หลงครั้งที่ 1
Ep.1
ภายในคฤหาสน์หรูในห้องทำงานของชายเจ้าของบ้าน เขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน นั่งมองหน้าลูกชายคนเล็กของเขาที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยสายตากดดัน
“ทำไม…ต้องผม”
“เจ้าใหญ่เขาต้องทำงานเยอะ..แกนะไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่หรือไง..ก็ถือซะว่าไปช่วยลุงเขาหน่อยแค่ไม่กี่เดือนเอง”เขามองหน้าพ่อของตัวเองนิ่งอย่างคิดหนัก
“เฮ้อออ…วันไหน”
“อีกสองอาทิตย์”เขาพยักหน้ารับคำสั่งของพ่อตนเองอย่างเข้าใจ
“..ขอตัว”เขาบุกขึ้นเมื่อเห็นว่าพ่อของเขาคงหมดธุระพูดแล้ว
“เจ้าปริ้นซ์..”เสียงของพ่อเขาดังขึ้น ทำให้ร่างสูงที่เดินไปเกือบถึงประตูต้องหันกลับมา
“…….”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้..หนูกิ่งเขาจะไปรอแกที่คอนโดนะ”ภายใต้ใบหน้าที่ไม่ได้แสดงว่ารู้สึกอะไรแต่จริงๆแล้วเขารู้สึกงุดหงิดสุดๆ
“ไม่..”เขาตอบปฏิเสธเพียงสั้นๆ
“พูดเป็นคำเดียวหรือไง..ก็ลองคุยๆกับน้องเขาไปก่อนชอบไม่ชอบค่อยบอกอีกที”พ่อเขาพยายามหวาดล้อมให้ลูกชายของเขายอมคุยกับหญิงสาวที่เขาหามาให้
“ไปนะ..”เขาไม่สนใจที่พ่อของเขาพูดสักนิดกับเดินออกมาจากบ้านของพ่อเขาและกลับไปที่รถคู่ใจของแทน ร่างสูงขับรถไปสักพักก่อนจะจอดที่ข้างสวนสาธารณะที่ค่อนข้างจะเงียบสงบเพราะเป็นเวลากลางคืน
เขาลดกระจกลงเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบบุหรี่พร้อมไฟแช็คที่เขาวางในที่เก็บของข้างคนขับขึ้นมาแล้วจุดบุหรี่สูบ
“ชะ..”เขาได้ยินเสียงอะไรบ้างอย่างดังแว่วเข้ามา แต่ก็ยังไม่แน่ใจเขาเลยเลือกที่จะนั่งสูบบุหรี่อยู่อย่างนั้น
“ช่วยด้วย!!...”เสียงดังชัดเจนขึ้น จนเขาตัดสินใจดับบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ในรถ แล้วก้าวลงมาจากรถช้าๆตาคมกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อหาที่มาของเสียง
สิ่งที่เขาเห็นคือเงาของใครบ้างคนที่กำลังวิ่งมาทางเขาและถ้ามองเลยไปก็เห็นคนอีกสองคนวิ่งตามมา คนแรกที่วิ่งมาถึงตัวเขาคือชายร่างเล็กคนนึงที่ตัวเล็กกว่าเขาอยู่มากแต่ร่างกายกลับมีแผลฟกช่ำที่บริเวณใบหน้าและเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ก็ขาดเล็กน้อย
ปึ๊ก
พรึบ!
“ชะช่วยด้วย..ช่วยผมด้วย”ร่างบางจับที่แขนเขาเอาไว้และเขย่าไปมาและพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอนและหวาดกลัวดวงตาใสของร่างเล็กก็มีน้ำตาคลออยู่
“เฮ้ยย!!!...มึงไอ้หน้าหล่อ..ถ้ายังไม่อยากเจ็บตัวก็ส่งมันมา”ชายที่มีท่าทางเหมือนนักเลงที่วิ่งตามมาพูดกับร่างสูงด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ตาคมมองสองคนนั้นนิ่งสลับกับร่างบางที่เกาะแขนเขาเอาไว้แน่น
“ทำไมต้องส่ง..”ปริ้นซ์ถามไปนิ่งๆอย่างไม่สนใจนัก
“อ้าวไอ้นี่..นี้มึงกวนตีนกูหรอวะ!!”ชายอีกคนพูดบ้างทำท่าจะเข้ามาเอาเรื่องปริ้นซ์ แต่ชายคนข้างๆก็ห้ามไว้
“ไม่ต้องไปสนใจแม่งหรอก….ส่งมันมา”คนที่ห้ามบอกเพื่อนเขาก่อนจะหันมาพูดกับปริ้นซ์ สายตาเข้มเหลือบหันมามองร่างเล็กข้างๆตัว ที่ก็มองเขาอยู่เหมือนกันพร้อมกับส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยแล้วมองปริ้นซ์อย่างอ้อนวอน
“ไม่จำเป็น..”ปริ้นซ์บอก สองคนนั้นกัดฟันแน่นและจะพุ่งเข้ามาหาปริ้นซ์ แต่เขาก็หยิบวัตถุสีดำที่อยู่ที่เอวด้านหลังของเขาขึ้นมาแล้วจ่อไปที่ทั้งสองคน พวกเขาทั้งคู่หยุดนิ่งราวกลับหนังที่ถูดกดสต๊อบเอาไว้
“ถอยไป…ไม่งั้นกูยิง”ปริ้นซ์พูดเสียงเรียบและเย็นจนคนฟังขนลุก สองคนยังคงมองปริ้นซ์นิ่งอย่างชั่งใจ
ปัง!!
“กูบอกให้ถอยไป..”เมื่อเห็นทั้งสองคนไม่ยอมทำตามที่เขาบอก ปริ้นซ์เลยยิงปืนลงไปที่พื้นและพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย ทั้งสองคนเมื่อเห็นว่าเป็นปืนจริงก็รีบวิ่งหนีไปแทบไปทัน
“ขอบคุณ.ขอบคุณจริงๆ”เสียงของคนที่ยืนข้างกายเขาดังขึ้นมา ปริ้นซ์หันไปมองคนข้างตัวเขา สายตาของเขามองคนข้างตัว อย่างพิจารณาอีกครั้ง ใบหน้าที่หวานเกินผู้ชายแต่ตอนนี้กลับซีดเซียวแถมมีแต่รอยฟกช้ำเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นทำไมคนรูปร่างเล็กแบบนี้ถึงมีสภาพแบบนี้ได้
“พวกนั้น…”ปริ้นซ์พูดสั้นๆคำที่อยากถามคือทำไมโดนพวกนั้นจับแต่เขาก็ขี้เกียจเกิดกว่าจะพูด
“ไม่มีอะไรหรอกครับ…ขอบคุณมากจริงๆที่ช่วยผม..”ปริ้นซ์แปลกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเข้าใจในคำถามของเขาปกติถ้าพูดกับคนอื่นคงพูดถามเขาต่อแน่ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าเขาจะไม่ยอมตอบที่เขาถามก็ตาม
“ชื่อ..”เมื่อร่างบางไม่ยอมตอบคำถามของเขา เขาก็เรื่องจะเปลี่ยนเรื่องถามแทน
“ยีนครับ”คนตอบพูดพลางยกมือกอดตัวเองแน่นขึ้นเพราะรู้สึกหนาวขึ้นมานิดๆ
“ขึ้นรถ..”ปริ้นซ์บอกพร้อมกับเปิดประตูรถด้านคนขับ
“อะไรนะครับ..”
