บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

พวกลีมูนก็ไม่ได้ว่าอะไร พวกเขากำลังช่วยกันคิดหาที่พักให้กับหลงเฟย เพราะพวกเขาสงสารหลงเฟย ที่เพิ่งจะโดนมอนสเตอร์บุกโจมตีหมู่บ้าน ต้องหนีเอาชีวิตรอดออกมา จนกลายมาเป็นคนเร่ร่อนแบบนี้ พวกเขาจึงอยากจะช่วย แม้จะช่วยอะไรได้ไม่มากก็ตาม

ลีมูนพาหลงเฟยมายังที่พัก ซึ่งมันเป็นเพียงกระท่อมหลังเล็กๆ ที่ทำมาจากฟาง

“นี่เป็นที่พักของพวกพลทหาร หวังว่าเจ้าจะพออยู่ได้นะเฟย และถ้าเจ้ายังไม่มีอะไรทำ ก็ลองมาสมัครเป็นทหารดูนะ ข้าเป็นนายกองทหารอยู่ อาจจะพอใช้เส้นสายของข้าช่วยได้อยู่บ้าง”

“ต้องขอบคุณพี่ลีมูนมาก ผมก็อยากฝึกฝนอยู่พอดีเลยครับ ยอมรับกันตามตรงว่าผมไม่ค่อยรู้จักอะไรภายนอกหมู่บ้านที่ผมเคยอาศัยอยู่เลย คงต้องขอคำแนะนำ และรบกวนพวกพี่สักหน่อยนะครับ” หลงเฟยบอกพร้อมกับโค้งให้ลีมูน

ลีมูนเองก็ให้กำลังใจหลงเฟยไปอีกเล็กน้อย และยืนยันว่าหากหลงเฟยต้องการจะมาสมัครเป็นทหาร เขาจะช่วยเป็นธุระในเรื่องของการเข้าประจำการที่กองทัพให้

เมื่อลีมูนจากไป หลงเฟยก็เข้าไปสำรวจภายในกระท่อมของเขา มันมีเพียงแค่เตียงหญ้าแห้งเก่าๆ กับหมอนเน่าๆ ใบหนึ่ง และผ้าห่มขาดๆ อีกหนึ่งผืน แต่สำหรับหลงเฟยแล้ว มันไม่ใช่ปัญญาใหญ่อะไร เนื่องจากลำบากกว่านี้เขาก็เคยผ่านมาแล้ว

“เอาล่ะ ลองสำรวจดาบดูสักหน่อยดีกว่า” หลงเฟยหยิบดาบออกมาจากช่องเก็บของ

เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับตำนานของดาบต้องสาปมาบ้าง ว่า เมื่อมันถูกชักออกมา มันจะต้องดื่มเลือดของคนอย่างน้อย 9 คน ไม่อย่างนั้นผู้ที่ชักมันออกมาเองนั้นแหละ ที่ต้องกลายเป็นเครื่องสังเวยแทน

หลงเฟยจึงไม่กล้าที่จะชักดาบออกมา ภายนอกของตัวดาบมีฟักดาบสีดำครอบอยู่ ด้านจับมีหนังของตัวอะไรสักอย่างพันอยู่ มันดูเหมือนดาบคาตานะธรรมดาๆ เล่มหนึ่งเพียงเท่านั้น ถ้าไม่นับไอสีม่วงอมแดงที่แผ่กระจายออกมาจากรอบตัวดาบ ที่ทำให้มันดูน่ากลัวมากขึ้น

จากนั้นเขาก็หันมาสนใจถุงย่ามใบเก่าที่มีลักษณะเหมือนถุงย่ามของพระ เพียงแต่มันมีสีขาว และมันก็เปื้อนไปด้วยฝุ่น ทำให้มันดูเก่าสมชื่อของมันจริงๆ แต่ด้วยความที่หลงเฟยเป็นคนรักความสะอาด เขาจึงนำถุงย่ามเก่าๆ ใบนี้ไปซักน้ำที่หลังกระท่อม แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจก็คือ ไอเทมชิ้นนี้ได้เปลี่ยนไปจาก ‘ถุงย่ามเก่าๆ’ กลายมาเป็น ‘ถุงย่ามใหม่เอี่ยม’ แทน

เมื่อเวลาผ่านไปจนถึง 07.30 น. ตามเวลาในโลกนี้ ก็เป็นเวลาเลิกกะเฝ้าเวรยามของพวกลีมูนพอดี พวกเขาจึงมาชวนหลงเฟยไปนั่งกินข้าวเช้าที่ร้านประจำของพวกเขา

ทันทีที่ทุกคนเข้ามาในร้าน พ่อครัวก็ทักทายอย่างเป็นกันเอง หลงเฟยดูเมนูอาหารก็พบว่า ข้าวจานหนึ่งราคา 30 เหรียญทองแดง เมนูไหนที่มีเนื้ออยู่ด้วยก็มักจะเป็นเนื้อของมอนสเตอร์ ซึ่งราคาจะต่างกันถึง 10 เท่า ในตอนนี้หลงเฟยไม่มีเงินติดตัวเลยสักเหรียญเดียว เพราะเขาใช้มันในการสุ่มกล่องอาวุธไปหมดแล้ว

พวกของลีมูนก็ตั้งใจที่จะเลี้ยงข้าวหลงเฟยอยู่แล้ว จึงบอกให้เขาสั่งได้เต็มที่เลย ถึงมันจะไม่ได้มากมายอะไร แต่หลงเฟยก็ซาบซึ้งในความมีน้ำใจนี้ และคิดว่า เมื่อมีโอกาสเขาจะต้องตอบแทนคนดีๆ อย่างพวกของลีมูนอย่างแน่นอน

ไม่นานอาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟลงตรงหน้าของหลงเฟย ภายนอกมันหน้าตาเหมือนกับข้าวผัดไข่ธรรมดาที่มีผักอยู่นิดหน่อย หลงเฟยมองไปที่อาหาร และไม่รอช้า ใช้ช้อนไม้ไผ่ที่เป็นเพียงแค่ไม้แท่งตรงๆ ธรรมดาตักข้าวผัดเข้าปากไปหนึ่งคำใหญ่

‘จืดมาก!! นี่คือรสชาติที่เรียกว่าอร่อยแล้วหรอเนี่ย ถ้าเราได้ลองทำอาหารของโลกเราขายนี่น่าจะรุ่ง คงได้กลายเป็นร้านที่อร่อยที่สุดในโลกนี้ไปเลยแน่ๆ’

หลงเฟยคิดไปพลาง ตักข้าวผัดเข้าปากต่อไปพลาง ก็อย่างที่บอก เรื่องความยากลำบาก หรืออาหารไม่อร่อยพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขา ก็คือทนได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าชอบหรอกนะ

ทางด้านของพวกลีมูนก็เฝ้าสังเกตว่าอาหารที่พวกเขาแนะนำมันจะอร่อยสำหรับหลงเฟยหรือเปล่า พวกเขาคิดว่ามันเป็นอาหารที่ราคาถูก และอร่อยที่สุดแล้วสำหรับที่คนธรรมดาอย่างเราๆ จะหากินได้ และเมื่อพวกเขาเห็นหลงเฟยทานต่อจนหมดก็สบายใจ โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าแท้จริงแล้วในใจของหลงเฟยคิดอย่างไร

‘ทำไมข้าวมันแห้งอย่างนี้ ไม่พอมีกลิ่นไหม้อีก! ผักนั่นอีก ถึงจะหน้าตาเหมือนกับใบคะน้า แต่ทำไมมันขมจังวะ! นี่มันไม่ต่างอะไรกับอาหารสุนัขเลย!!’ หลงเฟยกู่ร้องอยู่ภายในใจ

หลังจากมื้ออาหารที่แสนจะจืดชืดได้ผ่านพ้นไป ลีมูนก็พาหลงเฟยมาสมัครทหาร โดยใช้เส้นสายที่ลีมูนมี ทำให้หลงเฟยเข้ารับราชการได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ

ตำแหน่งที่หลงเฟยได้รับในตอนนี้ คือ พลทหาร ซึ่งในช่วงแรก เขาต้องเข้ารับการฝึกในค่ายทหารเป็นเวลากว่า 1 เดือน ก่อนจะได้บรรจุเข้ารับราชการจริงๆ

หลงเฟยขอบคุณลีมูนเป็นการใหญ่ และสัญญาว่าเขาจะตั้งใจฝึกฝนอย่างแน่นอน เมื่อได้บัตรประจำตัวทหารมาแล้ว เขาก็ต้องเข้าไปรายงานตัวในค่ายทหารเพียงคนเดียว เนื่องจากลีมูนที่ช่วงนี้ประจำการเฝ้าเวรตอนกะกลางคืนต้องกลับไปพักผ่อน

ภาพตรงหน้าหลงเฟย คือ ประตูค่ายทหารที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง โดยมีท่อนไม้หนาสูงเกือบสามเมตรเรียงต่อกันเป็นกำแพงล้อมรอบค่ายทหารอยู่ เมื่อก้าวเข้าไปในบริเวณค่ายทหาร สิ่งแรกที่หลงเฟยต้องทำ ตามคำแนะนำของลีมูน ก็คือ การรายงานตัว เขาจึงเดินไปที่โต๊ะรายงานตัวทันที

“สวัสดีครับ ผมเป็นพลทหารใหม่มารายงานตัว เพื่อเข้ารับการฝึกครับ” หลงเฟยกล่าวทักทายนายทหารที่นั่งอยู่หลังโต๊ะรายงานตัว พร้อมกับยื่นบัตรประจำตัวทหารในมือให้คนตรงหน้า

นายทะเบียนที่กำลังจดอะไรบ้างอย่างก็เงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะยื่นมือมาหยิบบัตรประจำตัวที่หลงเฟยยื่นมาให้ พร้อมกับอ่านข้อมูลบนบัตร “หลงเฟย อายุ 20 ปี .... แล้วเจ้าเคยใช้อาวุธใดมาก่อนบ้าง ในบัตรของเจ้าไม่เห็นมีข้อมูลในส่วนนี้ระบุไว้”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel