การเปลี่ยนแปลง (2/2)
เช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น ในตอนนี้คนที่นอนอยู่ข้างเธอเมื่อคืนนี้เขาไม่ได้อยู่ห้องแล้ว ลินมองออกไปนอกหน้าต่างและนึกถึงเรื่องเมื่อคืน หลังจากที่นอนลงบนเตียงสามีของเธอก็คว้าตัวเธอไปกอดไว้ แรก ๆ เธอพยายามดิ้นขัดขืนแต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ตัวเขาก็ยิ่งกอดเธอแน่นมากขึ้น จนในที่สุดเธอก็ยอมแพ้ไปแล้วในช่วงขณะที่กำลังเคลิ้มจะหลับสามีของเธอก็พูดขึ้นมา
“มาทำให้บ้านมันเป็นบ้านด้วยกันนะ”
ลินที่ในตอนนั้นสติเริ่มเลือนรางจึงได้ตอบกลับเขาไป “อืม” แล้วหลับไป
“สามีของฉันคงจะเริ่มเปิดใจแล้ว” เธอพูดกับตัวเองแล้วลุกขึ้นไปแต่งตัว
หลังจากแต่งตัวเสร็จลินกำลังจะเดินไปห้องอาหารเธอก็ได้ยินเสียงพูดของลูคัสดังขึ้น “วันนี้คุณจะทำอะไรเหรอ”
“โผล่มาสักทีนะ”
“ผมอยากคุยกับคุณใจจะขาดแต่คุณไม่ได้อยู่คนเดียวสักที”
“ฉันขอร้อง นายอย่าพูดเหมือนเราเป็นชู้ได้ไหม” ถึงเธอจะไม่ได้รักสามีแต่ก็ไม่คิดจะไปมีชู้กับใคร เธอไม่ได้อยากสวมเขาให้สามีหรอกนะ ยิ่งโดยเฉพาะการเป็นชู้กับเจ้าระบบที่มีเสียงแต่ไม่มีตัวตนอย่างลูคัส
“คุณพูดอะไรออกมาเนี่ย ผมก็ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ” ถ้าลูคัสมีตัวตนตอนนี้ใบหน้าของเขาคงเป็นสีแดงที่ไม่รู้เกิดจากความโมโหหรือความอายกันแน่
“งั้นก็ดีแต่จะดีมากถ้านายช่วยเปลี่ยนคำพูดของนายด้วย” เธอเตือนเขาอีกรอบ ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครเห็นหรือรู้จักเขาแต่เธอก็ไม่อยากให้มีความเสี่ยงอะไรเกิดขึ้น เธอไม่อยากเป็นชู้รักกับเขาจริง ๆ นี่
“ผมเปลี่ยนแน่!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแข็ง
เมื่อลินเห็นว่าบทสนทนาเกี่ยวกับการเป็นชู้รักที่เธอคิดไปเองฝ่ายเดียวได้จบลง เธอจึงคิดจะปรึกษาแผนเกี่ยวกับการดูแลครอบครัวในสองปีนี้ที่เธอต้องอาศัยอยู่ที่นี่กับเด็ก ๆ และสามีของเธอให้กับลูคัสได้ฟัง เพราะอย่างน้อยสองหัวก็ยังดีกว่าหัวเดียว
“นายคงรู้แล้วว่าฉันมีแผนจะอยู่ดูแลครอบครัวนี้ต่อ”
“ครับ ผมรู้ ตอนนี้คุณมีแผนพิชิตใจเด็ก ๆ ไว้แล้วงั้นเหรอ”
“ใช่ ฉันคิดว่าจะเข้าใกล้ตินก่อน ถึงแม้ว่าเขาจะกลัวฉันอยู่แต่ถ้ามีสิ่งมาล่อตาล่อใจเขาได้ตินก็จะคุยได้ง่าย ส่วนคนที่สองเป็นจิน”
“ทำไมถึงเป็นจินล่ะ ผมนึกว่าจะเป็นชินซะอีก”
