บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6

นอกจากอัญชัน…ก็นานมากแล้วที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนจะปลุกความปรารถนาอันร้อนแรงที่ซุกซ่อนอยู่ในใจของเขาขึ้นมาได้ อย่างที่เขากำลังรู้สึกกับดาหลาอยู่ในตอนนี้

“เรียกคุณชรัมภ์ว่า ‘น้า’ ก็ได้”

เธอบอกกับลูกสาว พลางชำเลืองไปทางชรัมภ์คล้ายขอความเห็นเรื่องสรรพนามของเขา

“ยินดีครับ…ไม่มีปัญหา”

ชรัมภ์ตอบ อันที่จริงก็ถูกที่ต้องเรียกน้า เพราะว่าเขาอ่อนกว่าอัญชัน ชรัมภ์ย่าง 38 ขณะที่อัญชันเฉียด 40 ฐานะของชรัมภ์ที่ถูกแนะนำ จึงมีนัยว่าเขาเป็นเพื่อนรุ่นน้องของแม่นั่นเอง

“ค่ะ…ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณน้า ว่าแต่เมื่อสักครู่ หนูเข้ามารบกวนหรือเปล่าคะ?”

“เปล่าจ้ะ…เมื่อสักครู่แม่นั่งคุยกับน้าชรัมภ์อยู่ข้างล่าง บังเอิญว่าแม่ลืมกุญแจห้องเอาไว้ น้าตามเอามาให้ เลยถือโอกาศคุยกันถึงเรื่องที่จะเดินทางไปฟ” อัญชันอธิบาย ดาหลาสังเกตเห็นว่าแก้มทั้งสองข้างของแม่แดงระเรื่อ

ชรัมภ์พลิกหลังมือขึ้นมองนาฬิกาแก้เขิน

“ผมคงต้องขอตัว”

“แล้วเจอกันค่ะ ขอให้เดินทางปลอดภัยนะคะ”

“เจอกันวันมะรืนครับ”

เขาส่งยิ้มให้อัญชัน ยิ้มหวานเลยไปที่ลูกสาวซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ ดาหลาจึงยกมือไหว้ไปตามมารยาท

แม้ตัวของเขาจะก้าวพ้นเข้าไปในลิฟท์แล้ว แต่ใบหน้าของดาหลาก็ยังติดตา ตรึงใจ ตามมารบกวนอยู่ในความคิดคำนึงเกินกว่าจะสลัดออกไปได้ง่ายๆ เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าอัญชันจะมีลูกสาวที่งดงามจับจิตจับใจถึงเพียงนี้

อีกสองวันต่อมา

ตอนใกล้ค่ำ ที่บริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าไร่ส้ม แลเห็นรั้วไม้สีขาวทอดขนานไปกับแนวถนนสุดลูกหูลูกตา ตรงหน้าทางเข้า ระหว่างเสาประตูต้นใหญ่ มีป้ายสีน้ำตาลขนาดใหญ่ แกะสลักเป็นตัวอักษรนูนขึ้นจากแผ่นไม้ ทาทับด้วยสีขาว อ่านได้ใจความว่า ‘ไล่ล้อมตะวัน’

รถตู้สีขาว คันใหญ่ ซึ่งยังอยู่ในสภาพใหม่เอี่ยม แล่นลอดประตูเข้ามาสู่เนื้อที่อันกว้างใหญ่ไพศาล ความร่มรื่นเขียวขจีแต่แรกเห็น ได้สร้างความประทับใจให้กับสองแม่ลูกที่นั่งมาในรถ ถึงกับเอ่ยปากชมด้วยความแปลกใจ

“เป็นไร่ส้มที่สวยมาก”

อัญชันรำพึงขณะทอดสายตาแลไปรอบๆ ไร่แห่งนี้ต่างกันลิบลับกับที่เธอวาดภาพเอาไว้ในใจ ว่ามันจะต้องร้อนและแห้งแล้งเหมือนไร่ทั่วๆไป เพราะทันทีที่ได้เห็น สีเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้ารวมทั้งดอกไม้มากมายที่เจ้าของไร่กำชับกำชาให้คนงานดูแลรดน้ำเป็นอย่างดี ก็ลบความรู้สึกของภาพไร่และฟาร์มเดิมๆในความทรงจำของอัญชันไปสิ้น

“สวยจริงๆค่ะแม่”

ดาหลาผู้เป็นลูกสาวเอ่ยสำทับขึ้นเบาๆ ออกอาการตื่นตาตื่นใจไม่แพ้ผู้เป็นมารดา ขณะทอดสายตามองผ่านกระจกรถออกไปชื่นชมความงดงามที่ด้านนอก

“ถึงแล้วครับ”

ลุงสไวซึ่งรับหน้าที่เป็นโชเฟอร์ เอ่ยบอกสองแม่ลูกเมื่อรถจอดสนิท

ใกล้ๆกับที่จอดรถแลเห็นป้าบัวซึ่งเป็นแม่บ้านใหญ่ประจำฟาร์ม ยืนรอรับอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

