บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 เด็กฝึกงานเส้นใหญ่

จัดให้เป็นพิเศษของเขาคือทรมานเคี่ยวเข็ญคนไร้ทางสู้ทั้งคืน โยษิตาแม้พยายามประคองสติเต็มที่ แต่ด้วยความเหนื่อยล้าจึงเผลอหลับไปชั่วขณะ รู้สึกตัวตื่นอีกทีนอกหน้าต่างห้องก็คือรุ่งเช้าของวันใหม่แล้ว ไม่มัวรีรอให้ภายภาคหน้าต้องอึดอัด หญิงสาวรีบลากสังขารสะบักสะบอมของตนลงจากเตียง สวมชุดที่กระจัดกระจายเกลื่อนพื้น พลันต้องหน้าถอดสีเพราะเสื้อตัวเก่งถูกทึ้งขาดไม่เหลือเค้าโครงเดิม

โยษิตาร้อนใจจนนึกอยากร้องไห้ แต่มองไปเห็นเสื้อเชิ้ตของอิทธิพลกองอยู่ไม่ไกลกันจึงตัดสินใจเดี๋ยวนั้นนำมาสวม เธอไม่มีเวลาให้คิดมาก ประกอบกับเดินแทบไม่ไหว ใช้อะไรก่อนได้ก็ใช้ หลังติดกระดุมมิดคออำพรางร่องรอย ตรวจสอบจนทั่วแน่ใจว่าไม่เหลือหลักฐานใดสาวไปถึงตน เธอก็กัดฟันเดินทั้งที่ขาหุบไม่สนิทออกจากห้องนอนใหญ่ไป

ขณะใกล้ถึงบันไดทางลง สายตาพลันเหลือบไปเห็นว่าห้องหนังสือของอิทธิพลเปิดอ้าอยู่ ด้านในยังมีเรียวขาคู่สวยของหญิงสาวคนหนึ่งโผล่มา โยษิตาครุ่นคิด พอเดินไปดูก็พบว่าเป็นพริตตี้ที่จ้างมาสร้างความบันเทิงเมื่อคืน แถมหล่อนยังได้นั่งชงเหล้าให้อิทธิพลด้วย

ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามา ด้วยความที่เป็นคนรอบคอบเสมอ โยษิตาเกรงว่าเดี๋ยวอิทธิพลตื่นจะระลึกความหลังได้จึงอาศัยตัวช่วยเหมาะเจาะนี้ทำการลากหญิงสาวเข้าไปในห้องของเจ้านายหนุ่ม ออกแรงให้มากหน่อยอุ้มตัวหล่อนขึ้นไปนอนแทนที่ สำคัญคือต้องมีสภาพเป็นไม่สู้ตาย อืม เมาหัวราน้ำจนเผลอเข้าไปนอนในห้องหนังสือก็หนักเอาการอยู่ แบบนี้นับว่าสะบักสะบอมขั้นสุดเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมาก ถอดกางเกงในออกมาทิ้งไว้ข้างเตียงก็พอ

โยษิตาหายใจโล่ง ปิดประตูให้คนทั้งสองแล้วเดินย่องลงมาข้างล่าง

“คุณโยจะกลับแล้วเหรอคะ” เสียงแม่บ้านประจำวิลล่าหรูกล่าวทักทาย

โยษิตาเห็นหล่อนก็แอบขุ่นเคืองอยู่ลึกๆ ตนต้องมาโดนเจ้านายบ้าคนนั้นขี่ไม่พักทั้งคืน เป็นเพราะใครกัน เพราะใคร!

“โยพึ่งมาค่ะ ว่าจะปลุกคุณอิทไปทำงาน แต่เมื่อวานเขาดื่มไปไม่น้อย เมื่อคืนก็น่าจะหนักพอสมควร วันนี้โยเลยจะไม่รบกวน ให้เขาได้พักผ่อนก่อนค่ะ”

“เอ๋?” แม่บ้านที่เดิมทีทำสีหน้ามีลับลมคมในขมวดคิ้วสงสัย “เมื่อคืนคุณโยไม่ได้อยู่กับคุณผู้ชายเหรอคะ”

ร้องครางขนาดนั้น พวกตนที่เก็บของเงียบๆ กันอยู่ข้างล่างได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง ขาดๆ หายๆ แต่รู้แน่ว่าข้างบนกำลังเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณเลขาถึงบอกว่าพึ่งมาล่ะ ไม่รอให้อีกฝ่ายทันได้คิดวิเคราะห์ โยษิตาก็ฝืนยิ้มทั้งที่เหนื่อยแทบขาดใจ

“ไม่ใช่โยค่ะ ตอนที่คุณแม่บ้านทิ้งโย มีผู้หญิงเข้ามาพอดี คุณอิทได้สติก็เลยปล่อย หลังจากนั้นโยก็กลับบ้านค่ะ”

โยษิตาโกหกอย่างเป็นธรรมชาติ เดิมทีแม่บ้านยังคลางแคลงสงสัยเธอ แต่พอช่วงสายหน่อยเห็นผู้หญิงอีกคนเดินลงมาจากตึก ท่าทางกระมิดกระเมี้ยนเขินอายมีความสุขก็เชื่อเต็มร้อย แม้มีช่องโหว่มากมายให้จับสังเกต ทว่าอย่างไรก็คิดปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้จึงล้มเลิกความเป็นนักสืบไป

ทางด้านอิทธิพลที่ตื่นมาเจอผู้หญิงแปลกหน้ายังงงไม่หาย อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ขณะนั่งดื่มกาแฟ ไม่ทราบหงุดหงิดอะไร เขาขยี้ผมตัวเองจนฟูแล้วกล่าวเสียงแหบ

“เมื่อคืนท่าจะดื่มจนหลอนไปแล้วมั้งเรา ดันเห็นคนอื่นเป็นเลขาตัวเอง”

ชายหนุ่มกระดากอายทั้งสับสนว้าวุ่น ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาสามปี โยษิตาไม่เคยอยู่ในสายตาของเขา เฉิ่มเชยแต่งตัวเหมือนผู้หญิงวัยกลางคน อุปนิสัยเข้มงวดแทบจะเรียกว่าคุณนายระเบียบ นิสัยจู้จี้ยิ่งกว่าแม่เขาเสียอีก แล้วทำไมถึงได้คิดเพ้อเจ้อจินตนาการจนน่าโมโหว่าได้นอนกับเธอ มีเซ็กซ์กันอย่างเมามันสุดติ่งอีกต่างหาก นี่ไม่ใช่แค่เมาจนเห็นภาพหลอนแล้ว สมองน่าจะได้รับความกระทบกระเทือนจนแยกแยะไม่ได้

“โยษิตา กล้าดียังไงมาทำให้ผมเป็นแบบนี้” อิทธิพลคาดโทษเลขาของตนเองด้วยความหงุดหงิด

วันต่อมาที่บริษัทธาดากรุ๊ป เหล่าพนักงานต่างแตกฮือเมื่อได้ทราบข่าวว่าปีนี้บอสใหญ่ใจดีตกลงจัดทริปบริษัทไปเที่ยวต่างประเทศ อาจเพราะการเจรจากับทางประเทศสหรัฐอเมริกาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี หลังผ่านความยากลำบากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งปี พวกเขาพนักงานชั้นผู้น้อยตาดำๆ จึงได้รับความเอ็นดูเป็นพิเศษ

ขณะเดียวกันวันทำงานอันแสนธรรมดาก็มีเรื่องน่าตื่นเต้นใหม่เข้ามาอีกเรื่อง บริเวณต้อนรับของแผนกบุคคล หญิงสาวสวมชุดนักศึกษารัดติ้วกล่าวทักทายกับฝ่ายบุคคลอย่างเป็นกันเอง พร้อมแจ้งว่าเธอมาทำอะไรที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีแห่งนี้ พนักงานทั้งหมดได้เห็นออร่าความสวยประกอบกับหุ่นสุดเซ็กซี่ของนักศึกษาสาว ต่างก็ซู้ดปากไปตามๆ กัน โดยเฉพาะพนักงานผู้ชายหัวงูในบริษัท พอมีนางฟ้าสะบึ้มเข้ามาสร้างสีสัน ย่อมดี๊ด๊ากว่าพวกผู้หญิงเป็นไหนๆ

“น้องริชชี่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันกับพี่เลย เราสถาบันเดียวกัน นับเป็นคนกันเอง ถ้ามีเรื่องไหนสงสัยก็ถามพี่ได้ตลอดเลยนะ ไม่งั้นทักไลน์ส่วนตัวพี่มาก็ได้ ว่างยี่สิบสี่ชั่วโมงครับ” รองหัวหน้าแผนกเสนอตัวอย่างกระตือรือร้น

“ไม่ต้องไปรบกวนท่านรองผู้ช่วยหรอกครับ ส่วนมากพี่จะเป็นคนรับหน้าที่ดูแลนักศึกษาฝึกงาน ใครสงสัยอะไรแต่งชุดนักศึกษาแล้วมาหาพี่ดีกว่า” ผู้ชายตำแหน่งรองลงมาแสดงออกอย่างใจกว้าง