“อย่างที่นายรู้ว่าจินเขาค่อนข้างดื้อ เอาแต่ใจ แถมยังใจร้อนแต่เขาซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง รักก็จะบอกว่ารัก เกลียดก็จะบอกว่าเกลียด จิตใจเขาไม่มีความซับซ้อนอะไร ฉันแค่ต้องเอาใจใส่เขาให้มากขึ้น ในส่วนนี้ฉันคิดว่าฉันสามารถทำให้เขาได้นะ ส่วนคนสุดท้ายเป็นชิน เขาค่อนข้างเฉยชาจนบางครั้งฉันก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ อีกอย่างกำแพงในใจของเขาคงสูงมากถ้าฉันจะทลายเข้าไปคงต้องใช้เวลาพอสมควร”
“ผมเข้าใจแล้ว” ลูคัสคิดตามแผนของลินแต่เขาก็นึกสิ่งหนึ่งได้ “ว่าแต่คุณลืมไปคนหนึ่งรึเปล่า”
“ใคร” ลินคิดว่าครบทุกคนแล้วนะ เธอไม่ได้ลืมใครเลย
“ก็สามีคุณไง”
“นี่ ฟังนะ คุณศิระเขาคือสามีไม่ใช่ลูกของฉัน แล้วพวกเราก็ตกลงกันแล้วว่าจะทำหน้าที่พ่อแม่และสามีภรรยาให้เต็มที่ก็เท่านั้น” เธอพูดด้วยอาการลุกลี้ลุกลน
‘เขาเป็นสามีนะ จะให้ฉันไปดูแลเขาเหมือนลูกได้ยังไงกัน!’ ลินคิดในใจ
“ไม่ใช่ ผมหมายถึงคุณจะไม่มีแผนพิชิตใจสามีคุณเหรอ” เขาอธิบายต่อ “ผมรู้นะว่าคุณศิระผ่านมาตรฐานของคุณ” พูดจบลูคัสก็ยิ้มออกมาราวกับผู้ชนะ
“นายบ้าเหรอ! อีกไม่นานฉันก็จะกลับโลกเดิมแล้ว ฉันจะหาภาระให้ตัวเองทำไม” เธอแย้งลูคัส
“จริงเหรอคุณลิน คุณก็รู้ว่าคุณสามารถอยู่ที่นี่ต่อได้นี่” ลูคัสยังคงพยายามต่อไป
“หยุดพูดได้แล้ว”
“ถ้าหากพวกคุณสองคนตกหลุมรักกัน คุณก็มีเหตุผลจะอยู่ที่นี่ต่อนะ” แล้วภารกิจของเขาก็จะสำเร็จ เขาก็สามารถจะเลื่อนตำแหน่ง จะมีอะไรดีไปกว่าการเลื่อนตำแหน่งละ จริงไหม
“พอได้แล้ว! ถ้านายมีตัวตนฉันคงลงโทษนายไปแล้ว” เธอขู่เขา
ลูคัสขำให้กับคำขู่ของเธอแล้วตอบกลับไป “นี่คงเป็นข้อดีข้อเดียวที่ผมมีแค่เสียงไม่มีตัวตนละมั้ง”
“ว่าแต่ทำไมนายถึงมีแต่เสียงไม่มีตัวตนล่ะ อย่างน้อยเป็นจอสี่เหลี่ยมก็ยังดี” เธอพยายามเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาเพื่อไม่ให้ลูคัสล้อเลียนเรื่องการพิชิตใจสามี
“ตอนนี้ผมอยู่ตำแหน่งต่ำน่ะ ถ้าเทียบกับงานในบริษัทผมคงเป็นแค่พนักงานใหม่ ยังต้องสร้างผลงานเพื่อพิสูจน์ตัวเองถึงจะได้เลื่อนตำแหน่ง ถ้าได้เลื่อนตำแหน่งผมก็จะค่อย ๆ มีรูปร่างมากขึ้น ไม่ใช่มีแค่เสียงแบบนี้”
“โลกทุนนิยมก็โหดร้ายแบบนี้แหละ สภาพแวดล้อมจะบีบบังคับนายให้ดิ้นรนตลอดเวลา” ลินพยักหน้าเห็นด้วยกันลูคัสราวกับเข้าใจเขาเป็นอย่างดีแต่ในใจเธอกลับคิดว่าเขาหลอกง่ายจริง ๆ
“ดังนั้นถ้าคุณอยากเห็นผมก็ต้องช่วยให้ภารกิจของผมสำเร็จด้วยนะ!”
