ตอนที่ 1
“ลางรักรอยสวาท”
ประเทศไทย ที่สนามบิน
ทันทีที่ปลายเท้าของสองแม่ลูกก้าวพ้นประตูผู้โดยสารขาออก เสียงลั่นชัตเตอร์ก็ดังระรัวขึ้นพร้อมๆกับไฟแฟลชที่สาดมาจากบรรดาช่างภาพและนักข่าวมากมายที่มารอทำข่าวการกลับมาของเธอ ทั้งที่การมาเยือนแผ่นดินเกิดของเธอในครั้งนี้ควรจะเป็นความลับ ทว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ช่วยยืนยันว่าเกือบ 20 ปีที่เธอหลบไปใช้ชีวิตเงียบๆอยู่ในเมืองเล็กๆของอเมริกา ก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนที่รู้จักลืมเธอแต่อย่างใด
“คุณอัญชันครับขอสัมภาษณ์หน่อยนะครับ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
“ไม่สะดวกค่ะ”
แม้น้ำเสียงสุภาพ หากใบหน้าก็ฝืนยิ้มอย่างเห็นได้ชัด เธอตกใจ สะบัดหน้าหนีไมโครโฟนที่ยื่นมาตรงหน้า แต่คนที่แสดงอาการตกใจยิ่งกว่าคนที่กำลังตกเป็นเป้าหมายของการสัมภาษณ์ ก็คือลูกสาวของเธอนั่นเอง
“อย่าเพิ่งไปค่ะ…ขอสัมภาษณ์สักครู่นะคะ”
ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิง พร้อมด้วยเครื่องบันทึกเสียงขนาดพกพาที่ถืออยู่ในมือ เรียกเธอด้วยสายตาวิงวอน
“เอ่อ…ขอโทษนะคะ ไม่สะดวกค่ะ ขอทางด้วยค่ะ ขอโทษค่ะ ไม่สะดวกจริงๆ เอาไว้โอกาสหน้านะคะ”
อัญชันซึ่งอยู่ในชุดกางเกงขายาว จั้มสูทแขนกุด ด้านหลังซีทรูลูกไม้ละเอียด ด้านหน้าเป็นคอวีลึก สีดำ ตัดกับเนินอกขาว อำพรางดวงตาคู่คมไว้ด้วยแว่นกันแดดกรอบกว้าง ฉาบปรอทสีมันวาว รีบพาลูกสาวแหวกกองทัพนักข่าวออกมาด้วยความโกลาหล ทุกลักทุเล
“นี่มันอะไรกันคะแม่...!!!”
‘ดาหลา’ หญิงสาววัย 20 ปี หันไปถามมารดาด้วยแววตาฉงน เธอต้องการคำอธิบาย แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วและฉุกละหุกเกินกว่าที่ผู้เป็นแม่พูดอะไรได้
“เอาไว้แม่จะเล่าให้ฟัง”
อัญชันตอบเบาๆ นักข่าวหลายคนก้าวตามเธอมาติดๆ สติที่มีจึงทำได้เพียงกระชากแขนของลูกสาว ในใจคิดว่า ‘เธอควรพาตัวเองและลูกออกมาจากวงล้อมของสื่อมวลชนที่กำลังกระหายข่าวให้เร็วที่สุด’ รีบก้าวยาวๆออกมาขึ้นแท็กซี่แล้วบึ่งออกจากสนามบินไปในทันที โดยมีแสงแฟลชและเสียงลั่นชัตเตอร์ดังรัวตามมาข้างหลัง
บนรถแท๊กซี่
“ไปไหนครับ” โชเฟอร์หันมาถาม
“เชอราตันแกรนด์ สุขุมวิท” เธอบอกชื่อโรงแรมอันเป็นจุดหมายปลายทาง
เมื่อรถแล่นออกจากสนามบินได้สักครู่
“เอ่อ!...ถ้าผมจำไม่ผิด คุณอัญชัน ใช่มั้ยครับ...?”
โชเฟอร์แท็กซี่ซึ่งเป็นหนุ่มใหญ่วัยกลางคน เอ่ยถามด้วยสำเนียงอีสาน หลังจากเพ่งผ่านกระจกมองหลังอยู่พักใหญ่ๆ ในที่สุดก็หันมาถามด้วยความสงสัย ตอนรถติดไฟแดง
“จำคนผิดแล้วละค่ะ”
เธอรีบปฏิเสธ ยิ้มเจื่อนๆ
แม้จะไม่เชื่อ หากโชเฟอร์ก็ไม่ซักไซ้เซ้าซี้ให้เธอรำคาญ เมื่อฉุกคิดได้ว่าเธอคงต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่เช่นนั้นเมื่อสักครู่นี้เธอคงไม่หนีนักข่าวหัวซุกหัวซุน
อีกสองวันต่อมา
ณ มุมหนึ่ง ภายในห้องอาหารสุดหรูของโรงแรม ใกล้ๆกับเคาน์เตอร์บาร์เหล้า อัญชันพร้อมด้วยชายร่างสูงใหญ่ วัยใกล้เคียงกัน ใบหน้าคมคร้าม หล่อเหลา กำลังนั่งสนทนากันถึงเรื่องที่เธอโทรนัดหมายให้เขามาพบ
“ฉันคงต้องขอรบกวนคุณ อย่างน้อยก็ตอนที่ยังอยู่เมืองไทย ฉันอยากให้ลูกสาวพักผ่อนให้สบายใจ ไม่ต้องมาวุ่นวายใจกับข่าวของแม่”
น้ำเสียงของอัญชันเต็มไปด้วยอาการวิงวอน ขณะสายตาจับอยู่ที่ใบหน้าคมเข้มของ ‘ชรัมภ์ อัครพลไพศาลสวัสดิ์’ ซึ่งกำลังกระดกวอดก้าในแก้วที่ถืออยู่ในมือ รวดเดียวก็ลงลำคอไปอย่างง่ายดาย
ชรัมภ์รีบนั่งเครื่องมาจากเชียงใหม่ในทันทีที่ได้รับการติดต่อจากอัญชัน ว่าเธอและลูกสาวเดินทางมาถึงเมืองไทยแล้ว
“ผมยินดีต้อนรับคุณกับลูกสาว จะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ ผู้หญิงตัวเล็กๆสองคน ผมเลี้ยงได้สบายๆ ฟาร์มของผมยินดีต้อนรับ ถ้าคุณไม่รังเกียจในความเป็นชนบทบ้านนอกของมัน”
ชรัมภ์ออกตัวอย่างอารมณ์ดี ครุ่นคิดอยู่ครู่สั้นๆ ก่อนจะลดสายตาจากดวงดาวที่เกลื่อนอยู่กลางผืนฟ้าสีดำสนิท ขณะทอดสายตาออกไปจากช่องหน้าต่างในเสี้ยวขณะหนึ่งสั้นๆ หันมาจ้องใบหน้าสะสวยของอัญชัน เพื่อนสาวซึ่งครั้งหนึ่งเคยสนิทสนมถึงขั้นเคยคิดจะคบหาเป็นคู่ชีวิต หากบุพเพไม่นำพา ทำให้ทั้งสองแยกไปใช้ชีวิตต่างวิถี ชรัมภ์ได้ไปใช้ชีวิตเยี่ยงคาวบอยอยู่ที่ฝาง ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ขณะที่อัญชันไปโลดแล่นอยู่บนจอเงิน ในฐานะนางเอกภาพยนตร์ผู้โด่งดัง
ในตอนนั้น น่าแปลกที่ระหว่างเขาและเธอควรจะลงเอยกันด้วยดี หากเป็นเพราะอัญชันนั่นเองที่เป็นฝ่ายกล่าวว่า ‘ถ้าคนสองคนไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะเป็นคู่กัน ต่อให้ชรัมภ์ทุ่มเทความรักและเพียรพยายามสักเท่าใด…มันก็ยังไม่ใช่อยู่ดี’ ซึ่งชรัมภ์เองก็เข้าใจในเหตุผล จากนั้นเขาและเธอก็วางตัวเอาไว้ในฐานะเพื่อนที่แสนดีต่อกันเรื่อยมา
ระหว่างที่อยู่อเมริกา อัญชันเคยติดต่อกลับมาหาชรัมภ์หลายๆครั้ง เพราะรู้ดีว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่จะแพร่งพรายเรื่องราวของเธอให้ใครได้รู้อย่างแน่นอน
ในอดีตที่ผ่านมา ด้วยความที่อัญชันเป็นคนสะสวย โลกมายาจึงเปิดรับเธอง่ายดาย ทันทีที่ความสาวของเธอผลิสะพรั่งไปเข้าตาผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังคนหนึ่ง จากนั้นอัญชันก็ถูกชักนำเข้าสู่วงการ จนได้รับการ ‘ผลัก’ และ ‘ดัน’ จากผู้กำกับคนนั้นเรื่อยมา
ในฐานะนางเอกแถวหน้าของวงการ และด้วยบทบาทส่วนใหญ่ที่เธอได้รับ ค่อนไปทางเย้ายวนเหมือนดาวยั่ว ทำให้ภาพลักษณ์ของเธอที่ติดตรึงอยู่ในความทรงจำของบรรดาแฟนๆภาพยนตร์ไทยในตอนนั้น จึงดูเป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่ เย้ายวนไปจนถึงเร่าร้อน จัดจ้าน ซึ่งจะว่าไป…ก็ตรงกับชีวิตจริงของเธอ