บทที่ 9 ขี่แมงกาไซด์ไปตลาด
"เราจะย้ายไปอยู่ในเมืองกันหรือ?" เฉินหยางเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"พ่อว่าถ้าเราหาบ้านใหม่แค่พักอาศัยก็พอได้ แต่ถ้าจะทำการค้ามันจะยากไปเสียหน่อย เพราะในตัวเมืองต่างก็มีร้านค้าร้านรวงมากมายอย่างละหลายแห่งแล้ว ผู้คนอยู่อาศัยมากก็จริงแต่ก็ยังเทียบกับเมืองหลวงไม่ได้" เฉินหยางเอ่ยชี้แนะบุตรของตน
"เช่นนั้นพวกย้ายไปเมืองหลวงดีหรือไม่เจ้าคะท่านพ่อ" ไป๋หลันเอ่ยถาม พลางคิดว่าถ้าเมืองหลวงสามารถทำการค้าได้ดีเช่นนั้นก็ควรไปทำการค้าที่นั่น
"พ่อก็อยากกลับเมืองหลวงแต่ร่างกายของพ่อยังไม่แข็งแรงกลัวว่าจะทำให้พวกเจ้าลำบาก”
"เช่นนั้นเราย้ายไปอยู่ในตัวเมืองหนานเหอกันก่อน รอให้ท่านพ่อพักรักษาตัวให้หายดีและกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม เราค่อยย้ายไปเมืองหลวงกันดีหรือไม่ขอรับ" เฉินหยางเอ่ยถามความคิดเห็นทุกคน
"เป็นความคิดที่ดีเลยเจ้าค่ะพี่ใหญ่ ท่านพ่อ ท่านแม่ท่านเห็นด้วยหรือไม่เจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยชมพี่ชายแล้วหันไปถามความคิดเห็นของบิดา มารดา
"เอาตามที่พวกเจ้าเห็นสมควรเลย พ่อตามใจพวกเจ้า" เฉินหยวนเอ่ย ตนเป็นแค่คนป่วยอย่างไรเสียหน้าที่ทั้งหมดก็เป็นของบุตรทั้งสองที่ต้องคอยดูแล หากพวกเขาอยากได้สิ่งใดตนก็ตามใจ
"แม่ก็แล้วแต่พวกเจ้าเช่นกัน" อูเย๋าเอ่ย
"เช่นนั้นพี่ใหญ่เราออกไปหาบ้านที่ตลาดกันเถอะ เผื่อว่ามีหลังไหนบอกขายบ้าง อ้อ!!...ท่านแม่เย็นนี้ไม่ต้องเข้าครัวทำอาหารนะเจ้าคะ ประเดี๋ยวลูกจะกลับมาทำเอง" ไป๋หลันเอ่ยบอกมารดา นางไม่อยากให้ท่านต้องเหน็ดเหนื่อย มีอะไรพอช่วยได้นางก็อยากช่วย อีกอย่างตัวนางไม่ต้องลงมือทำอาหารเองเพราะแค่นึกว่าอยากกินอะไรเพียงใช้มนต์วิเศษเสกมันออกมาเท่านั้น เมนูอาหารในโลกเก่ามีมากมายจนนับไม่ถ้วนนางอยากให้คนในครอบครัวได้ลิ้มลองเช่นกัน
"ได้จ้ะ พวกเจ้ารีบไปรีบกลับเดินทางปลอดดีเล่าเข้าใจหรือไม่" อู๋เย๋าเอ่ยบอกบุตรทั้งสองของตน
"เจ้าค่ะ /ขอรับท่านแม่" ทั้งสองเอ่ยรับคำมารดาพร้อมกัน หลังจากหารือกันเรียบร้อย ไป๋หลันและเฉินหยางก็ออกจากบ้านเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองทันที
"หยุดก่อนพี่ใหญ่ ข้าว่าเราเดินทางด้วยสิ่งนี้ดีกว่า" ไป๋หลันเอ่ยพร้อมใช้มนต์วิเศษนำรถมอเตอร์ไซด์คันงามของตนเองในโลกเก่าออกมา มอเตอร์ไซด์เวสป้าปรากฏตรงหน้าทันที ปกติเวลาเดินทางพี่ชายของนางจะใช้ธาตุลมเร่งความเร็ว แต่วันนี้ไม่ปกติเพราะนางจะให้พี่ชายซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซด์
"มันคือสิ่งใดหรือหลันเอ๋อร์" เฉินหยางเอ่ยถามพลางมองสิ่งประหลาดตรงหน้าอย่างสงสัยเพราะมันแปลกตามากไม่เคยพบเห็นมาก่อน
"มันมีชื่อว่า'แมงกะไซด์เจ้าค่ะฮ่า ฮ่า ฮ่า" ไป๋หลันเอ่ยพลางหัวเราะชอบใจ แถวบ้านนอกตอนเป็นเด็กนางเคยเรียกมันแบบนี้ แล้วที่แห่งนี้จะเรียกอย่างไรมันก็ไม่ผิดเพราะไม่มีใครรู้
"แมงกะไซด์หรือ?...ชื่อช่างแปลกยิ่งนัก" เฉินหยางเอ่ยถามพลางมองหน้าน้องสาวที่กำลังนั่งขี่เจ้าแมงกะไซด์อยู่
"พี่ใหญ่มานั่งซ้อนท้ายข้าเร็วเข้า แล้วเอามือกอดเอวข้าไว้เอาให้แน่นเลยนะ ประเดี๋ยวจะร่วงลงไปเจ็บตัวแย่เลย" ไป๋หลันเอ่ยพลางตบมือไปที่เบาะด้านหลังตุ้บ!ตุ้บ!...ทำสีหน้ายิ้มกรุ้มกริ่ม นางอยากให้พี่ชายได้ลองสัมผัสสิ่งแปลกใหม่ดูบ้างก็เท่านั้นเอง
เฉินหยางเดินมานั่งค่อม'แมงกะไซด์'แล้วเอื้อมมือไปกอดเอวน้องสาวตามที่บอกเอาไว้เพราะกลัวตก จากนั้นนางก็ขี่เจ้าแมงกะไซด์ส่ายไปส่ายมาน่าหวาดเสียวยิ่งนัก เขาจึงกอดเอวนางขึ้นพลางซบหน้าลงที่หัวไหล่หลับตาแน่นด้วยความหวาดกลัว
'ฮึ ฮึ ฟินตายอย่างสงบ ศพชมพูอีกแล้วครับท่าน' ไป๋หลันคิดในใจอย่างมีความสุข
จากนั้นนางก็ขี่แมงกะไซด์มุ่งหน้าไปยังตลาดทันที ก่อนจะถึงตัวเมืองนางจอดรถแล้วเก็บมันเข้าไปไว้มิติ จากนั้นก็เดินเท้าต่อ หากขับเข้าไปในตัวเมืองชาวบ้านจะหาว่าพวกนางเป็นตัวประหลาดเอาได้ แต่ตลอดระยะทางที่ขับมานั้นปลอดผู้คนจึงไม่มีผู้ใดพบเห็น
ทั้งสองเดินมายังตลาดไป๋หลันมองบรรยากาศภายในเมืองหนานเหอค่อนข้างจะคึกคัก ผู้คนในเมืองเดินขวักไขว่ สองข้างทางมีร้านค้าใหญ่ ๆ อยู่หลายร้านและบางร้านก็ตั้งโต๊ะขายของกันริมถนน นางชวนพี่ชายแวะทุกร้านโดยเฉพาะร้านของกินนางซื้อของกินหลายอย่างเพราะไม่เคยกินนางเพิ่งมาเดินตลาดครั้งแรกของโลกนี้
เฉินหยางเองเมื่อเห็นน้องสาวเดินเข้าออกร้านนั้นร้านนี้เขาก็ได้แต่ยิ้ม นางช่างสดใสหน้ารักและดูมีความสุขมากกับการกิน แล้วรอยยิ้มของนางช่างเป็นรอยยิ้มที่ชวนให้ลุ่มหลงยิ่งนัก เฉินหยางคิดได้เช่นนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาน้องสาวแล้วเดินอยู่ด้านข้างคอยส่งสายตาดุดันไปให้บุรุษทั้งหลายที่มองน้องสาวของตนทันที
ทั้งสองเดินเข้าซอยนั้นออกซอยนี้อยู่ประมาณหนึ่งชั่วยาม พร้อมกับถามไถ่ชาวบ้านว่ามีบ้านหลังไหนบอกขายบ้างก็พบว่ามีจำนวนห้าหลัง เมื่อไปสำรวจมาแล้วพบว่ามีบ้านขนาดใหญ่หนึ่งหลังอยู่ท้ายตลาดเป็นบ้านไม้ภายในด้านหน้ามีโถงรับแขก ข้าง ๆ เป็นห้องหนังสือ และมีห้องนอนใหญ่หนึ่งห้อง ถัดมาเป็นห้องครัว มีเรือนเล็กหลังเล็กอยู่สองหลังด้านข้าง มีสวนดอกไม้และศาลานั่งเล่นหนึ่งหลัง ดูสวยงามและลงตัวเป็นอย่างมาก
สอบถามผู้ดูแลบ้านก็ทราบว่าเจ้าของบ้านเป็นพ่อค้าต้องเดินทางไปส่งสินค้าตามเมืองต่าง ๆ อยู่บ่อย ๆ แต่เมื่อเขามีอายุมากขึ้นร่างกายก็เสื่อมถอยลง จึงยกกิจการให้บุตรเขยและบุตรสาวดูแลกิจการต่อและขายบ้านหลังนี้เพื่อไปอยู่กับบุตรสาวที่อยู่ในเมืองหลวง
"ท่านลุงข้าชอบบ้านหลังนี้ดูน่าอยู่ยิ่งนักไม่ทราบว่าท่านพ่อค้าบอกขายในราคาเท่าใดหรือเจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยถามเมื่อสำรวจบ้านเสร็จเรียบร้อยและนางชอบมันเป็นอย่างมาก
"เถ้าแก่แจ้งราคาไว้อยู่ที่ห้าหมื่นเหรียญทองขอรับ" ผู้ดูแลบ้านเอ่ยตอบ
"แล้วถ้าต้องการซื้อบ้านหลังนี้ต้องทำอย่างไรเจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยถามผู้ดูแลบ้านต่อ
"อีกสองวันเถ้าแก่จะเดินทางมารับสินค้าที่เมืองนี้ ถ้าท่านทั้งสองคนต้องการจะซื้อก็ให้มาพบเถ้าแก่ได้ประเดี๋ยวข้าจะแจ้งเถ้าแก่ให้ทราบเอาไว้ขอรับ"
"ทราบแล้วเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าและพี่ชายขอตัวลานะเจ้าค่ะ" ไป๋หลันเอ่ยลาผู้ดูแลบ้านและเดินออกมา
"พี่ใหญ่ข้าชอบบ้านหลังนี้ท่านคิดเห็นเช่นไรเจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยถามความเห็นพี่ชาย ส่วนตัวนางคิดว่าบ้านหลังนี้ไม่เล็กไม่ใหญ่ขนาดกำลังพอดีและน่าอยู่เป็นอย่างมาก
"พี่ว่าบ้านหลังนี้ก็ดูน่าอยู่ดีถ้าเจ้าชอบพี่ก็ตกลงแต่ราคามันค่อนข้างสูงพอสมควร" เฉินหยางเอ่ย
"ไม่เป็นเจ้าค่ะข้ายังมีเงินจากการขายโอสถอยู่และข้าก็ยังมีโอสถอยู่อีกมากมายถ้าไม่พอข้าก็นำไปขายอีกได้" ไป๋หลันเอ่ยบอกพี่ให้คลายความกังวล
ถามว่าทำไมไม่เสกเงินเสกทองมาใช้ นางเคยลองแล้วแต่มันทำไม่ได้ จึงถามท่านปู่ท่านบอกว่า ถ้าเจ้าเสกเงินเสกทองได้ข้ากลัวว่าเจ้าจะเป็นเด็กขี้เกียจ ให้เจ้าใช้พรที่ขอไปสร้างรายได้เอาเอง
เห็นไหมท่านปู่ช่างหวังดีกับนางจริง จริ๊ง...
