บทที่ 8
ในระหว่างที่กำลังเดินไปที่ป้อมสังเกตการณ์ ฟลงเฟยนึกถึงเรื่องที่สามารถนำของติดตัวไปมาระหว่างสองโลกได้หนึ่งชิ้น แล้วก็เกิดความสงสัย ทำไมเขาถึงเอาดาบผีสิง ติดไปได้ด้วยล่ะ หรือว่ามันไม่นับของที่ในถุงย่ามกันนะ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ถุงย่ามนี่ก็วิเศษไปเลย ใส่ของได้ตั้ง 300 ช่อง เท่ากับเขาสามารถขนของไปมาได้เยอะจนแทบไม่ต้องนับเลยน่ะสิ
เมื่อเดินทางมาถึงหน้าป้อมสังเกตการณ์ พวกของลีมูนที่กำลังนั่งผิงไฟบรรเทาหนาวอยู่กองเพลิง เห็นหลงเฟยก็กล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับชักชวนให้หลงเฟยนั่งลงผิงไฟด้วยกัน
“สวัสดีครับ พวกพี่ทำอะไรกันอยู่ครับ” หลงเฟยกล่าวทักทาย และค่อยๆ เดินไปนั่งลงบนขอนไม้ที่ยังว่างอยู่ คนที่นั่งอยู่รอบกองไฟประกอบไปด้วย ลีมูน มิเชล การิน และอารีนนักเวทสายรักษาประจำกลุ่ม
“พวกข้ากำลังคุยกันถึงเรื่องหมู่บ้านที่ถูกพวกมอนสเตอร์โจมตีนั่นแหละ ในตอนนี้มันกลายเป็นข่าวลื้อที่แพร่กระจายกันทั่วอาณาจักรแล้ว” มิเชลตอบ
“แล้วเรื่องราวมันเป็นยังไงเหรอครับ” หลงเฟยได้ยินก็เริ่มที่จะสนใจขึ้นมาในทันที
ลีมูนที่เห็นท่าทางกระตือรือร้นอยากรู้ข้อมูลของหลงเฟย ก็คิดไปว่า หลงเฟยเองก็เป็นหนึ่งในผู้เคราะห์ร้าย คงต้องการรู้เรื่องราวของหมู่บ้านตัวเองที่จากมา ลีมูนถอนหายใจออกมาอย่างเห็นใจ ก่อนจะเล่าเรื่องราวซ้ำอีกรอบให้หลงเฟยฟัง
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ คือ ส่วนใหญ่หมู่บ้านที่โดนโจมตีน่ะ มันมักจะเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับชายแดนของอาณาจักรกันทั้งนั้น ตอนนี้เท่าที่ได้รับข่าวมา คือมีหมู่บ้านถูกโจมตีไปแล้วสามแห่ง และเมืองที่รับผิดชอบทั้งสามหมู่บ้านนั้นก็คือเมืองของเรา ช่างนี้ในเมืองจึงมีคนต่างถิ่นเยอะกว่าปกติ” ลีมูนเริ่มอธิบาย
“แต่ข้าว่าพวกเราสบายใจได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เมื่อเช้านี้ ก่อนที่เจ้าจะมา ทหารที่เก่งที่สุดในเมืองได้ถูกส่งตัวออกไปกำจัดมอนสเตอร์เหล่านั้นแล้ว อีกประมาณ 7-9 วัน คงจะได้ข่าวความคืบหน้าอีกครั้ง เจ้าก็รอฟังข่าวดีๆ ละ” อารีนผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มรีบเล่าเสริม เมื่อเห้นหลงเฟยทำสีหน้าเป็นกังวล
“แล้วพวกเราจะต้องไปออกศึกด้วยหรือเปล่าครับ เราเองก็เป็นทหารของเมืองนี้เหมือนกัน แต่ผมยังไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองเลย” หลงเฟยกล่าวสิ่งที่กังวลออกมา
“ฮ่าๆ พวกเราเป็นทหารสังกัดป้อมปราการ ไม่ใช่แนวหน้า ถ้าหากมอนสเตอร์ยังไม่ได้บุกมาจนถึงหน้าเมือง เราก็ยังสบายๆ อยู่ แต่ถ้าหากพวกมันบุกมาถึงนั่นแหละ พวกเราจะเหนื่อยกว่าทหารฝ่ายอื่นๆ เป็นเท่าตัวเลยทีเดียว” การินยอดนักธนูกล่าวออกมา
“อีกอย่างเจ้ายังเป็นแค่ทหารฝึกหัด คงยังไม่ได้ออกรบหรอก” มิเชลพูดเสริมอีกสั้นๆ
“ถ้ามันเป็นอย่างนั้น ผมก็สบายใจ” หลงเฟยถอนหายใจโล่งอก และเมื่อความกังวลหายไป กลิ่นอาหารตรงหน้า ก็เรียกความหิวก็เข้ามาแทนที่
