ตัดวายุคลั่ง
"อย่าดูถูกข้า'' นางตอบกลับข้ามาก่อนจะชักกระบี่ของนางเเละเริ่มสู้กับข้าในทันที
‘ก็…สมควรเเล้วที่เป็นถึงลูกสาวของกระบี่นภา’ ข้าคิดในใจระหว่างรับการโจมตีจากนาง
‘มันเเข็งเเกร่งมาก!’
‘เเต่ถึงยังไงข้าก็จะต้องช่วยเหลือหลินเฟยเฟิ่งให้ได้’ หลิ่งจีคิดในใจเช่นกัน
วูมม ฟิ้วๆๆ
คลื่นลมพายุได้ก่อตัวขึ้น เเม่ทัพหลิ่งจิงถึงกับชะงัก เเละทำให้เขาเริ่มสังเกตท่าทางของหญิงสาวคนนี้ เพราะหากเป็นหญิงเเล้วคนที่มีสายลมอันเเข็งเเกร่งหนึ่งในนั้นจะต้องเป็นหลิ่งจีลูกสาวของตน
‘เช่นนั้นเเล้ว…ข้าก็ไม่มีทางเลือก’ ข้าคิดในใจในเมื่อนางพยายามจะล้มข้าให้ได้ ข้าจึงใช้ทักษะของข้าโจมตีนาง ด้วยคลื่นกระบี่อีกครั้งเเต่ในครั้งนี้ข้าไม่ยั้งมือ ลมที่มาจากกระบี่ไม้ของข้านั้นคมกริบ มันไปตัดผ้าปิดหน้าของนางออกทำให้หลิ่งกวางตาโตทันที
"หลิ่งจี!'' หลิ่งกวางทุบโต๊ะด้วยความโมโห
"นั่นมันลูกสาวของเจ้ามิใช่รึ?'' เซียนหอกกล่าวถามเมื่อได้เห็นหน้าตาของหญิงสาวที่กำลังสู้กับหญิงสาวอีกคนอยู่
"ข้าไม่เกรงใจล่ะนะ'' ข้ากล่าวออกไปซึ่งทำให้นางรู้สึกกลัวต่อเเรงกดดันของข้า ข้าค่อยๆปล่อยเเรงกดดันจิตดาบของข้าออกมาจนหลิ่งกวางเริ่มสัมผัสได้ว่าข้ากำลังจะเอาจริง เเละลูกสาวของเขากำลังจะบาดเจ็บ
"เเรงกดดันของเเม่นางคนนั้นมันช่างรุนเเรงเสียจริง'' เซียนหอกกล่าว ซึ่งในตอนนี้สีหน้าของหลิ่งกวางกำลังลุ้นเป็นอย่างมาก ถ้าหากกำลังจะเกิดอันตรายกับหลิ่งจีจริงๆเขาจะลงไปช่วยอย่างไม่ต้องคิด
"ผ่าจันทรา!!!'' ข้าใส่ทั้งเเรงกดดันเเละกำลังกายไปเต็มที่เผื่อที่จะดูท่าทางของหลิ่งกวาง
‘ไม่นะ!!' หลินเฟยเฟิ่งเองก็ออกอากาศเป็นห่วงหลิ่งจี เพราะหลิ่งจีคือพี่หญิงที่ตนนับถือ
ฟึบๆ ฟิ้ว ฉับ!
ในขณะที่ดาบไม้ของข้ากำลังจะถึงดาบของนาง หลิ่งกวางได้เข้ามาขวางเเละตัดดาบไม้ของข้าทิ้งด้วยปราณไร้เทียมทานของเขา ซึ่งเขาก็ไม่ได้ทำอันตรายใดๆกับข้า
"การทดสอบสิ้นสุดเเล้ว!'' หลิ่งกวางประกาศออกมา
"เป็นลูกสาวของเเม่ทัพหลิ่งกวางจริงด้วย!'' ทำให้ผู้ชมต่างมั่นใจขึ้นไปอีก ซึ่งเหล่าผู้ชมส่วนใหญ่เเล้วจะเป็นทหาร ส่วนน้อยจะเป็นเหล่าขุนนางเเละจอมยุทธที่มีชื่อเสียง
“ไหนๆเจ้าก็ลงมาเเล้ว” ข้ากล่าวก่อนที่จะทิ้งกระบี่ไม้ของข้าออกไปเเละเรียกกระบี่ออกมาจากเเหวนมิติ
"ไม่เคยมีใครสอนมารยาทให้เเม่นางงั้นหรือ?'' เขากล่าวถามข้ากลับมาก่อนจะเดินไปส่งลูกสาวของเขา ซึ่งเเน่นอนว่าพ่อลูกคู่นี้จะต้องมีคุยกันหลังจากนี้เเน่นอน
"เขาเลือกเเม่ทัพหลิ่งกวางงั้นหรือ!?'' หลายคนตกใจมาก เพราะเเม่ทัพหลิ่งกวางนั้นเเข็งเเกร่งกว่าเเม่ทัพคนอื่นอยู่พอสมควร เเถมเขายังได้ชื่อว่าเป็นกระบี่นภาอีกด้วย
“ทักษะคลื่นดาบของเเม่นางช่างน่าสนใจยิ่งนัก”
"ขอให้ข้าได้เเสดงทักษะของข้าบ้าง'' เขากล่าวก่อนจะปลดอาภรณ์ออก ในตอนนี้เขาน่าจะรู้เเล้วว่าข้าไม่ธรรมดา ถ้าหากประมาทจะเป็นเขาเองที่ต้องเจ็บ
"เจ้านามว่าอะไร?'' ฮ่องเต้กล่าวถามข้าด้วยตนเอง เขาใช้ปราณในการเพิ่มเสียงของเขา
"ข้าน้อยมีนามว่าเล่อปิง'' ข้าตอบกลับไปในทันที
‘เล่อปิง?’ ทำให้หลินเฟยเฟิ่งสงสัยในชื่อของข้า
"งั้นหรือ…ขอให้เจ้าเเสดงทักษะออกมาอย่างสุดความสามารถ'' ฮ่องเต้กล่าวจบข้าก็ยืดเส้นยืดสายในทันที ทำให้ทั่วทั้งสนามคิดว่าข้าจะเอาจริงในครั้งนี้อย่างเเน่นอน
‘เห็นทีข้าคงต้องสอนมายาทให้กับนางสักหน่อยเเล้ว’ เเม่ทัพหลิ่งกวางคิดในใจ เมื่อข้าไม่ได้เเสดงความเคารพให้กับฮ่องเต้ เเต่ถึงยังไงข้าก็ต้องยอมรับในความสามารถของนาง
"เริ่มการประลองได้!'' เซียนหอกเป็นคนประกาศด้วยตัวเอง พร้อมกับเเม่ทัพหลิ่งกวางที่ส่งสัญญาณมือบอกให้ข้าเข้าไปปะทะกับเขา
"ผ่าจันทรา'' ข้าได้ใช้ทักษะอันเเข็งเเกร่งเหมือนครั้งก่อนหน้า ต่างเพียงกระบี่ที่เปลี่ยนเป็นกระบี่จริงมิใช่กระบี่ไม้
เคร้ง!! คลื่นนน
ข้าได้วาดดาบลงปะทะกับเขา ดาบของข้าปะทะกับดาบของเขา เขาพยายามใช้กำลังภายในระดับไร้เทียมทานรับการโจมตีของข้าในขณะที่ข้าใช้เพียงกำลังกายกับกำลังภายในเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลิ่งกวางตกใจเป็นอย่างมาก เพียงเเค่การโจมตีของหญิงสาวนางนึงเหตุใดจึงสามารถกดดันเขาได้ถึงเพียงนี้
"วายุคลั่ง!!'' หลิ่งกวางตวัดดาบผละออกจากข้าเเละปรากฏลมพายุขนาดยักษ์
"…'' ข้ายืนอย่างนิ่งเฉยเเละจ้องมองลมพายุนี้ พร้อมกับผ้าปิดปากของข้าได้ปลิวไป
"อันตราย!'' เซียนหอกตะโกนออกมา เพราะเขาไม่คิดว่าเเม่ทัพหลิ่งกวางจะใช้ทักษะระดับเทพสงครามออกมา ซึ่งทักษะนี้เป็นทักษะหรือกระบวนท่าที่สืบทอดกันมาในตระกูลหลิ่ง เป็นทักษะระดับต้นๆในทักษะระดับเทพสงคราม การทำลายล้างของมันรุนเเรงเป็นอย่างมาก
"ยังดีที่เขาไม่ใช้กระบี่เทพวายุ'' หลายคนกล่าว ซึ่งกระบี่เทพวายุนั้นก็คืออุปกรณ์ระดับสมบัติเทพ ที่มีเพียงชิ้นเดียวบนโลก เเละได้รับสืบทอดกันมาในตระกูล เป็นดาบวายุที่เเท้จริงมิใช่โลหะเเต่อย่างใด
(สามารถดูระดับอุปกรณ์,ระดับทักษะ,อื่นๆได้ที่ตอนข้อมูลเบื้องต้น)
"ตัด…วายุคลั่ง!'' ข้าวาดกระบี่ออกไปเป็นแนวนอน ปรากฏคลื่นดาบที่ออกไปจากกระบี่ของข้าเเละไปทำลายฐานของวายุคลั่ง ทำให้วายุคลั่งได้หายไป
"ก…เกิดอะไรขึ้น!?'' เหล่าผู้ชมพากันตกใจเป็นอย่างมาก ทักษะระดับเทพสงครามได้ถูกทำลายลงได้อย่างง่ายดาย? นี่มันอะไรกัน? เเม้เเต่ผู้ใช้ทักษะอย่างเเม่ทัพหลิ่งกวางเองก็ยังไม่สามารถทำลายเคล็ดวิชาเดียวกันได้
‘เจ้าใช้ปราณ…เจ้ามีปราณระดับสูงกว่าข้าถึงสองระดับ’
‘เเต่ข้ามีกำลังกายเพรียวๆที่สามารถกดดันเจ้าได้’ ข้าคิดในใจ คลื่นดาบของข้าเมื่อครู่มิได้ใช้ปราณหรือเคล็ดวิชามากมาย เพียงเเค่ข้าเคยวิเคราะห์ทักษะของเขาในเกมมาเเล้ว รวมถึงกายของข้าในตอนนี้ยังอยู่ในระดับร่างศักดิ์สิทธิ์ กำลังกายที่ข้าวาดดาบออกไปจึงก่อเกิดคลื่นดาบที่ทรงพลัง หรือถ้าพูดให้ถูกคือข้าใช้เพียงปราณเป็นเเรงเสริม เเรงหลักคือกำลังกายของข้า
"นางอยู่ในระดผู้ครอบครองจริงๆงั้นหรือ?'' หลายคนสงสัย ขั้นบ่มเพาะของนางอยู่เพียงระดับผู้ครอบครอง เเต่เหตุใดคลื่นดาบที่นางปล่อยออกมามันเหนือกว่าผู้ครอบครองเสียอีก
‘มันมิใช่กำลังภายใน…’ มีเพียงหลิ่งกวางที่รับรู้ เพราะเขาเป็นคนโดนทำลายทักษะเมื่อครู่นี่ไป
‘พละกำลังของนาง…’ หลิ่งกวางถึงกับหน้าซีด หญิงสาวบอบบางผู้นี้เหตุใดจึงมีกำลังกายที่เหนือมนุษย์กัน?
"ยอดเยี่ยมมาก'' ฮ่องเต้กล่าวชมนางออกมาอย่างพอใจ ขั้นบ่มเพาะเพียงผู้ครอบครองเเต่สามารถใช้วิชาดาบกดดันเเม่ทัพหลิ่งกวางที่เป็นถึงศิษย์หลักของนิกายกระบี่เทพได้ วิชาดาบของนางช่างลึกลับเเละทรงพลังยิ่งนัก!
"ข้าขอยอมรับ…เเม่นางช่างเเข็งเเกร่ง'' หลิ่งกวางเมื่อได้สติเขาคารวะให้กับข้า
"ข้าอยากเห็นทักษะกระบี่ของเเม่นาง…โปรดเเสดงให้ข้าได้เห็น!'' เขากล่าวอีกครั้งก่อนจะพุ่งมาหาข้า
เคร้งๆๆๆ
ข้ากับเขาต่อสู้กันเกือบร้อยกระบวนท่า เเต่ก็ไม่มีใครบาดเจ็บ มีเพียงหลิ่งกวางที่รู้สึกกดดันอย่างมากเพราะข้าปล่อยจิตดาบระดับตำนานออกมาเบาๆ เเละเพ่งไปที่เขาโดยตรง เขาจะรู้สึกอ่อนเเอลงเเละเริ่มเกรงกลัวข้า โดยที่เขานั้นไม่ได้ใช้กำลังภายในเเต่อย่างใด เขากับข้าใช้เพียงทักษะกระบี่เข้าสู้กัน
‘โลกนี้…เมื่อไม่มีเคล็ดวิชาบ่มเบาะกาย’
‘ผู้คนจึงมีดีกันเเต่กำลังภายในกันจริงๆ’ ข้าคิดในใจ ในตอนนี้ข้าแทบจะไม่ได้ต่อสู้ซะด้วยซ้ำ เหมือนจะเป็นการสอนเขาซะมากกว่า ข้าโจมตีเขาซ้ำๆให้เขาจำว่าไม่ควรเคลื่อนไหวเช่นนี้ เเละข้าก็ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนเขาเริ่มหอบ ทำให้ข้ารับรู้ทันทีว่าเขาเริ่มเหนื่อยเเล้ว
ฟึบ ตุบ
‘มันควรจะจบ’ ข้าคิดก่อนที่เขาจะพุ่งมาหาข้า เเละในช่วงพริบตาเดียวข้าได้จับเสื้อของเขาเเละกระชากเขาพร้อมกับทุ่มลงพื้นอย่างง่ายดายเเละใช้กระบี่ทิ่มลงบนพื้นข้างๆคอของเขาให้เห็นว่าเขาได้เเพ้ข้าเเล้ว
"จบการประลอง!''
"เเม่นางเล่อปิงเป็นฝ่ายชนะ!'' เซียนหอกที่เพิ่งจะรู้สึกตัวจึงรีบประกาศออกมาในทันที ซึ่งมันทำให้หลิ่งกวางที่อึ้งไปเมื่อครู่รู้สึกตัวเช่นกัน
"เเม่นาง…เจ้าช่าง…งดงามยิ่งนัก'' เขาที่อยู่ใต้ร่างข้าเเละกำลังจ้องมองข้าอยู่กล่าวอะไรบางอย่างออกมา
“ยอดเยี่ยม!…ยอดเยี่ยมมาก!!” ฮ่องเต้ถึงกับลุกขึ้นเเละปรบมือให้กับข้าที่สามารถเอาชนะเเม่ทัพที่เเข็งเเกร่งที่สุดในปัจจุบันลงได้ ถึงเเม้เเม่ทัพหลิ่งกวางจะไม่ได้ใช้กำลังภายใน ใช้เพียงทักษะกระบี่ เเต่ทักษะกระบี่ของเขานั้นก็อยู่ในระดับหัวกะทิด้วยกันของนิกายกระบี่เทพ ซึ่งเป็นนิกายอันดับหนึ่งในยุทธ์ภพในเรื่องของกระบี่
"เราได้เเม่ทัพคนใหม่ที่เก่งกาจมาเเล้ว!''
"เเม่นางเล่อปิง!'' เหล่าผู้ชมต่างโห่ร้องกันออกมา นี่เป็นครั้งเเรกที่มีเเม่ทัพเป็นหญิง เเถมยังมีความสามารถที่เเข็งเเกร่งกว่าบุรุษหลายคน
หลังจากนั้นฮ่องเต้ก็ได้มอบตราเเม่ทัพที่เคยเป็นของเหวินเจี้ยนให้กับข้า ผู้คนมากมายต่างสรรเสริญข้าด้วยความยินดีถึงที่สุด บางคนก็เริ่มขุดคุ้ยเรื่องของข้าโดยเฉพาะเหล่าองค์ชาย พวกเขาต้องการรู้ว่าข้านั้นคือคนขององค์หญิงหลินเฟยเฟิ่งหรือไม่ หรือข้าเป็นเพียงจอมยุทธที่เก่งกาจเพียงเท่านั้น
"ท่านเเม่ทัพเล่อปิง'' หลังจากจบการประลองข้าก็ได้ไปยังวังหลวงทันที เพราะฮ่องเต้ทรงรับสั่งให้ข้าเข้าเฝ้า
"ถวายบังคมองค์ชาย'' ข้ากล่าวก่อนจะทำความเคารพเหล่าองค์ชายทั้งสี่คนของราชวงศ์หลิน
“ท่านเเม่ทัพนอกจากท่านจะงดงามเเล้วท่านยังเเข็งเเกร่งด้วย” เขาพยายามประจบข้า ข้าจึงยิ้มตอบรับไป ซึ่งในตอนนี้เหล่าองค์ชายตรงหน้าข้ากำลังมองเรือนร่างข้าอยู่
"ถ้าหากท่านเเม่ทัพว่าง…ข้าต้องการจัดงานฉลองให้กับท่านเเม่ทัพ-''
"ท่านเเม่ทัพเล่อปิง…ท่านรู้จักองค์ชายหลินหานเจ๋อด้วยงั้นหรือ?'' เสียงใสกล่าวถามข้า โดยที่องค์ชายที่นางกล่าวก็คือองค์ชายลำดับที่หนึ่งของราชวงศ์หลินในยุคนี้ ซึ่งเเน่นอนว่าข้าสัมผัสถึงนางได้ตั้งเเต่เเรกเเล้วด้วยปานโพธิ์ดำ นางเองก็น่าจะรู้สึกเช่นเดียวกัน
"มิใช่เช่นนั้นน้องเฟยเฟิ่ง'' หลินหานเจ๋อหน้าเปลี่ยนทันทีที่หลินเฟยเฟิ่งเข้าร่วมวงสนทนา
"พวกข้าขอตัวก่อน…'' เขากล่าวก่อนจะเดินไปอีกทางเมื่อรับรู้ว่าฮ่องเต้น่าจะให้นางมาตามเเม่ทัพเล่อปิงเข้าเฝ้า
"ถวายบังคมองค์หญิงหลินเฟยเฟิ่ง'' ข้ากล่าวก่อนจะย่อตัวลงไปเล็กน้อย ทำให้นางยกยิ้มมุมปาก
ณ ท้องพระโรง วังหลวง
"ก่อนอื่นข้าขอเเนะนำให้เเม่ทัพเล่อปิง-'' ฮ่องเต้กำลังจะกล่าวเเต่เมื่อได้เห็นท่าทางของพวกข้าที่แอบยิ้มกัน โดยมีหลินเฟยเฟิ่ง หลินเฟย เเละข้า ทำให้ฮ่องเต้รู้สึกแปลกๆ
"ฝ่าบาท…ข้าคือ…'' ข้ากล่าวพร้อมกับหยิบหน้ากากโพธิ์ดำขึ้นมาสวม ทำให้ฮ่องเต้รับรู้ทันทีว่าข้าคือใคร
"ศิษย์เซียนสวรรค์งั้นรึ!'' ฮ่องเต้กำเเขนเก้าอี้ไว้เเน่นเมื่อรับรู้ตัวตนของข้า เพราะเเน่นอนว่าศิษย์เซียนสวรรค์ล้วนสนับสนุนหลินเฟยเฟิ่ง เช่นนั้นเเม่ทัพเล่อปิงคงจะอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเรา เราได้เเม่ทัพที่เเข็งเเกร่งเช่นนางเข้าร่วมเช่นนี้คงจะดีไม่น้อย เเถมนางยังเป็นศิษย์เซียนสวรรค์อีกด้วย ถ้าหากศิษย์ลำดับที่หนึ่งที่สามารถเอาชนะเเม่ทัพเหวินเจี้ยนได้อย่างง่ายดายเเถมยังทำลายท่าไม้ตายของเขาไปด้วยมาถึงวังหลวง เขาจะเป็นกำลังหลักของหลินเฟยได้อย่างเเน่นอน
"เจ้าคือศิษย์ลำดับที่เท่าใด…ถ้าหากข้าได้ยินมามิผิดศิษย์เซียนสวรรค์นั้นมีมากกว่าสาม'' ฮ่องเต้กล่าว เพราะเขาอาจจะคิดว่าหน้ากากโพธิ์ดำที่ศิษย์ลำดับที่หนึ่งใส่ ศิษย์คนอื่นก็อาจจะสวมใส่ด้วยเช่นกัน อีกอย่างศิษย์ลำดับที่หนึ่งนั้นเป็นบุรุษมิใช่สตรีเช่นข้า
“ข้ายังมิสามารถบอกฝ่าบาทได้…ข้าบอกได้เพียงข้าจะสนับสนุนรัชทายาทหลินเฟยอย่างสุดความสามารถ” ข้ากล่าวออกไป โดยไม่ได้ใช้คำเคารพฮ่องเต้มากมายนัก ซึ่งเหล่าคนสนิทของฮ่องเต้เเละตัวฮ่องเต้เองก็ไม่ได้ขัดเมื่อรับรู้ว่าข้าคือศิษย์เซียนสวรรค์
"เช่นนั้นเเล้วเจ้าต้องระวังตัวให้ดี…'' ฮ่องเต้กล่าวเตือนข้าซึ่งข้าก็รับฟังเขาไว้
"ฝ่าบาท…ข้าอยากให้ท่านทรงรับสั่งให้ข้าเป็นคนฝึกวิชากระบี่ให้รัชทายาทหลินเฟย'' ข้ากล่าวออกไปตรงๆ ถึงเเม้เขาจะมีราชครูคอยสอนหลายๆอย่างให้อยู่เเล้วเเต่ถ้าหากได้เรียนวิชาดาบหรือกระบี่กับข้ามันจะดีมากกว่า เพราะนอกจากท่านอาจารย์ไป่จะบอกว่าข้ามีวิชาดาบที่น่าจะเเข็งเเกร่งพอๆกับเจ้านิกายกระบี่เทพเเล้ว ในโลกก่อนข้ายังได้รับความเป็นหนึ่งในวิชาดาบมาเเล้วด้วย จากคนที่ข้าไม่อยากเอาชนะ…
"ถ้าหากเป็นประสงค์ของศิษย์เซียนสวรรค์ข้าก็ยินดี'' ฮ่องเต้กล่าวด้วยความมั่นใจ เพราะเขาได้ประจักษ์ในความเเข็งเเกร่งของข้ามาเเล้วก่อนหน้านี้
"เเล้วศิษย์ลำดับที่หนึ่ง?'' ฮ่องเต่กล่าวถามถึงโพธิ์ดำหรือข้า
"เมื่อถึงเวลา…เขาจะปรากฏตัวเอง'' ข้ากล่าวออกไป ซึ่งทำให้หลินเฟยเฟิ่งมองข้า ข้ารับรู้ทันทีว่านางน่าจะมีเรื่องพูดคุยกับข้าอย่างเเน่นอน หลังจากนั้นฮ่องเต้ก็ทรงพูดคุยกับข้าในหลายๆเรื่อง ฝากฝังข้าในหลายๆอย่างรวมถึงมอบตราหน่วยทหารลับให้กับข้าอีกด้วย เเต่ข้าปฏิเสธเเละให้ฮ่องเต้ทรงมอบให้องค์หญิงหลินเฟยเฟิ่งจะดีกว่า ในตอนนี้ชื่อของพี่สาวข้าเล่อปิง คงจะถูกพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง เเละเริ่มมีข่าวลือว่าข้าคือศิษย์เซียนสวรรค์ เพราะศิษย์เซียนสวรรค์เเต่ละคนล้วนเเข็งเเกร่งด้านกระบี่เเละพละกำลังกาย ทั้งศิษย์ลำดับที่หนึ่งอย่างโพธิ์ดำ ศิษย์ลำดับที่สามเกาหลิ่งเหวิน เเละข้ายังคงเป็นตัวตนที่น่าสงสัยว่าจะเป็นหนึ่งในศิษย์เซียนสวรรค์