บทที่ 8 ตัดขาด
บทที่ 8 ตัดขาด
“หา! ร้อยหยวน คิดได้ยังไงยืมเงินมาตั้งร้อยหยวน แบบนี้ชาติไหนจะใช้คืนหมด”
นางหลาวเมิ่งแทบสิ้นสติ ตอนนี้ทำงานหาเงินไม่ได้ยังกล้าสร้างหนี้สร้างสินอีก หากเจ้ารองลูกชายเธอรักษาไม่หายแล้วเกิดตายไปล่ะ จะทำยังไง บ้านหลันไม่ต้องช่วยใช้หนี้หรอกเหรอ
แบบนี้ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้เหลือแค่สามแม่ลูก แต่สองคนยังเด็ก สะใภ้รองที่สุดแสนจะเกลียดก็ทำงานหนักไม่ค่อยได้ สุดท้ายแล้วเจ้าหนุ่มเฟยเทียนต้องมาเก็บหนี้กับครอบครัวบ้านใหญ่ของเธอ
“แล้วแม่จะยอมให้ผมตายเหรอครับ หากไม่ยอมให้บ้านผมยืมเงินของเฟยเทียน” หลันเทียนหยู่เงียบอยู่นานจึงเอ่ยปากขึ้น พร้อมกับทำท่าทางอ่อนแรง
“ใช่ ฉันไม่ยอมให้พวกแกยืมเงินคนอื่นหรอกนะ หากพวกแกใช้คืนไม่ได้ บ้านใหญ่ไม่ต้องทำงานใช้หนี้ไปจนตายรึไง”
นางหลาวเมิ่งตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วยังไง หากเธอต้องจ่ายเงินและต้องมาใช้หนี้แทน ไม่สู้ให้ลูกชายตายไปเสียดีกว่า
ทุกคนได้ยินทำสีหน้ารังเกียจให้นางหลาวเมิ่ง ตอนนี้เป็นช่วงพักเที่ยงทำให้ชาวบ้านหลานคนเดินผ่านเพื่อไปกินอาหารที่บ้านของตนเอง พอเห็นว่าบ้านหลันมีคนอยู่เยอะต่างก็แวะยืนดู
หมดแล้ว ความรู้สึกที่ให้กับบ้านใหญ่ หลันเทียนหยู่จึงเอ่ยอย่างอิดโรย
“ถ้าแม่กลัวว่าบ้านใหญ่จะต้องใช้หนี้แทน แม่กับพ่อก็แยกบ้านให้ผมเถอะครับ พร้อมกับตัดขาดพวกผมไปเลย หากว่าผมรักษาตัวไม่หายและตายไป แม่และบ้านใหญ่จะได้ไม่ต้องมาจ่ายเงินแทนบ้านรองของเรา”
“ได้ยังไงล่ะครับอาเทียน ในเมื่อเป็นค่ารักษาอาเทียน บ้านใหญ่ก็ต้องช่วยด้วย เงินตั้งร้อยหยวนนะครับไม่ใช่เงินน้อยๆ ผมจะยอมเสียเงินฟรีๆ ได้ยังไง” หยางเฟยเทียนรีบพูดออกมาและแอบขยิบตาให้กับหลันอี้ข่ายและหลันลู่อิง
“นั่นสิครับพ่อ หากแยกบ้านแล้วพวกเราจะไปอยู่ไหนกัน พ่อต้องรักษาตัวอีกนะครับ”
หลันอี้ข่ายรู้ดีว่าการที่พี่เฟยเทียนส่งมาแบบนี้เพื่อต้องการกดดันบ้านใหญ่ให้ทำการแยกบ้าน เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพื่อให้บ้านใหญ่รู้ว่าบ้านรองไม่ต้องการแยกบ้าน
นางหลาวเมิ่งเมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกชายพูด เธอตาเป็นประกายทันทีในเมื่อเสนอมาเธอจะสนองให้ หากเธอไล่บ้านรองไปสามีคงไม่พอใจ เพราะเขารักหน้าตายิ่งกว่าอะไร
หลันเฉินซวนมองหน้าภรรยาเป็นเชิงปรึกษา ไม่นานเขาก็พยักหน้าให้เธอ แค่นี้บ้านเขาแทบจะไม่พอใช้ หากต้องมาร่วมใช้หนี้อีกร้อยหยวนคงลำบากแน่ ไม่สู้ตัดบ้านรองทิ้งไปดีกว่า แยกบ้านอย่างเดียวไม่ได้เด็ดขาด เขาจึงขยับปากบอกภรรยาว่าให้ตัดขาดไปเลย โดยไม่ส่งเสียง นางหลาวเมิ่งยิ้มแก้มปริเมื่อแก้ปัญหาได้
“ในเมื่อแกพูดเองนะเจ้ารอง อย่างนั้นฉันให้ตามที่แกขอ นั่นไงสะใภ้ใหญ่มาพอดีหล่อนไปตามผู้นำหมู่บ้านมาที่นี่ทีสิ เราจะทำการตัดขาดแยกบ้านกับบ้านรอง”
นางหลาวเมิ่งหันมาบอกสะใภ้คนโปรดแม้ว่าเจียอี๋จะไม่พอใจที่บ้านรองได้แยกบ้าน เพราะต่อไปงานทั้งหมดต้องตกใส่หัวเธอ แต่ก็พูดอะไรไม่ได้เพราะคำพูดของแม่สามีนั้นเธอและคนอื่นไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง จึงเดินไปตามผู้นำหมู่บ้านอย่างไม่ยินยอม
“ไม่นะคะย่า ต่อไปนี้หนูจะไม่ดื้ออีกแล้ว ย่าอย่าให้พวกเราแยกบ้านเลยนะ ฮือๆๆ”
หลันลู่อิงแม้จะดีใจแทบจะกระโดดตัวลอย แต่ต้องแสดงละครต่อไป เพราะหากบ้านรองไม่ร้องไห้โวยวายจะเป็นการผิดสังเกต เธอจึงวิ่งเข้าไปกอดขานางหลาวเมิ่งเพื่อให้สมจริง
“นั่นสิคะแม่ หากแม่ไล่พวกเราไป สี่ชีวิตไม่ต่างกับตายทั้งเป็นเลยนะ”
หงเหยารู้ดี การกระทำของเสี่ยวอิงคือการแสดงละคร เธอจึงเข้ามาเกาะขาแม่สามีด้วยอีกคนเพื่อให้สมจริงยิ่งขึ้น ก่อนจะแอบสบตาลูกสาวตาเป็นประกาย
“สะใภ้รอง หล่อนพูดดีๆ นะ ฉันไล่ครอบครัวหล่อนที่ไหนกัน เจ้ารองเป็นคนขอแยกบ้านเอง ทุกคนก็ได้ยิน ในเมื่อขอแยกบ้านวันนี้ฉันเห็นว่าสมควร อีกทั้งเจ้ารองไม่ได้เอ่ยเป็นครั้งแรก หล่อนจะมาใส่ความฉันไม่ได้ ทั้งหล่อนทั้งลูกของหล่อนปล่อยขาฉันได้แล้ว”
นางหลาวเมิ่งแก้ต่างให้ครอบครัว พร้อมกับสะบัดขาที่ถูกเกาะกุมให้หลุดออก สองแม่ลูกจึงกอดกันร้องไห้เพื่อให้ทุกคนเห็นว่าพวกเธอเสียใจหนักหนาที่โดนแยกบ้าน
หยางเฟยเทียนกระตุกยิ้มมุมปากและคิดในใจว่ายายตัวเล็กนี่แสบจริงๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองดีใจจนอยากจะโห่ร้อง แต่กลับเล่นละครให้ดูน่าสงสารและเป็นผู้ถูกกระทำ เขาเลือกที่จะเงียบไม่เปิดโปงยายตัวเล็ก และรอดูผลงานชิ้นนี้ต่อ ไม่นานผู้นำหมู่บ้านและกรรมการหมู่บ้านเดินตามสะใภ้ใหญ่กลับมา
“เกิดอะไรขึ้นนางหลาวเมิ่ง ทำไมให้สะใภ้ใหญ่บ้านหลันไปตามฉันมา”
ผู้นำหมู่บ้านแม้จะรู้ว่าบ้านรองโดนให้แยกบ้าน แต่ก็ถามย้ำเพื่อความแน่ชัดอีกครั้ง
“ไม่มีอะไรมากหรอกท่านผู้นำ พอดีว่าเจ้ารองและครอบครัวต้องการแยกบ้าน ฉันเลยให้สะใภ้ใหญ่ไปตามผู้นำและกรรมการมาเพื่อทำหนังสือแยกบ้าน”
“แล้วนายล่ะเฉินซวน นายตกลงให้เจ้ารองหลันแยกบ้านไหม”
ในเมื่อกฎของหมูบ้านมีไว้ว่าเมื่อลูกๆ ต้องการแยกบ้านคนเป็นพ่อต้องยินยอมหากไม่เช่นนั้นจะแยกบ้านไม่ได้
“อืม ฉันตกลง นายทำหนังสือแยกบ้านได้เลย” หลันเฉินซวนยังคงตอบด้วยท่าทางสงบนิ่ง โดยไม่คิดจะมองหน้าครอบครัวบ้านรองเลย
“แล้วนายจะแบ่ง...” ผู้นำหมู่บ้านยังไม่ทันพูดจบ นางหลาวเมิ่งจึงโต้แย้งขึ้นมาทันควัน
“ไม่มีอะไรให้แบ่งทั้งนั้น บ้านเราแทบจะไม่พอกินพอใช้อยู่แล้ว หลานทั้งสองคนยังต้องเรียน ซูซินยังต้องมีสินเดิมสำหรับแต่งงาน ดังนั้นบ้านรองแยกบ้านไปจะไม่ได้อะไรไปเลย”
คราวนี้ชาวบ้านมองนางหลาวเมิ่งอย่างรังเกียจ แค่ให้คนป่วยใกล้ตายแยกบ้านก็นับว่าแย่แล้ว นี่ยังไม่แบ่งอะไรให้อีก จะมีใครใจดำและน่ารังเกียจกว่านี้อีกไหม
ผู้นำหมู่บ้านพยักหน้าแต่ก็มองไปทางบ้านรองอย่างเห็นใจ ก่อนจะหันไปสบตาใครบางคนที่มีอำนาจและมาหลบซ่อนตัวตนอยู่ที่นี่ด้วยความไม่สบายใจ แต่พอเห็นคนคนนั้นพยักหน้าเขาจึงลงรายละเอียดในหนังสือแยกบ้าน เมื่อลงรายละเอียดเสร็จแล้วจึงอ่านให้ทุกคนฟัง
“เดี๋ยวก่อนท่านผู้นำ แม้ว่าบ้านรองจะแยกบ้าน แต่ด้วยความกตัญญู ดังนั้นบ้านรองยังต้องส่งอาหารมาให้บ้านใหญ่ทุกปี และเงินสองหยวนทุกเดือน ไม่เช่นนั้นไม่ต้องแยกบ้าน”
นางหลาวเมิ่งแม้ว่าจะแยกบ้านแต่เธอต้องได้อาหารและเงินทุกเดือนจากบ้านรอง
“ดีครับ เช่นนั้นท่านผู้นำช่วยใส่รายละเอียดไปด้วยนะครับว่า บ้านรองยืมเงินผมไปหนึ่งร้อยหยวนเพื่อรักษาอาเทียน ดังนั้นในเมื่อแค่แยกบ้าน บ้านใหญ่ต้องร่วมกันรับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นผมจะค้านเรื่องแยกบ้าน สุดท้ายไม่ว่ายังไงผมจะร้องเรียนเจ้าหน้าที่ ทีนี้ก็มาดูกันว่าเจ้าหน้าที่จะจัดการยังไง”
หยางเฟยเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมกับแสดงท่าทางเกียจคร้าน ในเมื่อยายตัวเล็กกับอาหงเหยาเล่นละครแล้ว สุภาพบุรุษเช่นเขาควรจะเล่นด้วยอีกคน
บ้านใหญ่หลันได้ยินเช่นนั้นแทบจะล้มทั้งยืน หลันเฉินซวนหันไปมองนางหลาวเมิ่งอย่างไม่พอใจที่ทำให้เสียเรื่อง เรื่องเกือบจะดีแล้วแท้ๆ
“ไม่ต้องส่งเสียอะไรทั้งนั้น ทางที่ดีทำหนังสือตัดขาดมาเลยก็แล้วกัน ต่อไปนี้บ้านใหญ่หลันและบ้านของเจ้ารองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก และหมายเหตุด้วยว่า หากใครมาวุ่นวายกับฝ่ายตรงข้าม ต้องชดใช้ค่าเสียหายสองร้อยหยวน ต่อให้บ้านรองจะไม่มีกินหรือบ้านใหญ่ไม่มีกินยังไงก็ห้ามมาวุ่นวายกันอีก”