หลุมพรางมาเฟีย

491.0K · จบแล้ว
โซลสตาร์ Seoul Star
192
บท
248.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

"ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารนะคะ" รอยยิ้มบางๆฉายขึ้นบนใบหน้าหวานพยายามแสดงความเป็นมิตรให้กับแขกเหมือนทุกครั้งที่ฉันทำ ฉันค่อยๆหยิบอาหารออกจากรถเข็นและจัดวางไว้ตรงหน้าของทั้งสองคนด้วยท่าทางอ่อนน้อมและระมัดระวังมากที่สุด ทุกการกระทำของฉันถูกสายตาคมกริบจ้องมองอยู่ตลอดเวลา ถึงจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองแต่ก็รับรู้ได้ว่ามีคนกำลังจ้องอยู่ ส่วนหญิงสาวชุดแดงเพลิงก็มองมาที่ฉันด้วยสายตารังเกียจอย่างเปิดเผยตั้งแต่ฉันเดินเข้ามา "อ๊ะ" ลินร้องเสียงหลงเมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้ๆกับหญิงสาวชุดแดง แต่แล้วเท้าของผู้หญิงคนนั้นที่สวมใส่รองเท้าส้นเข็มก็เหยียบและบดขยี้ปลายเท้าของเธออย่างแรง "เป็นอะไรจ๊ะ" โซเฟียถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แต่สีหน้าเธอกำลังเยาะเย้ยอย่างเปิดเผย "เปล่าค่ะ" และนี่คือคำตอบของหน้าที่ลูกจ้างอย่างฉัน ต้องจำยอมลูกค้าที่ดุจดั่งพระเจ้า แต่ถ้าฉันไม่ได้อยู่ในหน้าที่ก็ไม่ยอมเหมือนกัน ฉันไม่ใช่คนที่จะเสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียว "ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมกดกริ่งบนโต๊ะเรียกพนักงานได้นะคะ" ฉันพูดหลังจากวางอาหารจานสุดท้ายลง และโค้งคำนับอย่างเช่นทุกครั้งที่ทำตามแบบฉบับของร้านอาหารแห่งนี้ "เธอควรแจ้งวัตถุดิบของอาหารในตอนที่เสิร์ฟฉัน" น้ำเสียงเข้มพูดขึ้นในตอนที่หญิงสาวกำลังจะหมุนตัวเดินออกไป "ชาร์ลคะเสียบรรยากาศเปล่าๆ มันจะพานทำให้อาหารเสียรสชาตินะคะ" "เธอไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอไง" คิ้วหนาเลิกขึ้น เมื่อเห็นว่าเด็กสาวกำลังจะก้าวเดินออกไป สายตาคมกริบยังคงจับจ้องที่ผู้หญิงตัวเล็กไม่วางตา "ขอโทษค่ะ ดิฉันจะให้เชฟมาอธิบายให้คุณฟังนะคะ ฉันเป็นแค่เด็กเสิร์ฟเรื่องรายละเอียดของอาหารคงบอกคุณไม่ได้" เคล้ง… ครืด.... ชาร์ลโยนช้อนให้กระทบกับจานเสียงดัง และเลื่อนเก้าอี้ออกก่อนจะลุกขึ้นอย่างไม่พอใจ "กลับ!" "ชาร์ลคะ แต่เรายังไม่ได้ทานเลยนะคะ" "เธอควรดีใจนะโซเฟีย ที่เด็กคนนี้จะรับผิดชอบค่าเสียหายทุกอย่างในวันนี้" ใบหน้าคมคายหันไปพูดคุยกับหญิงสาวข้างกาย แต่คำพูดของเขาก็ทำให้เด็กสาวอีกคนได้ยิน ------------------------- "อื้อ...