บทที่ 3 แกะดำตัวน้อย 2
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามากี่ท่านครับ” บริกรนายหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้กับประตูทางเข้ามากที่สุดเสนอตัวเข้ามารับลูกค้าหน้าใหม่
ไม่ต้องคาดเดาอะไรก็รู้ได้ทันทีว่าลูกค้าแต่ละคนที่เข้ามาในคลับแห่งนี้นั้นอย่างน้อยๆ ก็ต้องเป็นระดับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กหรือไม่ก็ลูกผู้มีอันจะกินหรือผู้ที่มีเงินเหลือกินเหลือใช้ในแต่ละเดือนมากพอที่จะยอมจ่ายเพื่อสิ่งที่ไม่นับว่าเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตเช่นการเข้าสถานบันเทิงได้ นั่นรวมไปถึงเงินทิปที่เหล่าพนักงานเสิร์ฟจะได้รับในแต่ละคืนด้วย
“สาม”
“สามคนเหรอครับ?” บริกรหนุ่มถามซ้ำ ก็เห็นๆ อยู่ว่าเดินเข้ามากันสองคน
“อืม อีกคนไปเข้าห้องน้ำน่ะ” รีมัสที่ยืนอยู่ข้างๆ เจมส์เอ่ยขึ้น ใบหน้าหล่อทั้งยังฉายแววขี้เล่นของเลขาหนุ่มส่งยิ้มให้พนักงานไปหนึ่งทีเป็นการเบิกทาง
“ครับ ถ้าอย่างนั้นเชิญทางนี้ครับ” บริกรเอ่ยบอกพร้อมกับพาเดินไปยังโต๊ะนั่งที่ยังว่าอยู่
คืนนี้เป็นคืนวันศุกร์สิ้นเดือนจึงทำให้โต๊ะนั่งของร้านถูกจับจองโดยนักท่องราตรีเต็มแล้วเกือบทุกโต๊ะทุกโซน แต่ก็ยังมีส่วนน้อยที่โทร.มายกเลิกกะทันหันเนื่องจากอ้างว่าติดธุระต่างๆ
“ไม่มีโต๊ะที่มุมดีกว่านี้เหรอ?” คนหน้านิ่งอย่างเจมส์เอ่ยถาม
ถ้าหนุ่มหล่อขี้เล่นและอัธยาศัยดีอย่างรีมัสที่ทำหน้าที่เป็นเลขาเปรียบเสมือนมือข้างซ้ายของแซคคารีหนุ่มหล่อหน้าตาท่าทางไม่ค่อยจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเจมส์คนนี้ก็จะต้องเป็นมือซ้ายที่น่าเกรงขามที่สุด
เพราะนอกจากหน้าตาของเจมส์จะดูไม่เป็นมิตรเท่ารีมัสแล้ว น้ำเสียงของเขายังฟังดูดุดันมากอีกด้วย แม้ว่าเขาจะพูดด้วยอารมณ์ปกติก็ตาม
“อะ...เอ่อ ขออภัยด้วยครับคุณลูกค้า โต๊ะอื่นเต็มหมดแล้วครับ” บริกรบอกด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ จากแรกที่พอจะทำใจดีสู้เสือได้ ทว่าตอนนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น ลูกค้าสองคนที่เข้ามาใหม่ทั้งตัวใหญ่และน่ากลัว ยิ่งคนที่ไว้เคราเต็มกรอบหน้าคนนั้นยิ่งดูท่าทางไม่ค่อยหน้าเข้าใกล้เลยสักนิด
“ไม่เป็นไร เอาเมนูมาดูหน่อย” รีมัสเอ่ยกับบริกรหนุ่ม เพียงเท่านั้นอีกฝ่ายก็รีบหันหลังแล้วจ้ำอ้าวเดินจากไปทันที
“นายนี่มันจริงๆ เลย ทำหน้าตาให้มันดีๆ หน่อยสิ คนอื่นเขากลัวกันหมดแล้ว” รีมัสเอ่ยปากบ่นเพื่อนสนิท “ถ้านายทำคนอื่นกลัว นายจะกลายเป็นจุดสนใจนะเจมส์”
“ฉันก็ยังไม่ได้ทำอะไร ไอ้หมอนั่นมันใจเสาะไปเองมากกว่า” คนหน้าดุแก้ต่างให้ตัวเอง
อันที่จริงเจมส์ก็ยังไม่ได้ทำอะไรอย่างที่เจ้าตัวว่าจริงๆ ตามันก็เป็นเรื่องที่ช่วยได้ยากเมื่อเขานั้นทั้งตัวใหญ่และหน้าดุ อีกทั้งน้ำเสียงของเขานั้นยังฟังดูคล้ายกับไม่พอใจอยู่ตลอดเวลา คิ้วเข้มสองข้างหรือก็ขมวดเข้าหากันอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะทุกข์ สุข ดีใจหรือเสียใจ
ขนาดรีมัสที่อยู่ด้วยกันมายังคาดเดาใจเพื่อนตัวเองไม่ค่อยจะออกในบางครั้ง แล้วนับประสาอะไรกับคนแปลกหน้าคนอื่นๆ
ยิ่งถ้าบอกว่าคนหน้าดุอย่างเจมส์ชอบดูการ์ตูนจำพวกโดเรม่อน มิกกี้เมาส์หรือว่าบรรดาเจ้าหญิงเจ้าชายจากค่ายดิสนีย์แล้วละก็...พนันได้เลยว่าจะต้องไม่มีใครเชื่อแน่ๆ
