7
บทที่ 7 น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ
ข่าวที่หลินจือเหนียงสามารถรักษาอาการป่วยไข้ของหลานชายจนหายดีเป็นปลิดทิ้งภายในเวลาไม่ถึงวัน กลายเป็นเรื่องซุบซิบกันไปทั่วหมู่บ้านต้าซานอีกครั้ง ชาวบ้านต่างพากันลือไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่านางไปได้ยาเทวดามาจากไหน บ้างก็ว่านางอาจจะแอบไปเรียนวิชาหมอผีมา แต่ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดคือหลินเป่ากลับมาวิ่งเล่นได้ซนเหมือนเดิมแล้ว
เรื่องนี้ทำให้ป้าหวังที่เคยมาหาเรื่องถึงหน้าบ้านต้องหุบปากฉับไปชั่วคราว นางไม่กล้ามาพูดจาแขวะครอบครัวหลินอีก เพราะกลัวว่าถ้าลูกหลานตัวเองป่วยขึ้นมา อาจจะต้องมาพึ่งพายาวิเศษของหลินจือเหนียงเข้าสักวัน
ส่วนบรรยากาศภายในบ้านหลินนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
ความตึงเครียดและความหวาดระแวงที่เคยปกคลุมอยู่จางหายไปเกือบหมด หวานซื่อกับเหนียงซื่อไม่ได้มองแม่สามีด้วยสายตาหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว แต่แปรเปลี่ยนเป็นความยำเกรงและความเคารพ แม้จะยังไม่เข้าใจว่าแม่สามีเปลี่ยนไปได้อย่างไร แต่การกระทำสองครั้งล่าสุด ทั้งการปกป้องพวกเธอจากคนนอก และการช่วยชีวิตลูกชายของหวานซื่อ ก็มากพอที่จะทลายกำแพงน้ำแข็งในใจของพวกเธอลงได้
คืนนั้น หลังจากที่ทุกคนกินมื้อเย็น ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอาหารดีๆ จากมิติซูเปอร์มาร์เก็ตอีกเช่นเคย และพาลูกๆ เข้านอนไปแล้ว หลินจือเหนียงก็เรียกสะใภ้ทั้งสองเข้ามาหาในห้องนอนของนาง
หวานซื่อกับเหนียงซื่อมองหน้ากันอย่างประหม่า ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าแม่สามีจะเรียกเข้าไปดุด่าเรื่องอะไรอีกหรือไม่
แต่เมื่อเข้าไปในห้อง ภาพที่เห็นกลับไม่ใช่แม่สามีที่นั่งหน้าบึ้งตึงอยู่บนเตียง แต่เป็นนางที่กำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเตี้ยๆ และบนโต๊ะนั้นมีก้อนสี่เหลี่ยมสีขาวนวลสองก้อนกับตลับกระเบื้องเล็กๆ สองตลับวางอยู่
"มานั่งนี่สิ" หลินจือเหนียงตบลงบนเตียงข้างๆ ตัวนาง
สองสะใภ้เดินเข้าไปนั่งอย่างว่าง่าย แต่ก็ยังคงรักษาระยะห่างอยู่เล็กน้อย
หลินจือเหนียงมองมือของลูกสะใภ้ทั้งสองข้าง มันเป็นมือที่หยาบกร้าน มีรอยแตกและด้านจากการทำงานหนักมาตลอดหลายปี นางเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารจับใจ
นางหยิบก้อนสี่เหลี่ยมสีขาวนวลขึ้นมาส่งให้คนละก้อน "เอ้านี่เอาไปใช้"
หวานซื่อรับมาถือไว้ในมืออย่างงงๆ มันมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ลอยออกมา ซึ่งเป็นกลิ่นที่นางไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน "นี่คืออะไรหรือคะคุณแม่"
"สบู่" หลินจือเหนียงตอบเรียบๆ "แม่เห็นพวกเธอใช้แต่ขี้เถ้าซักผ้าและอาบน้ำ มันกัดมือจนแตกไปหมดแล้ว ลองเอาสบู่นี่ไปใช้ดู นอกจากจะซักผ้าได้สะอาดแล้ว ยังใช้ถูตัวได้ด้วย กลิ่นก็หอมดี"
สบู่ของใช้ราคาแพงที่พวกเธอเคยเห็นแต่ในร้านค้าของอำเภอ และไม่เคยคิดฝันว่าจะมีปัญญาได้ใช้
ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะหายตกใจ หลินจือเหนียงก็หยิบตลับกระเบื้องขึ้นมาส่งให้อีกคนละตลับ "ส่วนนี่คือครีมทามือ ก่อนนอนก็เอามาทามือบางๆ มันจะช่วยให้มือของพวกเธอนุ่มขึ้น รอยแตกก็จะค่อยๆ หายไป"
คราวนี้ไม่ใช่แค่หวานซื่อแล้ว แม้แต่เหนียงซื่อที่ปกติเป็นคนเงียบขรึมและเก็บอาการเก่งที่สุด ก็ยังต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
"แต่ว่าคุณแม่ของพวกนี้มันแพงมากเลยนะคะ" เหนียงซื่อเอ่ยขึ้นเสียงเบา
"คุณแม่ไปเอาเงินมาจากไหน..."
"พวกเธอไม่ต้องรู้หรอกว่าฉันเอามาจากไหน" หลินจือเหนียงตัดบท "แค่รู้ว่ามันไม่ใช่ของที่ไปขโมยใครเขามาก็พอแล้ว รับไปเถอะ ถือว่าเป็นรางวัลที่พวกเธอทำงานหนักดูแลบ้านดูแลลูกมาตลอด"
ไม่คาดคิดว่าคุณแม่จะเอ่ยเช่นนี้ ราวกับสายน้ำอุ่นๆ ที่ชโลมลงบนหัวใจที่แห้งผากของสะใภ้ทั้งสองมานานหลายปี
"รางวัล"
หวานซื่อก้มหน้าลงมองสบู่หอมในมือ น้ำตาที่นางพยายามกลั้นไว้ก็ไหลทะลักออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความหวาดกลัวหรือความเสียใจ แต่เป็นน้ำตาแห่งความตื้นตันใจอย่างสุดซึ้ง
"ขอบคุณค่ะ...คุณแม่...ขอบคุณจริงๆ ค่ะ"