“ขึ้นรถ..เดี๋ยวนี้”ปริ้นซ์พูดอีกครั้งพร้อมกับส่งสายตากดดันมาให้ยีนจนเขาต้องยอมเข้าไปนั่งบนรถ
“บ้านมึง..”ปริ้นซ์ถามอีก
“คือผม..”ยีนรู้สึกพูดไม่ออกเมื่อปริ้นซ์ถามที่อยู่ของเขา
“ชั่งเถอะ…”ปริ้นซ์เดาว่ายีนคงไม่อยากบอกเขาเลยไม่ถามต่อ แต่เขากับถอดเสื้อคลุมของเขาออกและโยนไปให้ยีน
“ใส่ซะ..กูร้อน”ปริ้นซ์บอกแค่นั้นก่อนที่เขาจะจัดการสตาร์ทรถแล้วขับออกมา ยีนเองก็นำเสื้อมาคลุมตัวของเขาไว้เท่านั้น
ดวงตาอ่อนแสงนั่งมองวิวผ่านกระจกสักพักไปนานเขาก็หลับไป ปริ้นซ์เหลือบมามองคนด้านข้างเขาก็เห็นว่ายีนหลับไปแล้วแต่เขาก็ไม่ได้คิดจะปลุกขึ้นมา รถแล่นไปตามถนนจนกระทั้งถึงคอนโดที่เป็นจุดหมายของคนขับพนักงานกะดึกของคอนโดสองคนก็รีบเดินมาหาปริ้นซ์ทันที
“เดี๋ยวผมเอารถไปเก็บให้นะครับ”พนักงานคนนึงบอกรีบก่อนจะไปสะดุดตากับร่างเล็กของยีนที่นอนหลับอยู่บนรถของปริ้นซ์อย่างแปลกใจ เพราะปกติปริ้สไม่เคยพาใครมาที่นี้นอกจากเพื่อนของเขา
“ให้ผมปลุกเขาไหมครับ..”พนักงานคนเดิมถาม
“ไม่ต้อง…”ปริ้นซ์ปฎิเสธ เขายื่นกุญแจรถไปให้พนักงาน กายใหญ่จะย่อตัวลงไปอุ้มคนที่หลับมาไว้บนแขนอย่างเบามือ ยิ่งทำให้พนักงานที่เห็นงงหนักเข้าไปอีก ปริ้นซ์อุ้มยีนและเขาก็พาเขาเข้าคอนโดไป เมื่อถึงห้องเขาก็วางยีนลงที่เตียงของเขา
“อืออ..”คนหลับขยับตัวเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตื่นขึ้นมา ชายเจ้าของห้องยืนมองร่างบางที่อยู่บนเตียงเขานิ่งๆ วันนี้ชั่งเป็นวันที่แปลกเกินปกติจริงๆ
“ภาระ..”คำพูดที่ออกมาชั่งตรงข้ามกับความรู้สึกของคนพูด แต่แม้เจ้าตัวก็ไม่รู้แถมตอนนี้ก็เดินเข้าไปในห้องน้ำซะแล้ว โดยไม่ลืมที่จะหยิบผ้าเช็ดตัวพร้อมกับอกางเกงและก็เสื้อยืดของเขาอีกตัว
ตลอดเวลาที่เขาเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ยีนเขาได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมเขาต้องทำขนาดนี้ ทำไมต้องทำทั้งๆที่คนตรงหน้าเขาเป็นคนแปลกหน้า คิดยังไงก็หาเหตุผลไม่ได้เขาเลยเลือกที่จะสะบัดความคิดออกไปจากหัวและเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแทน
ปริ้นซ์ที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเขาก็เดินกลับมาที่เตียงและล้มตัวนอนลงข้างๆยีนแต่เว้นระยะห่างไปพอสมควรไม่นานนักเขาก็หลับไป
…..
“ยะอย่า..ถอยไปนะ”ท่ามกลางความมืด เสียงของร่างบางที่ดังขึ้นมาทั้งๆที่เจ้าของเสียงไม่ได้ลืมตาแม้แต่น้อย และจากเสียงของคนข้างตัว ร่างสูงที่นอนก็รู้ตัวตื่น เขาหันไปมองร่างบางที่ส่งเสียงออกมาพร้อมกับปัดป่ายมือไปบนอากาศราวกับกำลังไขว่คว้าอะไรสักอย่าง
“นี่..ตื่นสิ”ปริ้นซ์ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับพูดปลุกและเขย่าตัวร่างบางไปด้วย
“ยะอย่า..อึก.ช่วยด้วย…เฮือกก”ยีนสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายที่น่ากลัว
พรึบ!
“อึกก.ช่วยด้วย.ชะช่วยผมด้วย”เพราะความหวาดกลัวทำให้ยีนโพลตัวกอดปริ้นซ์เอาไว้แน่นโดยไม่รู้ตัวกายแกร่งนิ่งชะงักไปเพียงครู่เดียว ก่อนที่จะเอื้อมมือไปกอดร่างเล็กพลางลูบหลังเบาๆไปด้วย
“แค่ฝัน…เท่านั้น”ยีนผละตัวออกจากปริ้นซ์ช้าๆ
“ยะอย่า..อึกก.อย่าทิ้งผมนะ..อึกก.ผมกลัว”ยีนบอกเสียงสั่น สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขามันทำเขากลัวจนไม่อยากที่จะอยู่คนเดียว
“ไม่ทิ้ง..นอนซะ”ปริ้นซ์บอกพร้อมกับที่เขาดันตัวของยีนให้นอนลงอีกครั้ง
“ช่วยกอด.อึก.ผมหน่อยได้ไหมครับ”ปริ้สไม่ตอบแต่เขาสอดแขนไปรองใต้คอของยีนส่วนแขนอีกข้างก็กอดเอวของยีนเอาไว้และลูบที่หลังบางของยีนเบาๆ
“หลับซะ..”ใบหน้าใสซุกอยู่ที่อกของปริ้นซ์ก็ค่อยๆหลับตาลงช้าๆไม่นานเขาก็หลับไปอีกครั้งปริ้สกอดยีนไว้แบบนั้นจนเขาเองก็หลับตามไป
……
ตื๊ดดๆๆๆ ตื๊ดดดด
เสียงของเครื่องจักรสี่เหลี่ยมขนาดเล็กดังขึ้น จนร่างสูงต้องผละมืออกจากตัวของร่างเล็กที่เขากอดอยู่เพื่อที่จะหยุดเสียงที่ดังออก
“……”ปริ้นซ์กดรับสายโทรศัพท์แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
“(นี่แกไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรือไง)”เสียงพ่อของเขาพูดขึ้นมา
“…….”ปริ้นซ์เองก็ยังเงียบเขาเพียงแต่เหลือบมองคนที่นอนเบียดตัวนอกซุกเขาอยู่เท่านั้น
“(เฮ้ออ…ฉันแค่จะบอกว่าอีกยี่สิบนาทีฉันกับ
หนูกิ่งจะไปถึงคอนโดแก)”เขาได้แต่ถอดหายใจกับนิสัยของลูกชายตนเอง
“ไม่…”ปริ้นซ์บอกไปสั้นๆเขาไม่อยากที่จะพบใครทั้งนั้นตอนนี้โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่พ่อเขาหามาให้
“(ฉันไม่ได้ถามความเห็นแก..เพราะฉะนั้นอีกยี่สิบนาทีเจอกันที่ด้านล่างคอนโดแกไม่งั้นฉันจะขึ้นไปตามแกที่ห้อง)”สายมือถือถูกตัดไปทิ้งไวเพียงความหงุด หงิดให้อีกคน
“อือออ..”เสียงที่ออกมาจากคนที่นอนซุกเขา ทำให้ปริ้นซ์ต้องหันมามองยีนที่นอนซุกเขาอีกครั้ง แขนแกร่งค่อยๆขยับตัวออกจากยีนอย่างช้าๆ ปริ้นซ์ลุกยืนที่ข้างเตียงเขายืนมองยีนนิ่งเล็กน้อย แล้วขยับโน้มตัวไปหยิบ
ผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ยีนจนถึงคอ ส่วนเขาก็เดินเขาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
ร่างสูงใช้เวลาไม่นานนักในการจัดการตัวเองให้เรียบร้อยพอเสร็จเขาก็ลงไปรอพ่อของเขาที่ล๊อบบี้ของคอนโดเพราะเขาไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับพื้นที่ส่วนตัวของเขามากนัก
“พี่ปริ้นซ์คะ.”เสียงหวานดังขึ้นเรียกปริ้นซ์ที่กำลังนั่งกดโทรศัพท์ให้หันไปมอง ตรงหน้าเขาคือหญิงสาวที่อายุน้อยกว่าเขาน่าจะไม่กี่ปีเดินมาพร้อมกับพ่อของเขา ปริ้นซ์ไม่ได้พูดทักอะไรไปแค่นั่งมองสองคนที่กำลังเดินมานั่งที่โซฟาตรงข้ามเท่านั้น
“ทำตัวดีๆหน่อยสิ..”พ่อของเขาว่าออกมาเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ค่อยสนใจของปริ้สที่มีต่อหญิงสาวที่เขาพามาด้วย
“ครับ…”ปริ้นซ์ขานรับแต่ยังคงท่าทีเหมือนเดิม
“ไม่เป็นไรหรอกคะคุณลุง..เอ่อพี่ปริ้นซ์คะจำกิ่งได้ไหมคะเมื่อตอนเด็กเราเคยเจอกันในงานเลี้ยงบ่อยๆ”หญิงสาวพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มมาคุ ปริ้นซ์มองหญิงสาวที่พูดกับเขาพร้อมรอยยิ้มที่เจ้าตัวส่งมา
“ไม่…”คำตอบของปริ้นซ์ทำให้อีกฝ่ายได้แต่ยิ้มแห้ง
“จำไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นไร..ถ้าไงวันนี้แกก็พาหนูกิ่งเขาไปทานข้าวจะได้รู้จักกันมากขึ้น”ปริ้นซ์หันไปมองพ่อของเขาที่พูดออกมา
“ไม่ไป..ไม่ว่าง”พูดตอบไปแต่ไม่รู้ทำว่าใบหน้าของร่างบางทีนอนอยู่ที่เตียงเขาก็ลอยขึ้นมาซะอย่างนั้น
“จะไม่ว่างได้ยังไง..ในเมื่อแกก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่หรือหรอ”พ่อของเขาว่าออกมาอีก แต่ปริ้นซ์ยังไม่ทันได้พูดตอบอะไรเขาก็เหลือบไปเห็นคนที่ควรจะนอนอยู่ที่เตียงของเขา
แต่ตอนนี้กับลงมาเดินข้างล่างด้วยสภาพที่สวมเพียงเสื้อเชิ๊ตสีขาวที่เขาใส่ให้ร่างเล็กที่มันยาวจนคลุ้มต้นขาของร่างบางไว้จนแทบดูไม่ออกว่าเจ้าตัวใส่กางเกงข้างในหรือเปล่า รู้ตัวอีกทีเขาก็ลุกออกจากเก้าอี้แล้วตรงไปหายีน
“นี้..แกจะไปไหน”ผุ้เป็นพ่อรีบตะโกนถามลูกชายของเขาทันที ที่ลูกของเขาลุกจากเก้าอี้ไปโดยไม่บอกอะไรเขาสักคำแต่มีหรอที่ปริ้นซ์จะสนใจเพราะเขาสนแค่ร่างเล็กที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขามานัก ปริ้นซ์เดินเข้าไปหายีนและขว้าแขนของยีนให้หันมาทางเขา
“ลงมา..ทำไม”ปริ้นซ์ถามยีนที่ยืนหน้าซีดๆแต่กลับยิ้มออกมาบางๆเมื่อเห็นหน้าเขา แต่พอเจอสายตาที่ไม่ค่อยพอใจของปริ้สทำเอายีนต้องหุบยิ้มลง
“คุณไม่อยู่.ผมไม่อยากอยู่คนเดียว”ยีนตอบเสียงแผ่ว เพราะหลังจากที่เขาตื่นมาก็ไม่เห็นปริ้นซ์อยู่ในห้องเลยลงมาข้างล่างเพราะเขาไม่อยากอยู่คนเดียว
“งั้นก็.กลับ”ปริ้นซ์บอกพร้อมกับเขาที่เอื้อมมือไปจับมือของยีนไว้และจะพากลับไปที่ห้องของเขา
“เดี๋ยวก่อน..”เสียงของพ่อปริ้นซ์ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเขาเดินมาหาทั้งสองคน
“เด็กคนนั้นเป็นใคร”พ่อของปริ้นซ์พูดถามพร้อมกับมองไปที่มือของปริ้สที่จับมือของร่างบางเอาไว้ เขารู้ดีว่าลูกชายของเขาไม่ค่อยชอบให้ใครโดนตัวแต่ตอนนี้ลูกชายของเขากลับเป็นคนจับมือร่างบางที่อยู่ข้างกายแทน
“ต้องรู้??..”ปริ้นซ์ถามกลับ
“ฉันถามก็แปลว่าฉันต้องการคำตอบ”ยีนยืนมองคนที่ยืนคุยกับปริ้นซ์สลับไปมาอย่างกลัวๆจนเขาต้องขยับตัวไปใกล้ปริ้นซ์อีก ปริ้นซ์เองก็กระชับมือแน่นอย่างไม่รู้ตัวซึ่งการกระทำนี้ก็ทำให้ยีนรู้สึกดีแปลกๆ
“ไม่ใช่ตอนนี้”ปริ้นซ์ตอบพ่อของเขาไป ความหมายคือ เขายังไม่อยากที่จะบอกตอนนี้ พ่อของปริ้นซ์มองลูกชายของเขาสลับกับร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้านิ่งๆ
“ได้..แต่ฉันจะไม่รอนานเกินสามวัน..หนูกิ่งยังไงวันนี้หนูกลับไปก่อนนะ..อาต้องขอโทษด้วยที่ทำให้หนูเสียเวลา”เขาพูดบอกปริ้นซ์ก่อนที่จะหันไปพูดกับหญิงสาวที่เขาพามาด้วย
“คะ..ไม่เป็นไรคะ”กิ่งตอบอย่างสบายๆแต่ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าดวงตาของหญิงสาวนั้นไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย
“งั้นฉันจะกลับก่อน..อย่าลืมละอีกสามวันฉันจะมาเอาคำตอบ”พ่อของเขาบอกอีก ก่อนที่ทั้งพ่อของปริ้นซ์และหญิงสาวจะเดินกลับไป ปริ้นซ์เองก็พายีนกลับขึ้นไปบนห้อง เขาพายีนมานั่งที่โซฟา
“หิวไหม”ปริ้นซ์ถาม
“ครับ.?”ยีนทำหน้า งง เพราะเมือกี่เขากำลังคิดเรื่องอื่นอยู่เลยไม่ทันได้ฟังที่ปริ้นซ์พูด
“จะกินอะไร”
“เอ่อ..อะไรก็ได้ครับ”ยีนตอบเสียงเบาเพราะเขาไม่มีเงินติดตัวสักบาทเลยไม่กล้าที่จะเลือก ขอแค่ได้กินเขาก็พอใจแล้ว
“อืม..”ปริ้นซ์ขี้เกียจถามต่อเขาเลยคิดว่าจะสั่งเองซึ่งเขาก็โทรสั่งข้าวผัดมาสองจาน ไม่นานนักข้าวก็มาส่งทั้งสองคนนั่งทานอาหารกันเงียบๆไม่มีคำพูดใดเอ่ยออกมาจากพวกเขาเลย
“ยา.”พอกินเสร็จปริ้นซ์ลุกขึ้นเดินไปหยิบยามาให้ยีนกินซึ่งก็มีเพียงพาราเท่านั้น ยีนก็รับไปกินแต่โดยดี
“คุณครับ..”ยีนพูดเรียกปริ้นซ์ จริงๆเขาเองยังไม่รู้ว่าปริ้นซ์ชื่ออะไรเขาเลยเรียก คุณ
“ปริ้นซ์..”เขาบอกชื่อของตนเอง
“ครับคุณปริ้นซ์”
“พี่…”ปริ้นซ์บอกอีก
“ครับ?"
“เรียก..พี่ปริ้นซ์”เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากให้ร่างบางเรียกเขาว่าพี่
“เอ่อครับ..พี่ปริ้นซ์…คือผมขอบคุณมากที่ช่วยผมเอาไว้นะครับ..ผมสัญญาว่าจะ
ตอบแทนในสักวัน..แต่ผมคิดว่าตอนนี้ผมควรกลับได้แล้ว”แม้ปริ้นซ์จะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ยีนก็เกรงใจเกินกว่าจะอยู่ต่อเพราะเขากับปริ้นซ์ไม่ใช่คนรู้จักกันด้วยซ้ำแค่ปริ้นซ์ช่วยเขามามากขนาดนี้ก็เกินพอแล้ว
“ทำไม”ปริ้นซ์ถามกลับอีก ความหมายของเขาคือทำไมต้องกลับในเมื่อเขาก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ
“ทำไมนะหรอครับ..ก็เพราะว่าผมกับพี่..เอ่อกับคุณเราไม่รู้จักกันสักหน่อยแค่คุณช่วยผมไว้มันก็มาเกินพอแล้ว..แล้วผมจะอยู่ต่อได้ยังไงละครับ”ยีนอธิบายไป