เพราะคนหน้าท่าทางอย่างเจมส์ใครๆ ก็คงคิดว่าอีกฝ่ายชอบดูมวยปล้ำมากกว่า
“น้อง...” รีมัสเรียกพนักงานมารับออเดอร์ ครั้นเมื่อสั่งเครื่องดื่มเสร็จเจ้านายของพวกเขาก็เดินเข้ามาด้านพอดี เจมส์ผู้ตาไวเป็นคนเดินไปรับผู้เป็นนายมานั่งที่โต๊ะอย่างรู้หน้าที่
“เป็นไงบ้าง...ที่นี่คนเยอะใช้ได้นะ” แซคคารีว่าก่อนจะพยักหน้าให้สาวสวยคนหนึ่งที่ส่งยิ้มมาให้เขา
“ครับ ไม่แปลกใจเลยที่เงินจะไหลเข้าเดือนละหลายร้อยล้าน” รีมัสว่า เมื่อครู่เขาสอดส่ายสายตาไปยังบริเวณรอบๆ โต๊ะที่นั่งอยู่ แต่บังเอิญว่าเขาดันไปเจอกับลูกหนี้รายหนึ่งของผู้เป็นนายเข้าโดยบังเอิญ นั่นย่อมหมายความว่าคลับแห่งนี้นอกจากจะเป็นที่นิยมอันดับต้นๆ ของประเทศแล้ว ยังเป็นที่สนใจของชาวต่างชาติอีกด้วย
“เมื่อกี้ผมเห็นมิสเตอร์หว่องด้วยครับนาย ที่ชั้นสองน่าจะเป็นโซนลูกค้าวีไอพี” คนเป็นมือขวารายงาน
“งั้นเหรอ”
“ครับ คาดว่าเขาเองก็เห็นผมเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าเขาจะจำได้รึเปล่า” เพราะมิสเตอร์หว่องที่ว่านั้นนับเป็นลูกหนี้ที่ดี จ่ายหนี้ครบทั้งต้นทั้งดอก นั่นจึงเป็นเหตุผลให้รีมัสไปต้องเข้าไปยุ่มย่ามกับอีกฝ่ายมากนัก ไม่เหมือนกับลูกหนี้ที่ชอบผิดนัดบ่อยๆ อาทิเจ้าของคลับแห่งนี้
“ส่วนทางนั้นผมเห็นนายปีแอร์ครับ แต่ตอนนี้คงวิ่งหนีหางจุกตูดไปแล้ว หมอนั่นน่าจะจำผมได้” เจมส์เป็นฝ่ายเอ่ยรายงานบ้างซึ่งลูกนี้ที่เขาเอ่ยถึงนั้นก็เป็นลูกหนี้ชั้นเลวที่เขาจะต้องตามไปทวงถามเอาหนี้ถึงที่บ้านหรือที่บริษัทอยู่บ่อยๆ เช่นกัน
“ไม่น่าเชื่อว่าไอ้ปีแอร์มันจะมีเงินมาเที่ยวนะ” แซคคารีว่ายิ้มๆ ทว่าเพียงแค่รอยยิ้มนั้นก็ทำให้สองคนสนิทเข้าใจแล้วหลังจากนี้พวกเขาต้องจัดการกับนายปีแอร์นั่นอย่างไร
บทสนทนาจบลงได้ไม่นานพนักงานก็นำเครื่องดื่มกับของว่างมาเสิร์ฟ แซคคารีเห็นหน้าตาอาหารที่วางลงบนโต๊ะแล้วก็พลันหลุดยิ้ม ลูกน้องเขาคนนี้มันคงชอบอาหารชนิดนี้จริงๆ
“ชอบนักนะไอ้เอ็นไก่ทอดเนี่ย ฉันเห็นนายสั่งกินแทบทุกร้านที่ไปนั่งเลย”
“เมนูนี้อร่อยดีครับนาย ไม่เผ็ด แต่ก็ไม่ใช่ทุกร้านที่ทำอร่อย” เจมส์ว่าพร้อมกับใช้มือหยิบเอ็นไก่ทอดเข้าปาก
แม้ว่าจะเป็นเจ้านายกับลูกน้องกัน ทว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาสามคนนั้นเรียกได้ว่าสนิทสนมกันยิ่งกว่าพี่น้องท้องเดียวกันซะอีก เพราะนอกจากจะเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่แปดขวบแล้วยังเผชิญเรื่องราวต่างๆ มาด้วยกันมากมาย
ดังนั้นระหว่างพวกเขาจึงไม่มีอะไรให้ต้องกั๊กกันอีกแล้ว เรียกว่ารู้ไส้รู้พุงกันหมดทุกคน เป็นทั้งเจ้านายลูกน้อง เป็นทั้งเพื่อนสนิท เป็นแม้กระทั่งพี่น้องที่อายุกันเพียงแค่หนึ่งเดือนก็เป็น
“ใช้ได้ ไม่เหนียว” เจมส์แสดงความคิดเห็นหลังเคี้ยวเอ็นไก่ทอดคำแรกหมดปาก
“นายครับ ของหวานไหม?” รีมัสเอ่ยถามหลังจากเห็นผู้เป็นนายจ้องมองผู้หนึ่งคนหนึ่งอยู่ราวห้านาทีเห็นจะได้
“เอาสิ แกะดำตัวน้อยนั้นท่าทางน่าเคี้ยวดี”
เจมส์ที่นั่งเคี้ยวเอ็นไก่อยู่ถึงกับหูผึ่งเมื่อได้ยินประโยคนั้น สายตาของคนหน้าดุมองตามสายตาของผู้เป็นนายไปก็เห็นแกะดำตัวน้อยที่ว่านั่นเข้าพอดิบพอดี
หญิงสาวร่างเล็กในชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำ?
หน้าอ่อนขนาดนั้นครบยี่สิบแล้วหรือยังล่ะเนี่ย