“ภารกิจอะไรเหรอ นายไม่เคยพูดถึงสักครั้ง” ลิมถามด้วยความสงสัย
“เอ๊ะ ภารกิจอะไร ไม่มี๊” ลูคัสตอบกลับเธอด้วยน้ำเสียงสูงเหมือนกับว่าเขาไม่ได้โกหกแต่ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้ลินดูออก
“อย่าบอกนะว่าภารกิจของนายคือทำให้ฉันเลือกที่จะอยู่ที่นี่ต่อ”
ลูกคัสตกใจกับคำถามของลินทันทีแต่เขาก็พยายามบ่ายเบี่ยงด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ “ไม่ ไม่ใช่แบบนั้นเลย จริงๆ นะ ผมจะมีภารกิจแบบนั้นได้ยังไง คุณก็รู้ว่า…”
“ฉันคงทายถูกสินะ” ถึงแม้จะไม่เห็นสีหน้าท่าทางของลูคัสแต่จากน้ำเสียงของเขาที่พูดออกมาลินก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง
“ไม่จริงเลย คุณมั่วแล้วคุณลิน” เขายังคงพยายามต่อไป
“นายมีความพยายามสูงดีนะลูคัส” เธอส่ายหัวให้กับความพยายามของเขา
“ยอมรับมาเถอะว่าสิ่งที่ฉันพูดมันถูกต้อง”
เมื่อเห็นว่าพยายามต่อไปก็ไร้ความหมาย ในเมื่อเขาถูกต้อนให้จนมุมขนาดนี้แล้วมีแค่ทางเดียวคือการพูดความจริงเท่านั้น “เฮ้อ คุณพูดถูกแล้ว ภารกิจของผมคือทำให้คุณเลือกที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป”
“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันเลือกที่จะไม่อยู่ต่อ”
“ผมก็คงต้องไปทำภารกิจใหม่ แต่คุณรู้ไหมว่าถ้าผมทำภารกิจไม่สำเร็จติดต่อกัน 3 ภารกิจ ผมจะหายไปตลอดกาลเลยนะ!” ลูคัสจึงได้ขอร้องเธอ “ดังนั้นนะคุณลิน คุณช่วยอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้เหรอ ที่นี่มีแต่ข้อดีกลับไปโลกเดิมคุณก็ไม่มีใครนะ”
ลินฟังสิ่งที่ลูคัสพยายามโน้มน้าวเธอก็รู้สึกบอกไม่ถูกจะบอกว่าสงสารก็ไม่ใช่จะบอกว่าเวทนาก็ไม่เชิง “แล้วนายไม่มีอะไรมาต่อรองกับฉันหน่อยเหรอ ในนิยายที่ฉันอ่านมาระบบแบบนายสามารถมีของวิเศษหรือกำหนดเวลาตายของฉันได้ ของพวกนั้นใช้บีบบังคับฉันได้ นี่นายไม่มีความสามารถอะไรบ้างเลยเหรอ”
“ผมบอกคุณแล้วว่าผมเป็นแค่พนักงานใหม่ ไม่มีอำนาจอะไรเลย ของวิเศษอะไรก็ไม่มีสักอย่าง เฮ้อ” เขาถอนหายใจออกมาด้วยความสงสารตัวเอง
“เป็นระบบก็ไม่ง่ายเลยนะ”
“ใช่ ไม่ง่ายเลย” เขาเห็นด้วยกับเธอ “อีกอย่างนะโลกนี้ก็ดีกว่าโลกเดิมของคุณมาก ถ้าเป็นคนอื่นคงเลือกอยู่ที่นี่ไปนานแล้ว เจ้านายของผมจึงคิดว่าภารกิจนี้ง่ายเลยไม่ให้ตัวช่วยอะไรมาแต่มันดันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ”
ภาพของลูคัสในหัวลินตอนนี้คือภาพหมาหงอยที่ทั้งคอและหูตกลงมาทั้งคู่พร้อมกับสายตาเศร้า ๆ เธอจึงได้กล่าวขอโทษเขาไป “ขอโทษนายด้วยที่ต้องมาเจอคนแบบฉันนะ”
ได้ยินแบบนั้นลูคัสก็รีบปฏิเสธทันที “นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณเลย! มันเป็นภารกิจของผมที่ต้องใช้ความสามารถของตัวเองต่างหากแต่ถ้าคุณเปลี่ยนใจจะอยู่ต่อก็บอกผมได้ทันทีเลยนะ”
“ได้สิ ฉันจะบอกนายทันทีเลยถ้าฉันจะอยู่ต่อ”
ลูคัสยิ้มให้กับคำตอบของเธอ “ผมจะรอวันนั้นนะ”
ทั้งสองได้พูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อยก่อนที่ลินจะขอตัวลงไปทานอาหาร หลังจากที่ลินเดินไปได้ไม่นานก็มีเสียงลูคัสตะโกนตามมา “อย่าลืมคิดแผนพิชิตใจสามีคุณด้วยละ” พร้อมกับเสียงหัวเราะของเขา ลินไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เธอแค่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาทั้งที่เธอถือไพ่เหนือกว่าแต่เขาก็ยังกล้าที่จะล้อเลียนเธออีก
เมื่อลินเดินมาถึงข้างล่างก็ได้เจอกับสามีและลูก ๆ ของเธอที่มารออยู่ก่อนแล้ว เธอกล่าวทักทายพวกเขาและแน่นอนว่าปฏิกิริยาของพวกเขาก็เป็นไปตามที่เธอคาดหมาย ชินตอบกลับมาแค่ครับ ตินมองหน้าเธออย่างกลัว ๆ ไม่ได้พูดอะไร ส่วนจินก็พูดว่าเธอมัวแต่ชักช้าจนทำให้เขาต้องรอ ลินไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแค่นั่งทานอาหารเช้า
เมื่อทั้งห้าคนทานอาหารเช้าเสร็จ ลินก็ได้พูดขึ้นว่า “ทุกวันศุกร์พวกลูกจะนอนด้วยกันใช่ไหม แม่อยากจะเชื่อมความสัมพันธ์ในครอบครัวของเรา ดังนั้นแม่เลยคิดว่าทุกวันเสาร์พวกลูกทั้งสามคนจะมานอนที่ห้องของพ่อแม่ด้วย ลูก ๆ คิดว่าไง”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลินพูดปฏิกิริยาลูกชายทุกคนของเธอดูอึ้งกันหมด พวกเขามองหน้ากันด้วยความสับสน จินที่ตั้งสติได้คนแรกจึงทักท้วงขึ้นมา
“แม่พูดอะไร ทำไมพวกผมต้องนอนด้วย” จินแย้งขึ้นมา
“ก็บอกแล้วว่าจะได้กระชับความสัมพันธ์ของพวกเราไง” เธอตอบเขา
“ผมไม่เอาด้วยหรอก แม่อยากจะ…” จินยังไม่ทันได้พูดจบเขาก็สัมผัสได้ถึงสายตาของพ่อจนทำให้จินต้องเงียบไป
“วันนี้คือวันเสาร์นี่ครับ” ชินพูดขึ้น
“ใช่แล้วจ้ะ วันนี้จะเป็นวันแรกที่พวกเรานอนด้วยกันครบทั้งห้าคน” พูดจบลินก็หันไปยิ้มให้กับลูกชายทั้งสามคน
ตินที่พึ่งหายจากอาการตกใจจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากพ่อ “พ่อครับ…” เขาส่งสายตาอ้อนวอนไปให้พ่อของเขาแต่น่าเสียดายที่พ่อก็ช่วยอะไรไม่ได้
“ฟังตามที่แม่พูด คืนนี้พวกเราจะนอนด้วยกัน” พูดเสร็จเขาก็มองไปที่ภรรยาด้วยรอยยิ้มยียวนก่อนจะเดินออกไปขึ้นรถทำงานที่บริษัทต่อ
เห็นว่าพ่อเดินออกไปแล้วจินก็พูดทันทีว่า “ให้ตายยังไงพวกผมก็ไม่นอนหรอก จริงไหมพวกเรา!”