“ไร่ล้อมตะวันยินดีต้อนรับค่ะ”

ป้าปัวกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ เมื่อร่างของอัญอันและลูกสาวก้าวลงมาจากรถ คนใช้ซึ่งเป็นผู้หญิงสาวอีกสองคนรีบกระวีกระวาดเข้ามาช่วยลุงสไวรับสัมภาระที่ท้ายรถอย่างรู้หน้าที่

“พ่อเลี้ยงสั่งเอาไว้ว่าจะกลับค่ำๆค่ะ…แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ป้าจะดูแลคุณเอง”

ป้าบัวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม สุ้มเสียงเต็มไปด้วยมิตรไมตรี พลางชำเลืองไปที่ใบหน้าสะสวยของดาหลา นึกชื่นชมอยู่ในใจว่าเด็กสาวคนนี้ช่างงดงามสะดุดตา ถอดแบบของผู้เป็นแม่มาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน จะต่างก็ตรงวัยที่แรกแย้ม เหมือนกุหลาบที่เพิ่งผลิผ่านฤดูฝนเพื่อมาเจอกับหนาวแรก ผิวพรรณที่เห็นจึงดูเปล่งปลั่งน่ามอง สีผิวนวลเนียนสม่ำเสมอ อีกอย่างบนดวงหน้าของดาหลาที่แตกต่างไปจากแม่ คงเป็นดวงตาคู่นั้นซึ่งแม้จะหวาน หากก็ดูเข้มแข็งกว่า คล้ายดวงตาของผู้มีอำนาจ ทำให้ป้าบัวอดเดาเอาเองไม่ได้ว่าดาหลาคงได้ดวงตาคู่นั้นมาจากลักษณะของผู้เป็นบิดา

ซึ่งนอกจากคำร่ำลือเมื่อในอดีตว่าอัญชันเป็นเมียลับๆของทหารระดับนายพลคนหนึ่ง แต่ความจริงจะเป็นเช่นไรนั้น? ก็ไม่มีใครล่วงรู้ นอกจากตัวของอัญชันเองที่รู้ดีที่สุด…ว่าใครคือพ่อของดาหลา?

ป้าบัวมองอัญชันด้วยสายตาชื่นชม คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักดาราผู้โด่งดังในอดีตอย่างเธอ แม้เวลาจะล่วงเลยมาเกือบ 20 ปี แต่กาลเวลาก็มิได้เปลี่ยนแปลงใบหน้าและทรวดทรงที่เคยสวยสะคราญ อัญชันยังคงไว้ซึ่งสง่าราศีอันน่ามอง

ครั้งแรกที่ได้รู้ว่าอัญชันจะมาพักที่ฟาร์ม ป้าบัวเองก็ตกใจ เพราะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอัญชันเป็นเพื่อนกับพ่อเลี้ยงชลัมภ์ แต่ก็ยังแอบดีใจว่าจะได้ใกล้ชิดนางเอกภาพยนตร์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยโด่งดังและเป็นที่ชื่นชอบของตน

“ทำไมต้องเรียกน้าชรัมภ์ว่า ‘พ่อเลี้ยง’ ล่ะคะ…แล้วน้าชรัมภ์มีลูกเลี้ยงด้วยหรือคะ?”

ดาหลาถามขึ้นทันทีด้วยความสงสัย นึกในใจว่าชลัมภ์คงมีครอบครัวแล้ว และต้องมีลูกแล้วอย่างแน่นอน เพราะเห็นป้าบัวเรียกว่า ‘พ่อเลี้ยง’

คำถามนั้นทำเอาป้าบัวหัวเราะร่วนด้วยความชอบใจ ก่อนจะอธิบายด้วยน้ำเสียงและแววตาเอ็นดูหญิงสาวที่มีเหตุให้ต้องไปเติบโตต่างบ้านต่างเมืองจนไม่คุ้ยเคยกับภาษาไทยบางคำ

“เปล่าค่ะ พ่อเลี้ยงยังโสดค่ะ ที่ป้าเรียกเช่นนั้นเพราะคำว่า ‘พ่อเลี้ยง’ เป็นภาษาที่ใช้ทางเหนือค่ะ มักจะใช้เรียกผู้ชายที่มีฐานะ มีอันจะกิน พูดง่ายๆก็คือร่ำรวย รวมทั้งผู้มีอิทธิพลบารมีที่สามารถเลี้ยงดูคนจำนวนมากๆ”

“แสดงว่าน้าชรัมภ์เป็นผู้มีอิทธิพลหรือคะ”

ป้าบัวได้ฟังก็หัวเราะ

“แล้วน้าชรัมภ์เลี้ยงดูคนจำนวนมากด้วยหรือคะ” หญิงสาวช่างซัก ถามต่อทันทีด้วยความสงสัย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel