บทที่ 6 หาเงินพาพ่อไปหาหมอ
บทที่ 6 หาเงินพาพ่อไปหาหมอ
แม้ว่าหลันอี้ข่ายไม่ใช่คนชอบพูด แต่นี่คือการหาเงินเพื่อรักษาพ่อและเพื่อเป็นทุนรอนของครอบครัว ความกล้าทั้งหมดจึงเกิดขึ้นกับเด็กหนุ่มโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นเป้าหมายเขาจึงรีบเดินเข้าไปสอบถาม
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าป้าต้องการหาอาหารอยู่หรือเปล่าครับ”
“ใช่แล้วพ่อหนุ่ม ป้าต้องการเนื้อหมูอย่างดีสิบชั่ง กระดูกหมูอีกห้าชั่ง และขาหมูอีกห้าขา พอดีว่าเจ้านายของป้ามีงานเลี้ยงที่คฤหาสน์ พ่อหนุ่มพอจะมีสินค้าที่ป้าต้องการไหม”
“ขาหมูขาละสิบห้าหยวน เนื้ออย่างดีชั่งละห้าหยวน กระดูกชั่งละสองหยวน ป้าสู้ราคาไหวไหม ผมกล้าการันตีในคุณภาพสินค้า”
หลันอี้ข่ายเลือกที่จะบอกราคากลางๆ แต่หากเป็นชาวบ้านธรรมดายังคงสูงอยู่ แต่เนื้อของเสี่ยวอิงนั้นเป็นของดี ราคานี้ย่อมไม่แพง ยิ่งราคาขาหมูไม่ต้องพูดถึงเพราะแต่ละขาของเสี่ยวอิงใหญ่ๆ ทั้งนั้น รับรองว่าคุ้มกับราคา
ลูกค้าคนนี้ครุ่นคิดไม่นานก็ตอบตกลง “ตกลง ราคาไม่สูงมากป้ายังรับไหว”
“รอสักครู่นะครับ”
หลันอี้ข่ายมองไปทางน้องสาวก่อนจะรีบเดินเข้าไปและบอกรายการที่ลูกค้าต้องการ หลันลู่อิงเมื่อเห็นพี่ชายมาเธอจึงถามว่าลูกค้าเอาอะไร
“พี่ใหญ่ราคาไม่สูงไปเหรอ”
“ไม่หรอก เนื้อของเราอย่างดี บางคนขายถึงเก้าหยวนหรือไม่ก็สิบหยวน ส่วนขาหมูหากใหญ่ๆ แบบนี้ยี่สิบหยวนยังขายได้”
เขาพูดขณะช่วยน้องสาวเอาสินค้าทั้งหมดใส่ถุง ก่อนจะเดินจูงมือน้องสาวและเอาตะกร้าขึ้นมาสะพายหลังเอง ก่อนจะเดินกลับมาหาลูกค้าคนแรกที่รออยู่
“ได้แล้วครับป้า ทั้งหมดร้อยสามสิบห้าหยวน ดูสินค้าก่อนจะจ่ายเงินนะครับว่าพ่อใจในคุณภาพไหม”
หลันอี้ข่ายยื่นถุงให้ก่อนจะบอกด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าจะตกใจกับราคาที่บอกไป แต่ใบหน้าเขากลับเป็นปกติ ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นเงินเยอะๆ ก็วันนี้ หลังจากลูกค้าคนแรกรับของมาพอมองเห็นสินค้าเธอยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหันไปถามว่าเมื่อไหร่จะเข้ามาขายอีก
“เมื่อไหร่จะมาขายอีก ป้ามีที่นี่บ่อย สินค้าดีๆ แบบนี้หายาก”
“ตอบไม่ได้ครับป้า อยู่ที่ว่าผมจะหาสินค้ามาได้ตอนไหน”
หลันอี้ข่ายเป็นคนระวังตัวอยู่แล้วจึงไม่อยากจะบอกว่าจะมาอีกเมื่อไหร่ ลูกค้าเมื่อไม่ได้คำตอบ ก็ไม่คาดคั้นเพราะไม่เป็นไรยังไงเธอมาหาซื้ออาหารทุกอาทิตย์อยู่แล้วต้องมีสักวันคงได้เจอพ่อค้าคนนี้อีก
“จริงสิ ก่อนจะไปป้าขอถามอะไรหน่อยได้ไหม ป้าอยากได้มีดอย่างดีไว้หั่นเนื้อสักสามเล่ม และกระทะใบใหญ่สองใบ ป้าลองไปหาในสหกรณ์แล้วไม่มีเลยคิดว่าที่นี่จะมี พ่อค้าที่เคยมาขายกลับไม่เจออีก”
เธอเดินหาคนขายมีและขายกระทะมานานแล้วยังไม่เจอเสียที จนต้องถามหนุ่มน้อยคนนี้แทน
“มีค่ะ แต่ราคาอาจจะสูงหน่อยนะคะ กระทะพวกเราหาได้ มีดก็มี ป้ารอสักครู่นะ”
หลันลู่อิงเป็นคนตอบพร้อมกับดัดเสียงเหมือนพี่ชาย เมื่อมาถึงซอกตึกเธอจึงหยิบมีดออกมาสามเล่ม และกระทะสองใบตามที่ลูกค้าร้องขอมา แต่สองพี่น้องกลับต้องกุมขมับเพราะของพวกนี้ทั้งสองคนไม่รู้จริงๆ ว่าจะขายราคาเท่าไหร่
“งานเข้าแล้วพี่ใหญ่ เราจะขายเท่าไหร่ดี”
“พี่ก็จนปัญญาเหมือนกัน เคยเข้ามาขายแต่ของป่า ส่วนเนื้อสัตว์ได้ยินคนอื่นเขาขาย แต่พวกกระทะกับมีดพี่ไม่แน่ใจราคา แต่เอาแบบนี้ไหม ลองดูว่าป้าคนนั้นจะสู้ราคาเท่าไหร่ แล้วเสี่ยวอิงค่อยเพิ่มหรือตอบรับในราคาที่ป้าเขาเสนอมา”
หลันอี้ข่ายคิดว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุด ในเมื่อเขาและน้องสาวไม่รู้ราคา นี่คือทางออกที่ดีที่สุด
“นี่ค่ะป้า ของที่ป้าต้องการ” หลันลู่อิงยื่นสินค้าให้ ลูกค้าคนนี้ตาเป็นประกาย เพราะทั้งมีดและกระทะคือของดีที่สุดเท่าที่เห็นมา
“แล้วราคา...”
“ป้าลองเสนอมาดูค่ะ หาเราสองคนรับได้ก็จะขายให้”
“ถ้าให้ป้าบอก ป้ากลัวจะสู้ราคาไม่ได้ของที่ทั้งสองคนเอามามันของดีจริงๆ ป้าสู้ไหวคือกระทะห้าสิบหยวนและมีดสี่สิบหยวน เราสองคนพอรับไหวไหม” เธอเกรงใจทั้งสองคนมาก แต่ถ้าแพงกว่านี้เธอเงินไม่พอ
“ตกลงค่ะ เฉพาะครั้งนี้นะคะ หนูให้ป้า”
หลันลู่อิงตอบตกลง ราคานี้เธอก็พอใจแล้ว อีกอย่างของทั้งหมดเธอไม่ได้เสียเงินซื้อมา อย่างน้อยๆ ก็จับเสือมือเปล่า
“นี่เงิน สองร้อยยี่สิบหยวน ขอบใจมาก”
ลูกค้ายื่นเงินให้สองพี่น้องก่อนจะหยิบของเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม หลังจากผ่านลูกค้าคนที่หนึ่งต่อไปสองพี่น้องแทบไม่ต้องหาลูกค้าเองอีก ไม่ว่าจะเป็นอาหาร หรือว่าเครื่องครัว ทั้งสองวิ่งขายกันหัวหมุน จนคิดว่าได้เวลากลับบ้านสองพี่น้องจึงแอบเดินเข้าซอกตึกอีกครั้ง ก่อนจะผลุบหายเข้ามิติ แต่ทั้งสองยังไม่ทันเดิน กลับเจอป้าท่านหนึ่งที่ดูไม่ค่อยมีแรงเรียกไว้
“พ่อหนุ่มรอก่อน” หลันอี้ข่ายหันกลับมามองจึงเอ่ยถาม
“ป้าเรียกเราสองคนเหรอครับ”
“ใช่ ป้าจะถามว่าเราทั้งสองรับแลกเปลี่ยนของไหม แต่ป้าไม่มีเงินนะมีแต่ของพวกนี้”
ป้าท่านนี้มองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นใครจึงเปิดห่อผ้าที่อยู่ในตะกร้าออกมา ตอนนี้ลูกชายของเธอไปเดินหาแลกของเหมือนกันไม่รู้ว่าจะได้ไหม
หลันอี้ข่ายมองแล้วเฉยๆ เพราะของพวกนี้แทบจะไม่มีค่าเลย อีกทั้งของเก่าของโบราณและเครื่องประดับยังเป็นสิ่งของต้องห้ามสำหรับชาวบ้าน แต่ต่างกับหลันลู่อิงตอนนี้ตาเธอเป็นประกายเพราะรู้ดีว่าของพวกนี้ในอนาคตนั้นมีค่ามากแค่ไหน
“ป้าต้องการอะไรบ้างคะ”
“ป้าต้องการอาหารและเนื้อ รวมทั้งยา แต่ไม่ต้องมากนะ ยายรู้ดีว่าของพวกนี้เป็นของไม่มีราคา”
“ป้ามีแค่นี้ใช่ไหม” หลันลู่อิงเอ่ยถาม แม้ว่าตอนนี้ป้าจะใส่เสื้อผ้าเก่า แต่ท่าทางในอดีตคงเป็นลูกคุณหนูแน่ๆ
“มีอีกแต่ลูกชายป้ากำลังไปหาแลกสิ่งของเหมือนกัน”
“ป้าไปเรียกลูกชายมาที่นี่นะคะ หนูจะเตรียมของให้”
หลันลู่อิงไม่พูดอะไรมากเธอเดินเข้าซอกตึก เอาทั้งอาหาร ยาและเครื่องนุ่งห่มใส่เต็มตะกร้า พร้อมกับแอบหย่อนเงินไปอีกสิบหยวน โดยที่หลันอี้ข่ายไม่พูดอะไร แต่กลับมองน้องสาวด้วยความอ่อนโยน เมื่อเห็นการกระทำของเธอ
ไม่นานลูกชายของป้าท่านนี้เดินกลับมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเพราะแลกอะไรไม่ได้เลย แต่พอแม่บอกเรื่องราวทั้งหมดสีหน้าเขาจึงยิ้มแย้มขึ้นมา ก่อนจะส่งตะกร้าให้หลันอี้ข่ายและเอาตะกร้าของแม่มาสะพายไว้ด้านหลัง หลันลู่อิงจึงเอาของเหมือนกันใส่ในตะกร้าของเขาอีกครั้งพร้อมกับเงินสิบหยวนเหมือนเดิม ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะแยกย้ายกันกลับ
แต่พอสองแม่ลูกถึงบ้านเมื่อเห็นเงินอยู่ในตะกร้ารวมทั้งหมดยี่สิบหยวนได้แต่กอดคอกันร้องไห้ เพียงแค่อาหารที่ให้มาก็ทำกินได้หลายเดือนแล้ว เงินยี่สิบหยวนชาวบ้านธรรมดาแบบพวกเขาใช้ได้เป็นปีๆ ทั้งสองคนจึงคุกเข่าไปทางหน้าบ้านเพื่อขอบคุณเด็กทั้งสองคน หวังว่าสักวันจะได้เจอกันอีกเพื่อตอบแทนสิ่งที่สองคนมอบให้
สองพี่น้องเมื่อเข้ามาในมิติ จึงได้มานับเงินที่ได้มา แม้จะรู้ว่าเยอะ แต่ไม่คิดว่าจะขายได้ถึงสามพันหยวน
“ขายได้ทั้งหมดสามพันกับห้าหยวนแหละพี่ใหญ่”
หลันลู่อิงยิ้มแป้นแม้จะไม่รู้ว่าค่าของเงินที่นี่เป็นยังไง แต่จากอาการตาค้างของหลันอี้ข่ายเธอคิดว่าคงจะมากพอควร
“เฮ้พี่ใหญ่...สติค่ะสติ” เธอใช้มือโบกไปมาตรงหน้าของพี่ชายก่อนจะหัวเราะคิกๆ อย่างชอบใจ
หลันอี้ข่ายเมื่อได้สติ แต่เพราะยังไม่เชื่อว่าครอบครัวเขาตอนนี้มีเงินถึงสามพันหยวน จึงได้หยิกแขนตัวเองอีกครั้งเพื่อความมั่นใจว่าเขาไม่ได้ฝันไป
“โอ๊ย! เจ็บๆๆ นี่คือเรื่องจริง” เขาร้องเสียงหลงเมื่อหยิกเนื้อตัวเอง เพราะเจ็บมากนั่นเอง