EP 8 : บีบบังคับ
พิษร้ายพ่ายรักมาเฟีย : ตอนที่ 8
คำพูดของเขาทำให้ฉันชะงักไป สีหน้าและแววตาของชายหนุ่มทำเอาฉันเสียวสันหลัง ถ้าฉันโมโหใส่เขาเหมือนตอนที่อยู่ร้านอาหารอีก สถานการณ์ก็คงแย่ไม่ต่างจากเดิม ฉันสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่พยายามควบคุมสติตัวเอง
“ขอโทษที่ทำให้คุณต้องเสียเวลามาวันนี้ แต่ฉันขอยกเลิกข้อเสนอของบริษัทคุณ เชิญคุณไปหาคนอื่นที่เหมาะกว่าฉันเถอะค่ะ นักศึกษาหลายคนอยากเข้าไปทำงานที่บริษัทคุณกันทั้งนั้น จะว่าฉันเป็นคนกลับกลอกหรือจะว่าฉันเป็นเด็กไม่มีความรับผิดชอบก็ได้ค่ะ อันนี้ฉันพูดในฐานะนักศึกษา”
“และอีกเรื่องที่คุณไม่พอใจฉันตอนอยู่ร้านอาหาร ฉันขอโทษที่ทำให้คุณไม่พอใจ ต่อไปฉันจะปรับปรุงตัว ต่อให้ไม่ใช่หน้าที่ฉัน แต่ฉันต้องศึกษาเรียนรู้อาหารในร้าน รบกวนทำชื่อเสียงร้านเราให้เป็นเหมือนเดิมด้วยค่ะ เพราะเรื่องนี้ฉันผิดแค่คนเดียวคุณไม่ควรเหมารวมทุกคน ทุกคนกำลังลำบากจริงๆ อันนี้ฉันพูดในฐานะพนักงานของร้านอาหาร”
แปะ แปะ แปะ......
ชาร์ลปรบมือเสียงดังก้องไปทั่วห้องเมื่อเด็กสาวพูดจบ ริมฝีปากหนายกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ และลุกขึ้นเดินไปหาคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ไม่ไกล
ตึก ตึก ตึก
“ละครบทนี้มันดีมากเลยนะ" ชาร์ลเดินอย่างช้าๆเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก การกระทำของเขาทำให้เด็กสาวถอยหลังตาม สีหน้าและแววตาของเธอกำลังบ่งบอกถึงความไม่ไว้ใจออกมาอย่างเปิดเผย
"แต่เผอิญฉันไม่ใช่พระเอก ไม่จำเป็นต้องเห็นใจนางเอกอย่างเธอ" เท้าแกร่งสาวเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าทำท่าจะหนีออกจากห้อง
ตึก ตึก ตึก ....
หมับ
ปึก
"อื้อ...ปล่อยนะ" ฝ่ามือหนาบีบเข้าที่ลำคอระหงด้วยความเร็วและดันตัวฉันติดกับกำแพงห้องอย่างแรง แรงที่เขากระทำราวกับไม่เห็นว่าฉันเป็นคน ฉันพยายามแกะฝ่ามือหนาออกจากลำคอตัวเองแต่กลับไม่เป็นผลเหมือนฉันยิ่งดิ้นเขายิ่งเพิ่มแรงมากขึ้นกว่าเดิม สายตาคมคู่นั้นราวกับซาตาน ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขากำลังคิดจะทำอะไร ทุกอย่างมันดูไร้ความรู้สึกแม้แต่หน้าตาของเขา "คะ คุณชาร์ล อึก"
"หึ สายตาเธอกำลังกลัวฉันบีบคอเธอตายตรงนี้นะอลินดา"
"ปะ ปล่อย อื้อ.. แค่กๆ"
"ฉันมาวันนี้ไม่ได้มาฟังเธอพูดพร่ำ ฉันมาวันนี้แค่บอกให้เธอทำตามคำสั่งฉันเท่านั้น เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะปฏิเสธฉันแม้แต่คำเดียว”
“ฉัน…ไม่มีทาง…ทำตาม…คำสั่ง…คุณ!” ใบหน้าหวานแดงก่ำเมื่อเขาเพิ่มแรงบีบขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจเริ่มติดๆขัดๆ
“แน่ใจแล้วที่พูดคำนี้”
“….อึก….อื้อ ฉัน…หายใจ…ไม่ออก”
“ไหนๆก็จะตายแล้ว ลองนึกถึงหน้าพ่อแม่เธอดูสิ ตอนนี้จะทำอะไรอยู่นะ อยู่บ้าน ทำงาน หรือ…นอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล”
“มะ หมาย…ความ…ว่าไง” ภาพของคนตรงหน้าเริ่มพร่ามัวลงไปทุกที สายตาของฉันริบหรี่ลงเรื่อยๆ แต่ยังได้ยินสิ่งที่เขาพูดออกมามันเกี่ยวกับพ่อแม่ของฉัน
“ในเมื่ออีกไม่ถึงห้านาทีเธอก็จะตายคามือฉัน ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกจริงไหม”
“อื้อ ออ…ขอร้อง…อย่า ทำอะไร พ่อแม่…ฉัน ยอม แล้ว ฉันยอม…อึก”
“หึ! มันเป็นภาพที่สวยงามซะเหลือเกิน” ชาร์ลหัวเราะในลำคอเบาๆ เมื่อเห็นคนตรงหน้าเริ่มตาเหลือก ใบหน้าจากแดงก่ำเริ่มซีดเผือดลงต่อหน้าต่อตา ลมหายใจรวยรินลงไปทุกที น้ำเสียงสั่นเครือเริ่มพูดไม่เป็นคำ
“อึก…คะ คุณ ชาร์ล…”
มือหนาค่อยๆคลายมือออกจากลำคอระหง เมื่อพอใจกับภาพตรงหน้าและได้คำตอบที่เขาต้องการ แค่เพียงเธอเป็นอิสระ เด็กสาวตัวเล็กก็ร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง สายตาคมปรายตามองเธอเพียงนิด
แค่กๆ แค่กๆ…
ลินรีบโกยอากาศเข้าปอดอย่างเร็ว มือบางลูบลำคอของตัวเองไปพลางๆ แรงบีบรัดทำให้เธอรู้สึกปวดร้าว
“อย่าริอาจมาสอนฉันอีก คนอย่างฉันสามารถฆ่าเธอได้โดยไม่รู้สึกอะไร เธอไม่มีสิทธิ์กลับไปทำร้านอาหารนั้นอีก เพราะตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเธอต้องไปทำงานที่บริษัทฉัน”
“แต่ฉันยังเรียนไม่จบ” เมื่อเริ่มปรับร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ ฉันเลยเงยหน้าตอบกลับคนตัวสูงที่ยืนอยู่ไปตามความจริง
“ถ้าฉันสั่งนั่นคือเธอต้องทำ!”
“แล้วเรื่องพ่อแม่ฉันคุณหมายความว่าไง” ฉันอยากรู้ว่าประโยคสุดท้ายที่เขาพูดมันคืออะไรกันแน่ ทั้งๆที่ฉันพึ่งโทรศัพท์คุยกับที่บ้านเมื่อวานนี้ ทั้งสองคนก็ยังมีน้ำเสียงที่ปกติดีทุกอย่าง
“ถ้าเธออยากรู้ พรุ่งนี้เธอมาถึงบริษัทฉันเมื่อไหร่เธอก็จะรู้เอง ส่วนเรื่องร้านอาหารนั่นก็อยู่ที่การกระทำของเธอ”
“ที่คุณทำกับฉันแบบนี้เพราะต้องการสั่งสอนที่วันนั้นฉันทำให้พวกคุณสองคนไม่พอใจใช่ไหม”
“มันคงไม่ยากสำหรับเธอกับการไปบริษัทฉันหรอกจริงไหม พรุ่งนี้แปดโมงเช้าฉันต้องเห็นเธออยู่ที่บริษัท” ชาร์ลไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่กลับออกคำสั่งให้เธอทำตามเขาแทน
“และถ้าปากสว่าง ศพเธอจะไม่สวยนะอลินดา อีกอย่างครอบครัวเธอก็อยู่ในกำมือฉันเหมือนกัน”
“…..” ดวงตากลมโตมองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าแววตาวูบไหวเมื่อเขาพูดถึงครอบครัว แววตาและน้ำเสียงของเขามันบ่งบอกว่าเขาไม่ได้พูดเล่น
ก๊อก ก๊อก…
พรึบ
ไวกว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาใหม่ก็ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ฉันนี่แหละ เขาดึงตัวฉันขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างหน้าตาเฉย
“พอดีอาจารย์ลืมเอกสารสำคัญก็เลยต้องเข้ามาขัดจังหวะระหว่างสัมภาษณ์ มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าคะ ทำไมถึงมายืนกันตรงนี้ล่ะ ”
“ไม่มีอะไร เราคุยกันเสร็จพอดีครับ” ชาร์ลตอบกลับอาจารย์ด้วยน้ำเสียงปกติ ผิดกลับอีกคนที่มองตาขวางใส่เขาด้วยความไม่พอใจ
“แล้วสรุปว่าลูกศิษย์อาจารย์ยอมทำตามที่คุณชาร์ลเสนออาจารย์มาไหมคะ”
“ผมว่าถามเจ้าตัวเองดีกว่านะครับ”
“เอ่อ…ถ้าเรื่องให้ทำงานก่อนเรียนจบก็ตามที่คุณชาร์ลต้องการค่ะ หนูคงปฏิเสธเจ้านายไม่ได้" ฉันกัดฟันพูดด้วยความไม่เต็มใจ เพราะถูกสายตาคู่นั้นจับจ้องไม่วางตา
"ข่าวดีเราต้องประกาศลงเว็บของมหาวิทยาลัย บริษัทของคุณชาร์ลไม่มีใครจะเข้าได้ง่ายๆนะอลินดา เราโชคดีมากเลยนะ"
"ค่ะ" ฉันอยากจะบอกอาจารย์ไปตรงๆว่าโชคร้ายมากกว่า แต่ทำได้แค่เพียงพยักหน้าเนืองๆอย่างไม่เต็มใจ
"แล้วนี่คุณชาร์ลจะกลับเลยหรือเปล่าคะ เดี๋ยวอาจารย์เดินไปส่งที่รถ"
"ไม่เป็นไรครับ เชิญอาจารย์กับลูกศิษย์ตามสบาย ผมขอตัวกลับก่อน" ชาร์ลพูดด้วยบุคลิกเรียบนิ่ง ไม่ได้ใช้น้ำเสียงเหมือนก่อนหน้านี้ แสดงออกถึงความสุขุมนุ่มลึกตามแบบฉบับนักธุรกิจ
ฉันได้แต่ตกตะลึงกับคำพูดและการแสดงท่าทางของเขา ก่อนหน้านี้อย่างกลับอสุรกายพร้อมที่จะฆ่าฉันได้ด้วยมือเปล่า แต่นี่ราวกับเทพบุตรใจบุญ ถึงว่าอาจารย์ฉันถึงได้ชอบนักชอบหนา
"งั้นหนูขอตัวกลับเหมือนกันนะคะ สวัสดีค่ะ" หลังจากที่อสุรกายตนนั้นเดินออกไปแล้ว ฉันก็ได้บอกลาอาจารย์กลับบ้าง
แกร่ก
เมื่อฉันแง้มประตูห้องพักอาจารย์ออก สายตาก็สำรวจซ้ายขวาทันทีกลัวว่าเขาจะยืนรออยู่ข้างนอก แต่ทุกอย่างกลับเงียบสงบ ไม่มีแม้แต่ชายฉกรรจ์ชุดดำยืนอยู่ก่อนหน้านี้แม้แต่คนเดียว
"ถ้าเอะใจคนพวกนั้นตั้งแต่แรกฉันคงไม่ต้องเดินเข้าไปเจอคุณในห้อง ให้คุณบีบบังคับฉันหรอก"
--//--//--//--//--//--
"ลินทางนี้"
แค่เพียงฉันลงลิฟต์มาก็ได้ยินเสียงเรียกของเพื่อนสนิททันที ใบหน้าหวานจากบึ้งตึงก็แปลเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบางๆส่งกลับไปหาทิวา
"เป็นไงบ้างได้ไปยื่นใบสมัครบริษัทไหนไว้บ้างไหม"
"ลองยื่นลองคุยหลายที่แล้ว จนไม่รู้จะทำอะไรเลยมารอลินหน้าลิฟต์นี่แหละ แต่ลินน่าจะลงมาเร็วกว่านี้หน่อยจะได้เจอของดี"
"ของดี?" ฉันเอียงคอถามเพื่อนสาวคนสนิทด้วยความสงสัย
"เทพบุตรมาจุติที่มหาวิทยาลัยของเรา คนอะไรทั้งหล่อทั้งเข้ม ดูท่าทางคงรวยไม่เบา แถมมีบอดี้การ์ดเดินตาม นี่สิที่เรียกว่าทรงอย่างแบดของจริง" ทิวาทำสีหน้าราวกับเพ้อฝันเมื่อนึกถึงบุคคลที่เธอเห็นก่อนหน้านี้
"เทพบุตรของทิวาใส่ชุดอะไร"
"ใส่ชุดสูทอย่างเนี๊ยบเลยนะ น่าจะแบรนด์เนมทั้งตัว รองเท้าหนังเงาวับอย่างกับกระจก ใบหน้านั้นมันเทพบุตรจริงๆนะลิน ส่วนสูงอย่างกับนายแบบไม่ร้อยแปดสิบก็ร้อยเก้าสิบ เราอยากให้ลินเห็นผู้ชายคนนั้นจริงๆ"
"เห๊อะ!" ฉันถึงกับแค้นหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อได้ฟังเพื่อนสาวคนสนิทอธิบายถึงผู้ชายคนนั้น
"ลินไม่เชื่อเราเหรอ เราพูดจริงๆนะ"
"เปล่าหรอก บางทีสิ่งที่เราเห็นอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้นะ บางทีคนนั้นอาจจะมีดีแค่หน้าตาแต่นิสัยแย่อย่างกับซาตานก็ได้ใครจะรู้ อย่าไปหลงเสน่ห์เลยเปลืองสมองเปล่า"
"วันนี้ลินดูพูดแปลกๆ เหมือนกับเคยเจอผู้ชายเทพบุตรคนนั้นเลย"
ฉันได้แต่ยิ้มให้กับทิวา ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น ฉันรู้และฉันก็เจอนิสัยแย่ๆของเขามาทั้งหมดแล้วนะสิ ต่อให้เอาคนทั้งโลกมาบอกว่าเขาเป็นคนดีฉันก็ไม่มีทางเชื่อ เพราะคอของฉันยังปวดกับการกระทำที่แสนป่าเถื่อนของเขาอยู่เลย ยิ่งนึกถึงนัยส์ตาคู่นั้นทำเอาขนลุกซู่