ปล่อยนะ" ฝ่ามือหนาบีบเข้าที่ลำคอระหงด้วยความเร็วและดันตัวฉันติดกับกำแพงห้องอย่างแรง แรงที่เขากระทำราวกับไม่เห็นว่าฉันเป็นคน ฉันพยายามแกะฝ่ามือหนาออกจากลำคอตัวเองแต่กลับไม่เป็นผลเหมือนฉันยิ่งดิ้นเขายิ่งเพิ่มแรงมากขึ้นกว่าเดิม สายตาคมคู่นั้นราวกับซาตาน ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขากำลังคิดจะทำอะไร ทุกอย่างมันดูไร้ความรู้สึกแม้แต่หน้าตาของเขา "คะ คุณชาร์ล อึก" "หึ สายตาเธอกำลังกลัวฉันบีบคอเธอตายตรงนี้นะอลินดา" "ปะ ปล่อย อื้อ.. แค่กๆ" "ฉันมาวันนี้ไม่ได้มาฟังเธอพูดพร่ำ ฉันมาวันนี้แค่บอกให้เธอทำตามคำสั่งฉันเท่านั้น เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะปฏิเสธฉันแม้แต่คำเดียว” “ฉัน…ไม่มีทาง…ทำตาม…คำสั่ง…คุณ!” ใบหน้าหวานแดงก่ำเมื่อเขาเพิ่มแรงบีบขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจเริ่มติดๆขัดๆ “แน่ใจแล้วที่พูดคำนี้” “….อึก….อื้อ ฉัน…หายใจ…ไม่ออก” “ไหนๆก็จะตายแล้ว ลองนึกถึงหน้าพ่อแม่เธอดูสิ ตอนนี้จะทำอะไรอยู่นะ อยู่บ้าน ทำงาน หรือ…นอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล” “มะ หมาย…ความ…ว่าไง” ภาพของคนตรงหน้าเริ่มพร่ามัวลงไปทุกที สายตาของฉันริบหรี่ลงเรื่อยๆ แต่ยังได้ยินสิ่งที่เขาพูดออกมามันเกี่ยวกับพ่อแม่ของฉัน “ในเมื่ออีกไม่ถึงห้านาทีเธอก็จะตายคามือฉัน ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกจริงไหม” “อื้อ ออ…ขอร้อง…อย่า ทำอะไร พ่อแม่…ฉัน ยอม แล้ว ฉันยอม…อึก” “หึ! มันเป็นภาพที่สวยงามซะเหลือเกิน” ชาร์ลหัวเราะในลำคอเบาๆ เมื่อเห็นคนตรงหน้าเริ่มตาเหลือก ใบหน้าจากแดงก่ำเริ่มซีดเผือดลงต่อหน้าต่อตา ลมหายใจรวยรินลงไปทุกที น้ำเสียงสั่นเครือเริ่มพูดไม่เป็นคำ “อึก…คะ คุณ ชาร์ล…” มือหนาค่อยๆคลายมือออกจากลำคอระหง เมื่อพอใจกับภาพตรงหน้าและได้คำตอบที่เขาต้องการ แค่เพียงเธอเป็นอิสระ เด็กสาวตัวเล็กก็ร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง สายตาคมปรายตามองเธอเพียงนิด แค่กๆ แค่กๆ… ลินรีบโกยอากาศเข้าปอดอย่างเร็ว มือบางลูบลำคอของตัวเองไปพลางๆ แรงบีบรัดทำให้เธอรู้สึกปวดร้าว “อย่าริอาจมาสอนฉันอีก คนอย่างฉันสามารถฆ่าเธอได้โดยไม่รู้สึกอะไร เธอไม่มีสิทธิ์กลับไปทำร้านอาหารนั้นอีก เพราะตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเธอต้องไปทำงานที่บริษัทฉัน”

นิยายรักโรแมนติกมาเฟียโรแมนติกนักศึกษาโรงแรม/มหาลัยเลือดร้อนรักหวานๆนิยายรักนิยายปัจจุบัน

บทนำ

พิษร้ายพ่ายรักมาเฟีย : บทนำ

ตับ ตับ ตับ

"โอมายกอด...ฟัค! อ๊าาย โอ้วว กระแทกแรงๆเลยค่ะ เสียวจนจะแตกแล้ว อ๊างง อ่า"

"หึ!...ผู้หญิงร่าน!" น้ำเสียงเรียบพูดขึ้นเบาๆ สายตาคมมองผู้หญิงตรงหน้ากำลังบีบเคล้นหน้าอกขนาดใหญ่ที่ผ่านการยัดซิลิโคนมาแล้วด้วยความเย็นชา

ตับ ตับ ตับ

สะโพกสอบอัดกระแทกใส่ร่องสวาทไร้ซึ่งความกระชับบ่งบอกว่าเธอผ่านผู้ชายมานักต่อนัก สาวสวยนอนอ้าขาให้กระแทกอย่างเต็มใจ จังหวะกระแทกที่ดุเดือดดังก้องมาราวๆสองชั่วโมงแล้ว ชายหนุ่มใบหน้าคมคายที่สาวๆอยากสัมผัสรสสวาทบนเตียงของเขากันทั้งนั้น เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายเอาดุ เอามัน และกระเป๋าหนัก

ปึก ปึก ปึก

"ลูน่าเสียว อ๊าา เสียวมากค่ะ โอมายกอด..."

"ซี๊ดด อ่าาส์" เสียงทุ้มต่ำดังในลำคอเบาๆ ร่างแกร่งกระตุกสองสามทีเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง น้ำรักสีขาวขุ่นพวยพุ่งใส่เครื่องป้องกันแบรนด์ดังที่มีเฉพาะไซส์พิเศษเท่านั้น ร่างสูงถอนแกนกายออกจากหญิงสาวที่นอนแหกขาอยู่บนเตียงอย่างไม่สนใจ ก่อนจะดึงเครื่องป้องกันออกจากท่อนเอ็นขนาดใหญ่และจัดการเช็ดท่อนเอ็นลวกๆ

"คุณชาร์ลจะกลับแล้วเหรอคะ" หญิงสาวเดินเปลือยกายมาหาชายหนุ่มด้วยท่าทางยั่วยวน เธอยังติดใจในลีลาของเขาไม่น้อย ถึงช่วงล่างจะระบม แต่ลีลาที่เขากระแทกใส่เธอมันชั่งถึงใจซะเหลือเกิน

"เป็นเมียฉันตั้งแต่เมื่อไหร่" คิ้วหนาเลิกขึ้น พลางหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่

"เมื่อไหร่คุณชาร์ลจะมาหาลู่น่าอีกคะ"

"ฉันไม่ชอบเอาซ้ำ เธอน่าจะจำไว้นะ พรุ่งนี้เงินค่าตัวเธอหนึ่งแสนบาทจะเข้าบัญชี หวังว่าจะเข้าใจว่าฉันไม่ชอบพวกปากสว่าง" สายตาคมปรายตามองหญิงสาวที่เขาพึ่งเอาเสร็จอย่างไร้เยื่อใย

"ไม่ชอบเอาซ้ำ แต่ก็มาหาลู่น่าสองครั้งแล้วนะคะ ให้ลูน่าทำให้คุณอารมณ์ดีอีกสักรอบเถอะนะคะ"

"....." ชาร์ลนิ่งเงียบเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแบรนด์ดังออกทีละเม็ด สายตายั่วยวนกำลังบอกว่าเธอต้องการมัน ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มมุมปาก

"ลูน่าจะทำให้คุณผ่อนคลาย ตอบแทนที่คุณเรียกใช้บริการลู่น่าถึงสองครั้งสองครา"

"จะให้ฉันเอาฟรี?"

"ค่ะ" ริมฝีปากอวบอิ่มฉีกยิ้มอย่างยั่วยวน มือของเธอลูบคลำที่เป้ากางเกงรับรู้ได้ทันทีว่ามันกำลังกลับมาก่อตัวอีกครั้ง

หมับ

"อื้อ...เจ็บนะคะ”

"คนอย่างฉันเอาคือเอา ถ้าฉันเบื่อคือจบ!" ผลัก!

มือหนาบีบเข้าปลายคางของหญิงสาวอย่างแรงจนหญิงสาวเบ้หน้ากับความเจ็บก่อนจะสะบัดออกด้วยความไม่พอใจ

"ฉันซ้ำเธอสองรอบอย่าคิดว่าฉันพิศวาสเธอ อะไรที่ฉันไม่ต้องการก็ไม่ต่างจากเศษขยะ!"

ปัง!

“ถึงปากจะร้าย แต่เงินหนักก็ยอม ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่คุณมีอะไรกับลูน่า แต่คุณไม่เคยปรนเปรอ ไม่แม้แต่จูบแลกน้ำลาย” ริมฝีปากอวบอิ่มพูดขึ้นหลังจากชายหนุ่มเดินออกจากห้องไปแล้ว ทุกคนรู้ดีว่าถ้ามีอะไรกับผู้ชายที่ชื่อชาร์ลเขาจะไม่ปรนเปรอด้วยปาก เขาแค่ต้องการสำเร็จความใคร่ของตัวเองเท่านั้น ไม่มีใครกล้าเรียกร้องให้เขาทำเพราะมันคือข้อตกลงตั้งแต่แรก

ชายหนุ่มเดินออกจากห้องนั้นด้วยท่าทางสุขุม ใบหน้าคมคายไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม นัยส์ตาคู่นั้นไร้ซึ่งความรู้สึก ไม่ได้รู้สึกพอใจกับสิ่งที่ตัวเองทำก่อนหน้านี้

ลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องสองคนเดินตามหลังมาเฟียหนุ่ม ไม่มีท่าทีตื่นตกใจกับเสียงครวญครางที่ได้ยินก่อนหน้านี้แม้แต่นิดเดียว แค่เพียงเดินออกจากโรงแรม รถยนต์คันหรูก็จอดรอรับอยู่ก่อนแล้ว ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องปกติของลูกน้องทุกคน

@มหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่ง

8.00 PM (สองทุ่ม)

"เลิกเรียนแล้วแวะไปถนนคนเดินหลังมหาวิทยาลัยไหม"

"เราอยากกลับเลย พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าทำงานอีก" อลินดาก้มมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือก่อนจะตอบเพื่อนสาวที่เรียนอยู่ด้วยกันหลังจากเก็บของลงกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว สาวสวยใบหน้าหวานกำลังฉีกยิ้มส่งให้กับเพื่อนสาวอย่างเป็นมิตร ร่างอรชรแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาถูกระเบียบตามแบบฉบับมหาวิทยาลัย ถึงแม้จะเรียนภาคค่ำไม่จำเป็นต้องใส่ชุดนักศึกษา แต่เธออยากใส่มัน เพราะจบไปแล้วคงไม่มีโอกาสได้ใส่ชุดแบบนี้อีก

ทิวาคือเพื่อนคนเดียวที่ฉันมีระหว่างเรียนตั้งแต่ปีหนึ่งยันตอนนี้ปีสุดท้าย อย่างว่าคนที่เรียนรอบค่ำส่วนใหญ่จะทำงานกันทั้งนั้น พอถึงเวลาเรียนก็ต่างคนต่างเรียน ไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมร่วมกันเหมือนภาคปกติ การที่ฉันได้สนิทกับทิวาก็เพราะตอนปีหนึ่งอาจารย์ให้จับคู่ทำงานร่วมกัน ฉันกับทิวาเลยได้คู่กันและตั้งแต่นั้นมาก็กลายเป็นเพื่อนสนิทจนถึงทุกวันนี้

และที่ฉันปฏิเสธเพื่อนสนิทไม่ใช่ไม่อยากไปเดินเที่ยว แต่ด้วยค่าใช้จ่ายที่ต้องประหยัด และเวลาที่จำกัดทำให้ฉันไม่ค่อยปลีกตัวไปไหน นอกจากมุ่งตรงกลับห้องพักตัวเอง อีกอย่างคนที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เวลาพักที่ดีที่สุดคือการนอน

"ปฏิเสธกันอีกแล้วนะ เราก็อยากไปเดินเล่นกับลินบ้าง"

"งั้นเอาไว้อาทิตย์หน้าไหม ช่วงนี้งานที่ร้านก็หนัก เรียนก็หนักด้วย อีกอย่าง....อาทิตย์หน้าเงินเดือนเราออก"

"ไม่ต้องรอเงินออก วันนี้เราเลี้ยงเอง ลินอยากกินอะไรสั่งได้เต็มที่" ทิวาไปคล้องแขนลินไว้ ราวกับยื้อไม่ให้กลับ เธอรู้ว่าฐานะบ้านของลินยากจน และที่ปฏิเสธหลายต่อหลายครั้งเพราะอยากเก็บเงิน ตั้งแต่เรียนด้วยกันมาเธอยังไม่เคยเห็นลินซื้ออะไรมากินระหว่างรอเรียนเลย ให้เหตุผลแค่ว่ากินอิ่มแล้ว กินจากร้านอาหารที่ตัวเองทำมาแล้วบ้าง

"ทิวาคือเรา….." ฉันทำหน้ากระอักกระอ่วนเกรงใจเพื่อน

"ไม่ต้องเกรงใจเรา ไปกัน..."

สุดท้ายฉันก็ต้องตามเพื่อนสาวคนสนิทไป เพราะเธอเกี่ยวแขนฉันไว้ไม่ยอมปล่อย

แค่เพียงเดินมาหลังมหาวิทยาลัยตัวเองก็เจอกับร้านค้าที่ตั้งเรียงรายและผู้คนมากมายกำลังจับจ่ายใช้สอย ดวงตากลมโตถึงกับลุกวาวเพราะมันนานมากแล้วที่ฉันไม่ได้เปิดหูเปิดตาแบบนี้ ความทรงจำล่าสุดคืองานวัดแถวบ้านที่ต่างจังหวัดในตอนที่ฉันอยู่ช่วงมัธยม และหลังจากที่มาอยู่กรุงเทพก็ไม่เคยไปไหน ของกินของใช้ทุกอย่างมันดูแพงสำหรับตัวเองไปซะทุกอย่าง

“ทิวาทำไมมีแต่คนมองเราสองคน” ฉันพูดพลางกระตุกแขนเพื่อนสาว เพราะตลอดทางที่เดินมามีแต่คนมอง จนฉันรู้สึกถึงความผิดปกติ

“เขาไม่ได้มองเราสองคนหรอก…แต่เขามองลินนั่นแหละ”

“มองเรานะเหรอ” นิ้วเรียวยาวที่เข้าหาตัวเอง คิ้วทั้งสองข้างขมวดเป็นปม เมื่อเพื่อนสาวคนสนิทตอบกลับแบบยิ้มๆ

“ลินสวยอย่างกับบาร์บี้เลย ปากนิด จมูกหน่อย ผิวข๊าวขาว ถ้าไม่บอกว่าเป็นเด็กต่างจังหวัดยังคิดว่าเป็นถึงลูกคุณหนู”

“ไปกันใหญ่แล้ว”

“จริงๆนะ เพื่อนๆในห้องก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน”

“…..” คำพูดของทิวาทำฉันเถียงไม่ออก ไม่ใช่หลงคำพูดของคนอื่นหรอกนะ แต่มันคือเรื่องจริง เพื่อนคนอื่นในห้องไม่มีใครเรียกชื่อฉันจริงๆสักคน เรียกแต่บาร์บี้มาตั้งแต่แรก จนชื่อนี้เหมือนเป็นชื่อเล่นของฉันอีกชื่อไปแล้ว