จุดเริ่มต้นของเรื่องราว (2/2)
ทันทีที่เธอเปิดประตูออกไปก็ได้พบกับบ้านขนาดใหญ่ ไม่สิ นี่คือคฤหาสน์ที่ตกแต่งสไตล์อาร์ตเดคโคซึ่งเน้นรูปทรงคล้ายธรรมชาติ เรียบง่ายและดูสง่า เธอมองไปรอบ ๆ ก็พบว่าห้องนอนของเธออยู่ชั้นสองจากทั้งหมดที่มีสี่ชั้นและลินก็ได้เดินลงมาถึงชั้นหนึ่ง จู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเธอลืมถามชื่อนิยายจากลูคัสที่ทะลุมิติเข้ามา
"ไม่น่าลืมถามชื่อนิยายจากลูคัสเลย คงต้องทำตัวเนียน ๆ ไปก่อน" เธอเดินไปตามสัญชาตญาณของเจ้าของร่างเดิมก่อนพบกับห้องอาหารขนาดใหญ่และได้พบกับผู้ชายคนหนึ่ง
ชายคนนี้ภายนอกดูน่าเกรงขามและถึงแม้จะนั่งอยู่บนเก้าอี้ก็รู้ว่าเขามีรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้ารูปสามเหลี่ยมคล้ายเพชรคงเป็นเพราะกรามของเขาที่เด่นชัดและผิวสีแทนของเขา เขามีผมสีดำเงางาม คิ้วหนาเหมือนขมวดคิ้วตลอดเวลาและดวงตาสีฟ้าของเขาที่เหมือนเหยี่ยวคล้ายจะตรวจสอบคนที่ถูกมอง
"นี่มันโคตรหล่อเลย" เธออุทานออกมาด้วยความตะลึง
บอกตามตรงเลยว่าในชีวิตนี้เธอเจอคนหน้าตาดีมาเยอะแต่ไม่มีใครสามารถเทียบกับชายคนที่อยู่ตรงหน้าเธอได้เลย เขาเหมือนมีพลังบางอย่างที่ทำให้ผู้คนไม่สามารถละสายตาจากเขาได้เลยสักนิด มีเสน่ห์มากจริง ๆ
"คุณพูดว่าอะไรนะ" ชายคนนั้นมองเธอด้วยความสงสัยว่าเมื่อครู่เขาฟังผิดไปรึเปล่า
"อ๋อ ฉันพูดว่า กลิ่นหอมมาก ๆ เลย" ถ้าเดาไม่ผิดชายคนนี้คงจะเป็นสามีของเธอสินะ
"อย่างนั้นเหรอ" เขามองเธอแวบหนึ่งด้วยความสงสัยก่อนจะหันไปสนใจอย่างอื่นต่อ
ลินถอนหายใจด้วยความโล่งอกเนื่องจากตะลึงในความหล่อของสามีในนามของตัวเอง
‘เกือบถูกจับได้แล้ว’ เธอคิดในใจ
"รีบมานั่งเถอะ เดี๋ยวเด็ก ๆ ก็มาแล้ว" เขาเอ่ย
"ค่ะ" เธอตอบเขาพร้อมกับนั่งข้าง ๆ เขา
ทันทีที่เธอนั่งลงชายคนนี้ก็มองเธอด้วยความแปลกใจเพราะปกติผู้หญิงคนนี้จะพยายามห่างกับเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่วันนี้เธอกลับมานั่งทานข้าวข้าง ๆ เขาซะได้ทว่าก่อนที่จะได้พูดอะไรก็มีเสียงของเด็กดังขึ้นมาก่อน
"พ่อครับวันนี้ผมอยากกินไส้กรอก" เสียงเด็กชายคนหนึ่งพูดมาแต่ไกล
"เบคอนอร่อยกว่าตั้งเยอะ!" เสียงของเด็กชายอีกคนแย้งขึ้นมา
"เยอะกว่าเท่าไหร่เหรอ" เขาถามด้วยความซื่อเนื่องจากเด็กชายพึ่งหัดเรียนนับเลขทำให้เขาอยากรู้ว่าจำนวนที่เยอะกว่านั้นเยอะกว่าเท่าไหร่
"ก็บอกว่าเยอะไง ตินถามอะไรเนี่ย"
"แล้วเท่าไหร่…" ตินมองแฝดอีกคนของเขาด้วยความสงสัย
"พอแล้ว ทั้งสองคนรีบไปทานข้าวเถอะเดี๋ยวสายนะ" ก่อนที่เด็กชายทั้งสองจะทะเลาะกันก็มีเด็กชายอีกคนหนึ่งเข้ามาห้ามปรามก่อน
"อือ"
"จริงด้วย!"