จินมองไปที่พี่น้องของเขาเพื่อหาเพื่อนร่วมขบวนการ ต้องบอกเลยว่าทั้งสามคนร่วมมือกันเป็นอย่างดี ตินพยักหน้าเห็นด้วยกับจิน ส่วนชินถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรแต่ก็ไม่ได้แย้งจิน จินเมื่อเห็นแบบนั้นก็รู้สึกว่าตนเองถือไพ่เหนือกว่า เขามองไปที่ลินด้วยแววตาของผู้ชนะ
ลินสบตากับจิน เขาคงลืมไปแล้วสินะว่าเธอเป็นแม่ของพวกเขา ในบ้านหลังนี้ต่อให้ตอนนี้เธอจะไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงอะไรมากแต่คนที่ถือหางของเธอคือศิระ สามีผู้เป็นเจ้าของบ้านและยังเป็นพ่อของพวกเขาด้วย อีกอย่างตอนนี้ลูก ๆ ของเธอยังเป็นแค่เด็กไม่กี่ขวบ พวกเขาจะมีแรงไปต่อต้านเธอได้มากขนาดไหนกันเชียว
ลินเหลือบมองไปที่ลูก ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่คำที่กล่าวออกมากลับทำให้เด็กชายถึงกลับจำใจยอมรับข้อเสนอ “ถ้าอย่างนั้นกันดั้มรุ่นใหม่ หนังสือไดโนเสาร์หรือขนมก็คงต้องงดแล้ว”
พวกเขายังเป็นเด็ก ตอนนี้ไม่สามารถจัดการเรื่องเงินเองได้ ต่อให้ครอบครัวนี้จะรวยขนาดไหนก็ใช่ว่าพวกเขาจะสามารถซื้อของทุกอย่างได้ตามต้องการ ถ้าแม่ไม่อนุญาตแล้วยิ่งไม่มีสิทธิ์
นี่สินะคือข้อดีของการเป็นผู้ใหญ่ การใช้อำนาจบังคับขู่เข็ญ
เด็กทั้งสามคนได้ยินก็อึ้งทันที ของเหล่านั้นต่างเป็นสิ่งที่พวกเขาชอบแต่แม่ตัวร้ายกลับเอามาบังคับพวกเขาซะได้ เด็ก ๆ มองหน้ากันไปมาแล้วในที่สุดก็ตกลงกันได้ว่าตอนนี้ยังสู้กับแม่ไม่ไหว คืนนี่คงต้องไปนอนกับเธอ
“นอนก็นอนสิ!” พูดจบจินก็วิ่งออกไปทันทีด้วยความโมโห
“นอนก็ได้” ตินเห็นแบบนั้นก็บ่นกับตัวเองด้วยท่าทางสลดแล้วจึงเดินออกไป
ส่วนชิน เขาถามเธอ “พวกผมต้องเตรียมอะไรไปไหมครับ”
“ไม่ต้องจ้ะ มาแต่ตัวก็พอ” เธอตอบเขาพร้อมกับเอ่ยชมในใจว่าเด็กคนนี้รอบคอบจริง ๆ
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” พูดเสร็จเขาก็เดินออกไป
ลินยิ้มให้เขาเป็นคำตอบ เธอมองตามแผ่นหลังของลูกชายคนโตคนนี้แล้วนึกย้อนไปถึงเนื้อเรื่องในนิยายของเขา ช่วงที่แม่ของพวกเขาตายจากไปเด็กทั้งสามคนต่างเจ็บปวดกับการสูญเสีย แต่เนื่องจากต้องดูแลและคอยปลอบน้อง ๆ เขาจึงไม่ได้แสดงความรู้สึกร้องไห้เสียใจออกมามากนักกับการจากไปของแม่ บางทีเขาอาจจะเก็บกดในช่วงนั้นเพราะมีฉากหนึ่งในนิยายที่เขาไม่สบายและนางเอกที่กำลังดูแลอยู่ได้ยินเสียงละเมอเรียกหาแม่ของเขา แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้สนิทกับแม่อยู่แล้วแต่ทำไมถึงได้ละเมอเรียกชื่อเธอออกมา หรือว่าลูกชายของเธอคนนี้จะไปรู้อะไรมารึเปล่านะ?