นักศึกษาฝึกงานของธาดากรุ๊ปในทุกปีจะต้องสอบแข่งขันกันเข้ามา เพราะทางบริษัทไม่ใช่แค่จะให้ฝึกงาน แต่ต้องลงมือปฏิบัติจริง และยังได้รับค่าจ้างเป็นจำเนินเงินที่เหมาะสม แต่ละรอบคัดเด็กนักศึกษาปีสามจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจำนวนสิบคน ปีนี้ที่ต่างออกไปคือการปรากฏตัวของสาวสวย บรรยากาศจึงคึกคักไม่ต้อนรับน้องอย่างอึมครึมเหมือนเคย

“บอสสวัสดีค่ะ” เสียงพนักงานทางด้านหนึ่งกล่าวทักทายชายหนุ่มขายาวในชุดสูทสีดำสนิททั้งตัว

อิทธิพลไม่ใช่ท่านประธานจอมเผด็จการผู้เย่อหยิ่ง บุคลิกของเขาเป็นมิตรแถมขี้เล่น พอพยักหน้านิดๆ ยิ้มมุมปากหน่อยๆ พนักงานสาวชั้นผู้น้อยทั้งหลายก็ขาอ่อนระทวย ใบหน้าของพวกเธอแดงร้อนด้วยความเขินอายทันที

“วันนี้ตั้งใจทำงานกันล่ะ” เขากล่าวทักทายกลับ ราวกับที่แห่งนี้ไม่ใช่บริษัทอันแสนเคร่งเครียด แต่เป็นฮาเร็มสุดยิ่งใหญ่ของตัวเอง พนักงานผู้ชายโค้งตัวทักทายเช่นกัน กลับได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างสิ้นเชิง อิทธิพลเพียงอืมในลำคอแสดงน้ำใจ แล้ววางท่าตรงไปยังห้องทำงาน ด้านหลังตามติดมาด้วยเลขาสาวสวมแว่นหนาเตอะเหมือนทุกครั้ง

โยษิตาเข้าไปแจ้งเวลาประชุมกับอิทธิพลเสร็จก็กลับมายังโต๊ะทำงานตัวเอง ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับห้องทำงานส่วนตัวของชายหนุ่ม เธอสวมเสือเบล้าต์สีขาวหุ้มคอ กระโปรงทรงเอสั้นครึ่งเข่าและรองเท้าคัดชูสีครีมอ่อน ผมยาวมัดรวบ บุคลิกเคยเป็นยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้น สามปีมานี้ไม่เปลี่ยนแปลงสักนิด

“พี่โยมาแล้ว คือหนูมีเรื่องจะปรึกษา” หัวหน้าฝ่ายบุคคลรอโยษิตาอยู่ที่โต๊ะทำงาน เป็นหญิงสาวรุ่นน้องอ่อนกว่าโยษิตาหนึ่งปี ในมือมีแฟ้มเอกสารมาพร้อม

“มีเรื่องอะไร”

หล่อนเปิดแฟ้มรายชื่อนักศึกษาฝึกงานประจำปีนี้ ก่อนจะกล่าวอย่างลำบากใจ “พี่โย คนนี้เป็นเด็กฝากคุณหญิงท่านค่ะ ปัญหาคือ น้องเค้าอยากเรียนรู้งานเป็นเลขา เลยขอให้แอมยื่นเรื่องให้ พี่โยคิดว่ายังไงคะ จะรับไหม”

“เรื่องนี้พี่คุยกับคุณหญิงท่านแล้ว ท่านฝากมาเราก็ต้องทำตาม”

“พี่ยุ่งอยู่ตลอดแอมกลัวว่าจะเหนื่อยเพิ่มเลยมาถามก่อนค่ะ งั้นเป็นอันว่ารับทราบนะคะ”

โยษิตาพยักหน้า ไม่นานนักสาวนักศึกษาสองคนก็เดินมาทำความรู้จักกับเธอ คนหนึ่งสะสวยหน้าตาโดดเด่น อีกคนธรรมดาไม่หวือหวาค่อนข้างเหนียมอาย มองครั้งแรกทำให้เธอรู้สึกเหมือนเห็นตัวเองตอนเข้ามาฝึกงานที่นี่

หญิงสาวสะสวยประเมินโยษิตาเล็กน้อยก่อนจะอมยิ้มคล้ายพอใจ จากนั้นก็แนะนำตัว “ชื่อริชชี่นะคะ คุณป้าคงบอกคุณเลขาแล้วว่าให้ดูแลริชชี่ตอนฝึกงานอยู่ที่นี่ มีอะไรก็สอนมาให้หมดได้เลยค่ะ ริชชี่พร้อมรับทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับพี่อิท”