“ว่าแต่วันนี้ปิ้งอะไรทานกันเหรอครับ กลิ่นหอมเชียว” หลงเฟยถาม เมื่อปลาย่างที่ปักอยู่รอบกองไฟ ส่งกลิ่นออกมาอ่อนๆ ทำให้ท้องของเขาเริ่มที่จะร้องเสียงดังออกมา
“อ้อ ข้าว่าเจ้าจะต้องชอบแน่ๆ นี่คือปลาโคลนย่าง พวกมันชอบอยู่ในโคลนกันหลายๆ ตัว กว่าพวกข้าจะจับมันมาได้ ก็ใช้เวลานานพอสมควรเลย” ลีมูนกล่าว พร้อมกับยื่นปลาย่างแบ่งให้เขาไม้หนึ่ง
หลงเฟยยิ้ม ยื่นมือไปรับปลามาจากลีมูน พร้อมกับกล่าวขอบคุณเล็กน้อย
เมื่อหลงเฟยกัดเข้าไปหนึ่งคำ รสสัมผัสของมันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากปลาดุกบ้านเราเลยสักนิด แต่สิ่งที่มันขาดไปคงจะเป็นน้ำจิ้มแจ่วที่ใช้ทานคู่กันมาอย่างยาวนานตามบ้านเกิดที่เขาจากมา รสชาติที่เขาได้รับตอนนี้จึงจืดสนิท
“เป็นยังไงบ้าง เห็นอย่างนี้ ที่ตลาด ปลาโคลนย่างขายตัวละ 35-45 เหรียญทองแดงเลยนะ” อารีนถามทันทีที่เห็นหลงเฟยกัดเนื้อปลาเข้าปาก
‘คนที่นี่ชอบรสชาติจืดๆ แบบนี้กันหรอ หรือเป็นเพราะยุคนี้เครื่องปรุงมันหายากกันนะ ถ้าเรามาทำอาหารขายบ้างจะดีไหมนะ’ หลงเฟยคิดขณะที่ยังกินปลาย่างในมือไปเรื่อยๆ และตัดสินใจว่าจะสอบถามเรื่องอาหารการกินของคนที่นี่จากพวกลีมูนดู
“เอ่อ.. ผมมีเรื่องสงสัยครับ คนที่นี่เขาไม่ปรุงรสอาหารกันหรอครับ” หลงเฟยถามสิ่งที่สงสัยมานานออกไป
“ปรุงรสอาหารคือสิ่งใดกัน การทำให้อาหารมีรสชาติหรือ?” ลีมูนถามกลับ
“ใช่ครับ”
“โถ่ คนที่นี่เขาไม่ทำกับหรอก การทำให้อาหารมีรสชาติก็ต้องใช้เกลือ เจ้าไม่รู้หรือว่าเกลือน่ะมันแพงแค่ไหน ถ้านำเกลือมาทำอาหาร ราคาอาหารไม่ต้องพุงไปถึง 10-20 เหรียญเงินเลยรึ” ลีมูนพูดพร้อมกับมองมาทางหลงเฟยเหมือนเห็นตัวประหลาด
“แล้วอย่างอื่นล่ะครับ?” หลงเฟยยังไม่หายสงสัย
“อย่างอื่น? สิ่งใดกันที่จะนำมาใช้ทำให้อาหารมีรสชาติได้อีก?” คราวนี้กลับเป็นพวกลีมูนเองที่เริ่มสงสัย
“เอ่อ.. ผมคิดว่ามันน่าจะมีอย่างอื่นนอกจากเกลือน่ะครับ พวกพี่อย่าสนใจเลย ยังไงผมขอตัวไปฝึกก่อนนะครับ” หลงเฟยตัดบนเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาฝึกซ้อมของเขาแล้ว
ในขณะที่เดินไปลานฝึก หลงเฟยก็ยังคงคิดถึงเรื่องทำอาหารอยู่ หากถุงย่ามสามารถนำของใส่และใช้นำของข้ามไปมาระหว่างโลกได้อย่างที่เขาเดาจริงๆ ล่ะก็ การมาตั้งร้านขายอาหารที่นี่จะต้องขายดีแน่ๆ ยังไงวันนี้ก่อนกลับ เขาจะต้องถามรีเอลให้หายสงสัยให้ได้
วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เขาฝึกอย่างสนุกสนาน แม้ร่างกายจะมีรอยซ้ำจากการโดนฟาดด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ของเหล่าผู้ช่วยครูฝึก และกล้ามเนื้อของเขาฉีกขาดบางจุด แต่มันก็เป็นความเจ็บปวดที่ทำให้เขารู้สึกดี มันเหมือนเราได้ออกกำลังกายอย่างหนัก ทำให้ร่างกายแข็งแรง และเลือดลมดีเดินได้ดีขึ้น แม้มันจะต้องแลกมากับความเจ็บปวดไปบ้างก็ตามที
ในตอนเย็น หลงเฟยมาร่วมกินข้าวกับพวกลีมูนที่ร้านประจำของพวกลีมูน ก่อนที่เขาจะกลับไปพักผ่อนที่กระท่อมของเขาเช่นอย่างเคย จนเวลาล่วงเลยมาใกล้ถึงเวลาตี 4 แสงสว่างวาบก็นำเขาเข้ามาในห้องเตรียมการเหมือนทุกครั้ง