“เหตุผลแค่นี้”ปริ้นซ์ถามอีก ทำไมเขารู้สึกไม่ค่อยพอใจคำพูดที่ว่าเขาสองคนไม่ได้เกี่ยงข้องกันแม้มันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม
“มันก็มีเท่านี้ละครับ”ยีนบอก
“ถ้างั้น.ก็อยู่ที่นี้”ยีนมองหน้าปริ้นซ์อย่างไม่เข้าใจ
“จะได้รู้จักกัน”ปริ้นซ์พูดต่อ
“คุณพูดอะไร.ผมไม่เข้าใจ”ยีนถามอีก ปริ้นซ์ไม่ได้ตอบอะไร เขาเดินมาใกล้ยีน มือของปริ้นซ์ดันปลายคางของยีนให้เงยมามองเขาก่อนที่เขาจะประทับจุมพิตให้กับร่างบางซึ่งเป็นเพียงแค่การแตะเท่านั้นไม่นานก็ผละออก
“ทะทำไม” พอปริ้นซ์ผละออกไปยีนก็พูดถามอย่างคนไม่มีสติเขามองปริ้นซ์ด้วยแววตาที่สั่นไหว
“ไม่รู้..กำลังหาคำตอบ”ปริ้นซ์บอกเสียงเรียบ
ตืดดดด
เสียงมือถือของปริ้นซ์ดังขึ้นอีกครั้งทำให้เขาทั้งสองคนต้องผละสายตาออกจากกัน ปริ้นซ์หยิบมือถือของเขาขึ้นมากดรับสาย
“ว่า…”เขาพูดทักคนในสายสั้นๆ
“(แดกเหล้ากันนนน)”คนในสายตะโกนออกมาจนปริ้นซ์ต้องยกโทรศัพท์ให้ออกห่างจากหูของเขาก่อนจะแนบเข้าไปใหม่
“เสียงดัง”ปริ้นซ์ว่าไป
“(เออน่าเรื่องของกู..สรุปจะมาป่าวว)”ปลายสายถามอีก
“ที่ไหน”ปริ้นซ์ถามกลับ
“(ผับกูที่DX..มาป่าว)"
“กี่โมง”ปริ้นซ์ถามพลางเหลือบมองยีนที่นั่งก้มหน้าอยู่
“(สองทุ่ม..สรุปมานะแค่นี้แหละ)”ปริ้นซ์กดวางสายไป เขาเดินมานั่งข้างยีน
“ไปไหม”ปริ้นซ์ถาม
“ไปไหนครับ”ยีนถามกลับ
“เที่ยว..ไปไหม”
“คือผม….”ยีนขมวดคิ้วแน่น ใจเขาก็อยากไปกับปริ้นซ์เพราะเขาไม่อยากอยู่คนเดียว แต่ว่าเขาก็ไม่มีเสื้อผ้าจะเปลี่ยนอีกนั้นแหละ
“ไปนอนก่อน”ปริ้นซ์สังเกตว่ายีนคงคิดมากเลยเปลี่ยนเรื่องพูดโดยการให้ยีนไปนอนพักแทน
และเพราะฤทธิ์ยาทำให้ยีนทำตามที่ปริ้นซ์บอกเพราะเขาเองก็ยังรู้สึกเพลียๆอยู่เหมือนกัน หลังจากที่ยีนหลับ ปริ้นซ์ก็กดโทรศัพท์หาคนสนิทของเขาเพื่อจัดการเรื่องของใช้ของยีนพร้อมกับสั่งให้สืบประวัติมาด้วยคล้อยบ่ายไปอีเมลประวัติของยีนก็ถูกส่งมาที่คอมของเขา ปริ้นซ์จัดการกดอีเมลขึ้นอ่าน
“……..”ปริ้นซ์อ่านไปจนหมดบรรทัด เขารู้สึกสงสารร่างบางขึ้นมาหลังจากที่ได้อ่านประวัติทั้งหมดและมันก็ทำให้ได้รู้ว่าร่างบางเป็นใครและที่ผ่านมาร่างบางเจอเรื่องร้ายอะไรมาบ้าง เขาปิดคอมลงและเดินไปหายีนที่นอนหลับอยู่บนเตียงของเขา ร่างสูงใหญ่ขยับนั่งลงข้างคนที่หลับอยู่
“เธอเป็นของฉัน”ปริ้นซ์ลูบหัวคนที่หลับเบาๆ สายตาของเขายากที่จะอ่านออกว่าคิดอะไรแต่มีเพียงอย่างเดียวที่สายตาสามารถบอกได้ คือ ร่างบางที่อยู่กับเขาตอนนี้จะไม่มีใครได้แตะต้องอีกเป็นอันขาด
.............................................................................
8/11/63