"เช่นนั้นก็ตกลง เราจะซื้อบ้านหลังนี้กันนะเจ้าคะ อีกสองวันเรามาหาท่านพ่อค้ากันวันนี้เรากลับบ้านกันดีกว่า" ไป๋หลันเอ่ยบอกพี่ชายเมื่อตกลงกันเรียบร้อยจากนั้นทั้งสองก็มุ่งหน้ากลับบ้านหลังน้อยเชิงเขาด้วยแมงกะไซด์คันเดิม
เมื่อทั้งสองกลับมาถึงบ้านเวลาก็ล่วงเข้ายามอิ่วแล้ว(17.00-18.59)เห็นบิดาและมารดานั่งคุยกันอยู่ที่โถงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข อาจเป็นเพราะบิดาของนางหายจากอาการป่วยแล้ว ท่านทั้งสองจึงคลายความกังวลลงไปมาก
"ท่านพ่อ ท่านแม่ข้ากลับมาแล้ว ลูกเข้ามาขัดจังหวะหรือเปล่าเจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้าล้อเลียน
"ขัดจังหวะอันใดกัน เจ้าช่างแก่แดดเสียจริงเชียว" อู๋เหยาเอ่ยดุบุตรสาวอย่างไม่จริงจังเท่าใดนัก
"ท่านพ่อ ท่านแม่วันนี้ข้าและหลันเอ๋อร์ไปดูบ้านมา พบถูกใจอยู่หลังหนึ่งอยู่ท้ายตลาดไม่ค่อยมีเสียงดังรบกวนดีขอรับ ข้าและหลันเอ๋อร์เลยตกลงกันว่าจะซื้อบ้านหลังนี้ขอรับ" เฉินหยางรีบเอ่ยบอกบิดาและมารดาทันที
"พ่อแล้วแต่พวกเจ้า ถ้าพวกเจ้าชอบพ่อก็ชอบเช่นกัน" เฉินหยวนเอ่ยบอก
"ขอรับ เช่นนั้นอีกสองวันข้าจะไปติดต่อซื้อขายกันนะขอรับ"
"ได้สิ แล้วแต่เจ้าจะสะดวกแล้วกัน" เฉินหยวนเอ่ยบอกบุตรชาย
"เย็นมากแล้วข้าว่าเรามากินข้าวกันเถิดเจ้าค่ะ" ไป๋หลันเอ่ยบอกทุกคนเมื่อเห็นว่าเวลาเริ่มเย็นมากแล้ว
"เจ้าจะทำอะไรให้พวกเรากินกันหรือ?" อู๋เหยาเอ่ยถามบุตรสาวอย่างสงสัย
"เป็นอาหารจากโลกในฝันเจ้าค่ะ ลูกอยากให้พวกท่านได้ลองชิมกันดู แต่ไม่รู้ว่าจะถูกปากหรือไม่นะเจ้าคะ" เอ่ยจบนางก็นึกถึงอาหารที่เคยกินในโลกเก่าออกมาห้าอย่าง อาหารค่อย ๆ ปรากฏอยู่บนโต๊ะทีละอย่างจนครบทุกจาน