ทั้งสามคนจึงรีบเดินไปที่โต๊ะอาหารและได้พบกับพ่อแม่ของพวกเขามารออยู่ก่อนแล้ว ทั้งสามจึงรีบไปนั่งที่ประจำของตนเอง แต่แล้วตินลูกชายคนเล็กของบ้านซึ่งเมื่อครู่เป็นคนที่ถามพี่ชายว่าเบคอนอร่อยกว่าไส้กรอกเท่าไหร่ เขาพบว่าที่นั่งประจำของตัวเองถูกแม่แท้ ๆ แย่งไปแล้ว
ตินมองไปที่แม่ด้วยความหวาดกลัวและมองไปที่พ่อคล้ายจะขอร้องว่าช่วยบอกแม่ให้กลับไปนั่งที่ของตัวเองด้วยเพราะเขาอยากนั่งที่เดิมของตัวเอง
แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะแม่ของเขาได้เอ่ยขึ้นมาก่อนทำให้เด็กน้อยต้องจำยอมไปนั่งที่ของแม่แทนพร้อมความเสียใจที่ถูกแม่แท้ ๆ แย่งที่นั่งไป
"เด็ก ๆ รีบมาทานข้าวเร็ว" เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่นซึ่งไม่ใช่ตัวเธอเลยสักนิด
เด็กชายทั้งสามและชายคนหนึ่งมองเธอด้วยความสงสัยและเกิดคำถามในใจว่า
‘เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนี้’
"ครับ" ชินตอบ
"ผมรู้อยู่แล้ว แม่ไม่ต้องบอกหรอก" จินตอบ
"…" ตินตอบ
เมื่อทั้งห้าคนทานข้าวเสร็จ พวกเขาก็พร้อมไปทำหน้าที่ของตัวเอง สามีของเธอไปทำงาน เด็ก ๆ ไปเรียนส่วนเธอคงอยู่บ้าน เมื่อเห็นพวกเขาครั้งแรกลินพบว่าเด็กชายทั้งสามเป็นแฝดกันและได้สังเกตเห็นเด็กชายคนที่ถามว่าเบคอนอร่อยกว่าเท่าไหร่นั้นตัวเล็กกว่าคนอื่นแถมเขายังใส่ชุดแตกต่างจากเด็กอีกสองคนด้วย นั่นหมายความว่าเด็กชายคนนี้ไม่ได้เรียนที่เดียวกันกับอีกสองคน
"พวกผมไปแล้วนะครับ" เด็กชายคนที่หนึ่งพูด
"พ่อ ผมไปเรียนก่อนนะ!" เด็กชายคนที่สองพูด
"พ่อ พ่อมารับผมตอนเลิกเรียนได้ไหม" เด็กชายคนสุดท้ายที่ใส่ชุดต่างจากคนอื่นถาม
ลินได้แต่คิดในใจทำไมในประโยคพวกนั้นไม่มีเธอเลยล่ะ เด็กทั้งสามคนลืมเธอไปแล้วรึเปล่า
"พ่อขอโทษนะ ช่วงนี้พ่อยุ่งมาก ตินให้แม่ไปรับได้ไหม"
"ไม่ ไม่เอา ผมอยากให้พ่อไปรับ" เขาเอ่ยพร้อมกับน้ำตาที่กำลังคลอเบ้า
"ติน พ่อยุ่งอยู่นะ!" จินหรือลูกชายคนที่สองเอ่ยห้ามน้องชายคนเล็ก
ถ้าพ่อมารับพวกเขาที่โรงเรียนพ่อก็รู้สิว่าเขาก่อเรื่องอะไรไว้ที่โรงเรียน เขาจะไม่ยอมเด็ดขาด
"พ่อต้องทำงานไม่ว่าง แต่เดี๋ยวเราสองคนจะไปรับตินเอง ตกลงไหม" ชินหรือพี่ชายคนโตของบ้านซึ่งเป็นคนที่ต้องคอยห้ามปรามจินและตินไม่ให้ทะเลาะกันเอ่ยปากปลอบน้องชาย