“สวัสดีค่ะคุณเลขา หนูชื่อกิ่งแก้ว เรียกกิ่งก็ได้นะคะ มาฝึกงานตำแหน่งเลขาค่ะ หนูชื่นชมคุณมานานแล้ว พี่ชายของหนูเขาทำงานที่นี่ บอกว่าคุณเลขาโยจัดการงานได้เก่งมากๆ”

มีเสียงหัวเราะตามมา “ติดอ่างเหรอ พูดจาไม่มีความมั่นใจเลย เป็นเลขาต้องมีบุคลิกภาพที่ดีด้วย ไม่ใช่อมพะนำหดคออย่างกับอะไร ฉันว่านะเธอน่ะไปฝึกในห้องแล็ปกับคนอื่นๆ เถอะ ตำแหน่งนี้หน้าตาก็มีส่วน ยิ่งเซ่อซ่ายิ่งจะไปไม่รอด”

โต๊ะทำงานของโยษิตาไม่มีผนังกั้น ริชชี่ไม่ได้พูดเสียงดัง แต่คนที่อยากรู้อยากเห็นมองมาแล้วก็พอจะเดาได้ว่าต้องมีบางอย่างน่าสนใจแน่นอน เด็กขี้อายคนหนึ่ง กับนางฟ้าผู้มีความมั่นใจ จะว่าไปก็คงเป็นเรื่องน่าเห็นใจอยู่หากว่าฝึกงานตำแหน่งเดียวกันแล้วตนด้อยกว่าอีกฝ่ายมาก

“ค่อยๆ ปรับกันไป ไม่จำเป็นต้องรีบ” โยษิตาไม่สนใจถ้อยคำของคุณหนูบ้านรวยคนนี้ เพียงกล่าวให้กำลังใจกิ่งแก้ว ไม่คาดจะโดนเด็กฝึกงานสาวกระแนะกระแหน

“คิกๆ ค่อยปรับนี่ใช้เวลานานเหมือนคุณเลขาไหมคะ พอดีริชชี่ไปดูรูปเก่าๆมา สามปีเป็นยังไง ตอนนี้คุณเลขาก็…” หล่อนมองประเมินอีกรอบ ที่อมยิ้มก่อนหน้านั้นเป็นเพราะโยษิตาเฉิ่มเชยสุดๆ ไม่ใช่คู่แข่งของเธอสักนิด “ยังเหมือนเดิม”

“น้องมองว่าพี่แต่งตัวเหมือนเดิมก็เหมือนเดิม ตำแหน่งของพี่อยู่อย่างนี้มาได้สามปีเต็มแล้ว เลขาคนอื่นก่อนหน้าสวยกว่าพี่ แต่งตัวเก่งกว่าพี่ แต่ไม่มีใครฉลาดพูดสักคน เลยมายืนอยู่ตำแหน่งนี้ไม่ได้ ถ้าน้องคลางแคลงในความสามารถของพี่ล่ะก็ ไม่ลองพิสูจน์ให้ดูหน่อยว่าบุคลิกภาพดีแต่เป็นพวกพูดไม่ค่อยคิดจะส่งผลต่ออาชีพยังไง”

“อุ๊บ! แค่กๆ” กิ่งแก้วยืนอยู่ข้างๆ สำลักน้ำลายยกใหญ่ มาวันแรกก็ทำให้พี่ที่ดูแลการฝึกงานไม่ชอบซะแล้ว

ริชชี่ปากกระตุก อยากจะกัดโยษิตาสักคำแต่โมโหจนคิดไม่ออกไปชั่วขณะจึงได้แต่ถลึงตา “คุณป้าให้เธอดูแลฉัน เธอมีสิทธิ์พูดจาแบบนี้กับคนของเจ้านายเหรอ ฉันจะบอกให้เอาบุญไว้นะ คุณป้าเอ็นดูฉันมาก ที่ให้มาฝึกงานก็เพราะอยากให้ฉันได้อยู่ใกล้ชิดกับพี่อิท อยากได้ฉันไปเป็นลูกสะใภ้ ตัวเธอเป็นแค่เลขากระจอก ทีหลังอย่าได้บังอาจมาพูดจาแบบนี้อีก”

“ไปเอาเอกสารโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทกับแผนกบุคคล อาทิตย์นี้อ่านให้จบ ถ้าถามแล้วตอบไม่ได้จะหักคะแนน”

“นี่!...ไม่ได้ยินเหรอ” ริชชี่แว้ดเสียงเขียว

“ไปเถอะริชชี่ ถ้าโดนหักคะแนนจะฝึกงานไม่ผ่านนะ” กิ่งแก้วพยายามคลี่คลายความตึงเครียด

แต่ริชชี่กลับเปลี่ยนมาเหลือกตาใส่เธอแทน “เรามันคนละชั้น ฉันไม่มีวันทำตามคำสั่งยัยนี่หรอก”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel