอนไปหาที่บ้าน แล้วเขาก็ทนดูไม่ไหว จัดการล้างถ้วยล้างชามให้จนเกลี้ยง
“รับทราบเจ้าค่ะ เอาชามของพี่กายมา เดี๋ยวเบอร์รีล้างให้”
“ล้างให้สะอาดนะ อย่าทำอะไรแบบขอไปที”
“เบื่อไหมพี่กาย ใช้ชีวิตอยู่แต่ในกรอบ เข้มงวดกับตัวเองขนาดนี้”
“เรื่องสำคัญต้องเข้มงวด เช่นความสะอาด สิ่งไหนที่ทำแล้วดีเราต้องบังคับจิตใจตัวเองให้ทำให้ได้ เป็นการฝึกใจตัวเองและเอาชนะใจตัวเองอย่างหนึ่ง”
“โหย... พี่กายเหมาะที่จะเป็นครูจริง ๆ ค่ะ” เขาจัดการถูชามใส่สุกี้ เขาก็นำไปช่วยล้างจนสะอาดก่อนจะคว่ำเอาไว้
ถ้วยชามของเขาสะอาดสะอ้าน มีผ้าสีขาวคลุมเอาไว้ พอเช็ดสะอาดแล้วก็นำใส่ตู้เก็บเอาไว้ไม่ให้ฝุ่นเกาะ แตกต่างจากบ้านของเธอตอนอาศัยอยู่กับพี่ชายลิบลับ
“ถามหน่อยสิพี่กาย”
“ถามว่า”
“ทำไมพี่ถึงมาเป็นครูล่ะคะ”
“เป็นครูไม่ดียังไง”
“ไม่ใช่ไม่ดี แต่ทำไมพี่ถึงชอบอาชีพนี้คะ”
“ไม่ได้ชอบ”
“อ้าว...”
“รักเลยล่ะ”
“โหย...”
“ตอนเด็ก ๆ พี่เจอแต่ครูใจดี โตขึ้นก็อยากเป็นครูใจดีบ้าง เหตุผลมีแค่นั้นแหละ”
“แต่พี่กายไม่ได้เป็นครูใจดีนะคะ” เธอบ่นอุบ ทำหน้าเหยเกใส่
“อะไรนะ”
“ความฝันวัยเด็กเลยนะคะนี่” เธอเปลี่ยนเรื่อง แกล้งยิ้มกลบเกลื่อน
“เราล่ะ ไม่มีความฝันเหรอ”
“ก็เหมือนจะมีนะคะ”
“ฝันว่า” เขามองหน้าเธอ
“จะเป็นดารานางแบบชื่อดังค่ะ จะได้มีเงินเยอะ ๆ”
“ก่อนจะเป็นดารานางแบบชื่อดัง เลิกนิสัยซกมกเสียก่อน” เขาตบหน้าผากของเธอเบา ๆ
“โหย... พี่กายพูดเสียเบอร์รีเสียของหายเลยอะ” เธอทำหน้างอน พลางทำปากยื่น
“ไหนบอกว่าจะไปนอน”
“ไปดูดาวกันไหมคะ” เธอยิ้มแฉ่งขณะเอ่ยชวน
เขาทำหน้างง บอกว่าง่วงนอน จู่ ๆ จะมาลากเขาไปดูดาวด้วยกัน
“ไปเถอะค่ะ ไปดูดาวกัน” เธอลากเขาออกมาดูดาวที่ระเบียง คืนนี้ดาวสวยท้องฟ้ากว้างเต็มไปด้วยดวงดาวเต็มขอบฟ้า อาจเพราะเป็นคืนเดือนมืด
“อากาศดีจัง เย็นสบายสุดๆ ไปเลยค่ะ” เธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างมีความสุข
“อากาศดีอะไรกัน กลางคืนต้นไม้คายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา แล้วแย่งก๊าซออกซิเจนจากเรานะ”
“โหย... พี่กายคะ เลิกวิชาการสักวันเถอะค่ะ”
“เรื่องจริง” เขาพูดแล้วผินหน้าไปมองท้องฟ้า
“พี่กาย”
“ว่าไง”
“พี่กายชอบดูดาวไหมคะ”
“ดูได้ไม่ถึงกับชอบหรือไม่ชอบ”
“พี่กายเคยรู้สึกแบบว่าชอบอะไรมากๆ ไหมคะ” เธอเอ่ยถาม แอบนึกค่อนขอดเขาในใจ คนอะไรทำตัวเย็นชาเหมือนผีดิบหมื่นปี ไม่เคยเห็นมีท่าทีว่าชอบอะไรมาก ๆ เลย เธอล่ะเหลือเชื่อกับเขาจริง ๆ