"ชินกับจินไม่เข้าใจ…ฮึก" เขาพูดไปพร้อมกับน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมา
"เลิกร้องไห้ได้แล้ว เด็ก ๆ ต้องรีบไปโรงเรียนนะ เดี๋ยวสาย" ลินเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่กลับทำให้น้ำตาที่กำลังจะไหลของเด็กชายหยุดไหลทันที
ลินมองไปที่เด็กชายที่กำลังจะร้องไห้แต่ก็หยุดร้องเพราะคำพูดของเธอ ‘โอเคเลย ฉันคิดว่าครอบครัวนี้ไม่ใช่ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบแล้ว’ เธอพูดกับตัวเองแต่แน่นอนในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วการแสดงต้องดำเนินต่อไป ดังนั้นเธอเลยตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำมาก่อนในชีวิตนั่นก็คือ การหอมแก้มเด็ก ๆ
ลินหอมแก้มเด็ก ๆ ทั้งสามคนส่วนปฏิกิริยาของเด็กคือ
“เอ่อ ผมไปก่อนนะครับแม่” พร้อมกับพยายามเดินหนี
“อย่ามาหอมแก้มผมนะ!” พร้อมกับพยายามเช็ดแก้มอย่างแรงจนหน้าของเขาแดงไปหมด
ส่วนอีกคนนะเหรอ “ฮึก...ฮึก” พร้อมกับพยายามห้ามน้ำตาที่ไหลลงมา
เกิดอะไรขึ้นกับเด็กพวกนี้กัน? เธอไม่เข้าใจจริง ๆ ลินมองไปที่สามีของเธอก็พบว่าเขาทำหน้าประหลาดใจกับสิ่งที่เธอทำ เธอจึงถามเขาไปว่า
"มีอะไรเหรอคะ คุณอยากถูกหอมแก้มด้วยเหรอ"
"ผมต้องรีบไปทำงานแล้วเจอกัน" เขามองเธอด้วยความแปลกใจก่อนจะรีบเดินจากเธอไปทันที
ส่วนลินก็ได้แต่นึกถึงสิ่งที่เธอทำลงไปและคิดได้ว่าครอบครัวนี้คงไม่ใช่แบบที่ลูคัสบอกแน่นอน มีอย่างที่ไหนแค่แม่หอมแก้มลูกตัวเองพวกเขาก็อึ้งขนาดนั้น เธอคงโดนเจ้าระบบนั่นหลอกแน่ๆ
เมื่อสามีและลูกๆ ไปแล้วเธอก็กำลังจะเดินไปที่ห้องของตัวเองและค่อย ๆ นึกถึงรายละเอียดของพวกเขา
สามีในนามของเธอหล่อ รวย แม้จะยังไม่รู้ชื่อและอาชีพของเขาแต่ถ้ามองจากภายนอกถือว่าผ่านมาตรฐานของเธอมามาก
ส่วนลูก ๆ คนหนึ่งดูเย็นชา คนหนึ่งดูใจร้อน ส่วนอีกคนดูอ่อนแอ ทั้งสามคนเป็นแฝดกัน ชื่อ ชิน จิน ติน ซึ่งแต่ละคนมีบุคลิกของตัวเอง
เดี๋ยวนะ เธอรู้สึกคุ้น ๆ เกี่ยวกับพวกเขา เด็กทั้งสามเป็นแฝดกัน นิยายเป็นเซต 3 เล่ม นิยายได้รับความนิยมเพราะมีทั้งรักโรแมนติก การต่อสู้ ปัญหาระหว่างครอบครัวหรือฉากที่นางเอกหอบลูกหนีพระเอกและชื่อของพวกเขาคือ ชิน จิน ติน!
นี่เป็นนิยายเรื่องล่าสุดที่เธออ่านนี่! เด็กทั้งสามเป็นพระเอกนิยายในเรื่อง “พิสรัล” สาเหตุที่นิยายเรื่องนี้ชื่อพิสรัลเพราะคำนี้เป็นนามสกุลของเหล่าพระเอกและคำว่า พิสรัล แปลว่า ซื่อตรงยิ่ง ผู้เขียนต้องการนำเสนอให้พวกเขาซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง เนื่องจากปัญหาส่วนมากที่เกิดขึ้นในนิยายคือการไม่พูดคุยกันของตัวละคร ดังนั้นผู้เขียนจึงได้ตั้งชื่อนิยายว่า พิสรัล นั่นเอง
ครั้งแรกที่ลินได้รู้สาเหตุของชื่อนิยายก็ทำให้เธอรู้สึกเห็นด้วยกับผู้เขียนเพราะเหตุการณ์ต่าง ๆ ในนิยายที่เกิดขึ้นก็เกิดจากการไม่พูดคุยกันของตัวละคร ถ้าหากทั้งสองฝ่ายเปิดใจคุยกันนิยายทั้งสามเรื่องคงจบเพียงแค่ไม่กี่หน้าเท่านั้น
ในนิยายตระกูลพิสรัลเป็นตระกูลที่ก่อตั้งได้ไม่นาน แต่ตระกูลนี้ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์และยา ซึ่งถูกก่อตั้งโดยปู่ของเหล่าพระเอกในนิยายและพ่อของเหล่าพระเอกหรือจะเรียกอีกชื่อก็คือ “ศิระ” เขาก็ได้สานต่อจนทำให้ตระกูลร่ำรวยมาก มีทั้งอำนาจและเงินทองมากมาย เรียกได้ว่าแค่นั่งหายใจไม่กี่นาทีเงินในบัญชีก็เพิ่มขึ้นหลายล้าน
ส่วนเนื้อเรื่องในนิยายจะแบ่งออกเป็นภาคหนึ่ง ภาคสองและภาคสาม ซึ่งแต่ละคนก็จะได้ฝ่าฟันอุปสรรคของพวกเขาร่วมกับคนรักของตนเอง
คนแรก ชิน ลูกชายคนโตที่คลอดออกมาก่อนหน้าน้อง ๆ ไม่กี่นาที เรื่องของเขาคือเขาเป็นรองประธานบริษัทที่เจ้าเล่ห์และได้ตกหลุมรักกับเลขาของตัวเองที่มีไหวพริบเฉียบคมเรียกได้ว่าทั้งสองเหมาะสมกันสุด ๆ
คนที่สอง จิน ลูกชายคนรองผู้เอาแต่ใจ หลงตัวเองเป็นที่หนึ่ง เรื่องนี้เป็นนิยายชายรักชาย ตัวเอกเป็นคนที่พระเอกเคยแกล้งสมัยเด็ก ๆ และเมื่อโตขึ้นทั้งสองก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งและแน่นอนตัวเอกต้องเอาคืนพระเอก ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสองตกหลุมรักกัน
คนสุดท้าย ติน ลูกชายคนเล็กของบ้าน ชายหนุ่มผู้อ่อนแอ สุขภาพของเขาไม่ค่อยแข็งแรงนัก เขาได้แอบชอบเพื่อนตัวเองส่วนนางเอกของเรื่องก็แอบชอบเพื่อนตัวเองเหมือนกัน เพื่อนของพระเอกและนางเอกคล้ายจะชอบกันทำให้พระเอกและนางเอกต้องขัดขวางและพลาดไปมีอะไรกัน นางเอกคิดว่าพระเอกไม่รักตนเองจึงหอบลูกหนีพระเอกไปถึง 6 ปีจึงจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
เรื่องคร่าว ๆ ของทั้งสามคนก็ประมาณนี้ ส่วนการที่เธอได้ทะลุเข้ามาในนิยายกลายเป็นแม่ของพวกเขาเป็นเรื่องน่าตกใจ แต่มีสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ ถ้าเธอจำไม่ผิดแม่ของเหล่าพระเอกจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อพวกเขาอายุ 6 ขวบ!
หรือว่านี่อาจจะเป็นโอกาสของเธอที่จะได้กลับโลกเดิม!