พี่ชายเพื่อน
ตอนที่ 5
ทานตะวันรีบวิ่งออกมาจากห้องของธาราธรอย่างร้อนรน ใจของเด็กสาวเต้นตุบๆไม่เป็นจังหวะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ทำไมเราถึงต้องใจเต้นแรงแบบนี้ด้วยนะ”
ตะวันได้แต่พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะรีบเดินลงไปยังห้องรับประทานอาหารข้างล่าง
“เป็นไงลูกพี่เขื่อนทำอะไรอยู่” คุณนายดารินทร์ถามขึ้นเมื่อตะวันเดินตรงมายังโต้ะรับประทานอาหาร
“เอ่อ..คุณเขื่อนเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จค่ะแม่ดาก็เลยลงมาช้าหน่อย”
“มิน่าล่ะ คงจะตื่นสาย งั้นเราก็ทานกันก่อนเลยแล้วกัน ถ้าเสร็จเขาก็คงลงมาเอง”
“นั่นไง เดินมาโน่นแล้ว” ท่านธีระพูดขึ้นเมื่อเห็นลูกชายคนโตของบ้านเดินมาที่ห้องรับประทานอาหาร ธาราธรนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับตะวันเด็กสาวที่เขาเกลียดแสนเกลียด
“มาๆลูก ทานข้าวกัน เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นหมดซะก่อน” คุณนายดารินทร์พูดขึ้นเมื่อทุกคนต่างก็ลงมาพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ก่อนจะพากันรับประทานอาหารเช้า ธาราธรเหลือบมองเด็กสาวตรงหน้าเป็นระยะ ส่วนอีกคนก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานหารตรงหน้า
“แล้ววันนี้จะไปไหนกันหรือป่าวลูก” ท่านธีระถามขึ้น
“ผมว่าจะแวะเข้าไปดูโรงบ่มไวน์สักหน่อยครับพ่อ”
“อืม ดีๆ พ่อเองก็อยากจะคุยเรื่องการปรับสูตรผสมไวน์ตัวใหม่กับลูกเหมือนกัน”
“ครับ”
“แล้วขิมละลูก อยากออกไปไหนหรือเปล่า” คุณนายดารินทร์ถามลูกสาวขึ้นบ้าง เพราะอยู่กรุงเทพหลายปีอาจจะเบื่อและอยากออกไปเที่ยวสูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง
“คงไม่ค่ะคุณแม่ ขิมคงจะอยู่เคลียร์งานในไร่นี่แหละค่ะ ว่าจะเข้าไปตรวจเช็คดูบัญชีรายรับรายจ่ายในไร่สักหน่อย เรียนจบแล้วก็อยากจะช่วยงานในไร่ให้เต็มที่ค่ะ”
“จ้าา ดีแล้วล่ะลูก…ว่าแต่ตะวันล่ะลูกวันนี้จะไปไหนไหม?”
“ตะวันมีนัดทำรายงานส่งอาจารย์ค่ะ ไปทำที่บ้านยัยเจน”
“หึ! ให้มันรายงานจริงๆเถอะ ไม่ใช่รายงานเรื่องเด็กใจแตกนะ!” ธาราธรพูดขึ้นภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของตัวเองที่เอ่ยออกมา
“ตาเขื่อน!! ไปว่าน้องแบบนี้ได้ยังไงลูก” คุณนายดารินทร์พูดขึ้นอย่างไม่ค่อยจะพอใจกับคำพูดของลูกชายสักเท่าไหร่นัก
“ผมก็พูดไปงั้น ถ้าลูกรักของคุณแม่ไม่ได้เป็นอย่างที่พูด ก็ไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนอะไรหนิ” ธาราธรพูดขึ้นและไม่สนใจเด็กสาวตรงหน้า ก่อนเด็กสาวจะลุกขึ้นและขอตัวขึ้นไปบนห้อง
“ตะวันขอตัวก่อนนะคะ”
“อ้าว อิ่มแล้วหรอลูกเพิ่งทานไปได้นิดเดียวเอง”
“อิ่มแล้วค่ะแม่ดา เดี๋ยวตะวันขอไปเตรียมของก่อนนะคะ”
“จ๊ะลูก” คุณนายดารินทร์ได้แต่มองตามหลังเด็กสาวที่เลี้ยงมาตั้งแต่ตอนอายุ8ขวบด้วยความห่วงใยก่อนจะหันมาต่อว่าลูกชาย
“ตาเขื่อน! ไปพูดกับน้องแบบนั้นได้ยังไงกัน เห็นไหมน้องทานข้าวไม่ลงเลย”
“ผมก็แค่พูดไปงั้น แล้วจะสนใจไปทำไมครับถ้ามันไม่จริง จริงไหม”
“แต่พี่เขื่อนไปพูดกับตะวันแบบนั้น น้องคงจะเสียใจนะคะ พี่เขื่อนไม่เห็นสีหน้าตะวันหรอ” ขิมพูดขึ้นมาอย่างนึกตำหนิพี่ชาย ที่เอาแต่ตั้งแง่รังเกียจทานตะวันตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้
“เอาล่ะๆ อย่าเพิ่งเถียงกันเลย รีบทานข้าวกันต่อเถอะเดี๋ยวจะไม่เจริญอาหารกันพอดี”
เมื่อขึ้นมาบนห้องเด็กสาวก็จัดเตรียมของใส่กระเป๋า เพื่อจะต้องไปทำรายงานที่บ้านของเพื่อนก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง
“จะไปเดี๋ยวนี้เลยหรอลูก” คุณนายดารินทร์ถามขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวสะพายกระเป๋าเป้เดินลงมา
“ค่ะแม่ดา”
“เดี๋ยวให้ตาวิรัตน์แกไปส่งนะลูก”
“ค่ะแม่ดา”
เมื่อเด็กสาวขึ้นมาบนรถแล้วก็มุ่งตรงไปยังบ้านของเจนจิราเพื่อนสนิทของเธอทันที เมื่อถึงที่หมายแล้วตะวันก็เห็นเพื่อนสนิทของเธอยืนรอตรงหน้าบ้านอยู่ก่อนแล้ว
“ทำไมมาช้าจังตะวันเจนรอตั้งนาน” เจนจิราเพื่อนสนิทของตะวันถามขึ้น เมื่อเห็นอีกคนเดินลงมาจากรถ
“ขอโทษน๊าที่ให้รอนาน”
“อืมๆ งั้นเราไปกันเถอะ พี่เจตน์รอตะวันนานแล้ว” เจนพูดขึ้นพร้อมกับดึงมือเพื่อนสาวเข้าไปในบ้านอย่างเร่งรีบ เมื่อเจตนิพัทธ์ชายหนุ่มอายุ23ปีซึ่งเป็นพี่ชายเพียงคนเดียวของเจนจิรารออยู่ในบ้าน เจตน์แอบรักทานตะวันเพื่อนของน้องสาวมาตั้งแต่เจนจิรารู้จักกับตะวันใหม่ๆ และนั่นเจนจิรารู้ดีและเชียร์ให้พี่ชายและเพื่อนสาวชอบกัน แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า เมื่อตะวันไม่มีวี่แววว่าจะรักจะชอบพอเจตนิพัทธ์เลยสักครั้ง
“พี่เจตน์กลับมาจากกรุงเทพแล้วหรอเจน”
“กลับมาแล้ว มีของฝากมาฝากตะวันด้วยน๊า”
“เกรงใจพี่เจตน์แย่เลย กลับมาทีไรต้องซื้อของมาฝากตลอด”
“เอาน่า..พี่เจตน์ก็ซื้อให้แค่เฉพาะคนสำคัญๆเท่านั้นแหละ” เจนจิราจับมือตะวันกึ่งเดินกึ่งลากเพื่อนสาวคนสนิทเข้ามาภายในบ้าน ซึ่งมีเจตนิพัทธ์กำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างใจจดใจจ่ออยู่ตรงโซฟา ก่อนชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งจะเงยน้าขึ้นมามองสองสาวที่กำลังเดินเข้ามา
“อ้าวมาแล้วหรอครับน้องตะวัน”
“สวัสดีค่ะพี่เจตน์” ทานตะวันยกมือขึ้นไหว้ผู้ที่มีอายุเยอะกว่าอย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับ แล้วนี่น้องตะวันทานอะไรมาหรือยัง” ชายหนุ่มถามเด็กสาวตรงหน้าขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อเจอคนที่ตัวเองแอบมีใจให้
“ตะวันทานมาเรียบร้อยแล้วค่ะ ทานเสร็จก็มาที่นี่เลย”
“ว่าแต่ตะวันจะค้างที่นี่กับเราไหมคืนนี้” เจนจิราถามขึ้น ในใจตอนนี้อยากจะทำอะไรก็ได้เพื่อให้เพื่อนสนิทอยู่ที่นี่ให้นานที่สุด เพื่อพี่ชายจะได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดตะวันมากขึ้น
“คงไม่ได้ค้างหรอกเจน ตะวันไม่ได้บอกแม่ดาไว้ล่วงหน้า เกรงใจแม่ดาจ้ะเดี๋ยวตะวันจะโดนดุเอา”
“เฮ้อ เสียดายจัง”
“งั้นเรารีบทำรายงานให้เสร็จกันดีกว่า เดี๋ยวจะเสร็จไม่ทัน”
“โอเครจ้า งั้นลุยกันเลย” สองสาวต่างพากันทำรายงานที่ครูมอบหมายมาอย่างตั้งอกตั้งใจ จนเวลาล่วงเลยมาถึงเวลาบ่ายโมง เจตนิพัทธ์เห็นว่าทั้งสองยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำรายงานจนเลยเวลาเที่ยงวันแล้ว แต่ยังไม่ได้ทานอะไร เลยเดินตรงมาบอกให้ทั้งสองสาวหยุดทำรายงานแล้วให้มาทานข้าวเที่ยงกันก่อน
“เอาละสาวๆ มาทานข้าวเที่ยงกันก่อนแล้วค่อยทำต่อ นี่ก็เลยเวลาอาหารเที่ยงแล้ว เดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะกันนะทานข้าวไม่ตรงเวลา”
“คร่า…คุณพ่อ” เจนจริราพูดจีบปากจีบคอประชดผู้เป็นพี่ชายอย่างไม่ค่อยจริงจังนัก
หลังจากธาราธรได้เข้าไปตรวจดูโรงบ่มไวน์เสร็จแล้วก็เดินกลับเข้ามาในบ้านเพื่อจะขึ้นไปอาบน้ำ แต่ก็เจอคุณนายดารินทร์กำลังยืนบ่นๆอุบอิบๆ เลยเดินเข้าไปสอบถามผู้เป็นแม่
“คุณแม่บ่นอะไรอยู่คนเดียวครับ”
“อ้าวตาเขื่อน ตรวจงานเสร็จแล้วหรอลูก”
“ครับ เพิ่งเสร็จ เลยว่าจะขึ้นไปอาบน้ำหน่อยจะได้สบายตัว แล้วนี่คุณแม่ทำอะไรอยู่ครับ เห็นยืนบ่นๆอยู่คนเดียว มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามขึ้นพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถามให้กับผู้เป็นแม่
“ก็ตาวิรัตน์น่ะสิลูก มาท้องเสียเอาอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้ นี่ก็ใกล้จะได้เวลาไปรับตะวันแล้ว ยังวิ่งเข้าออกห้องน้ำเป็นสิบๆรอบอยู่เลย ป่านนี้ทานตะวันคงรอนานแล้ว”
“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยหนิครับ รอนิดรอหน่อยจะเป็นไรไป”
“เดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อนสิ นี่ก็ไม่รู้จะหายไหม วิ่งเข้าวิ่งออกจากห้องน้ำหลายรอบแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้มีหวังคงต้องไปโรงบาล” คุณนายดารินทร์พูดไปบ่นไปก่อนจะนึกขึ้นได้
“งั้นลูกไปรับน้องแทนตาวิรัตน์ได้ไหมตาเขื่อน”
“อะไรนะครับ..ทำไมผมต้องไปรับยัยเด็กนั่นด้วย ถ้าไม่มีใครไปก็ปล่อยให้ยัยนั่นเดินกลับเอง หรือไม่ก็ให้ที่บ้านนั้นมาส่งสิ ไปยังไปเองได้ กลับก็ต้องกลับเองได้สิครับ!” ธาราธรพูดขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้านอะไร ก่อนจะเดินละไปจากตรงนั้นโดยไม่สนใจผู้เป็นแม่
“ตาเขื่อน!!!…ไอ้เจ้าลูกคนนี้ มันจะอคติอะไรกับตะวันนักหนาตั้งแต่เด็กยันโต!” คุณนายดารินทร์พูดบ่นๆขึ้นตามหลังลูกชายอย่างเหลืออด
ทางด้านของเด็กสาวก็ชะเง้อมองออกไปตรงหน้าบ้านบ่อยครั้ง เพราะจนป่านนี้แล้วลุงวิรัตน์คนขับรถประจำไร่ธาราธรยังไม่มารับเธอเลย ตะวันได้แต่ชะเง้อมองครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่แบบนั้น
“ตกลงคนที่บ้านเขาจะมารับตะวันไหม ทำไมป่านนี้ยังไม่มาอีก นี่ก็จวนจะหกโมงเย็นแล้วนะ” เจนจิราพูดขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนเอาแต่ชะเง้อมองออกไปตรงหน้าบ้าน
“นั่นสิ! น้องตะวันให้พี่ไปส่งไหมครับเดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน ให้พี่กับยัยเจนไปส่งก็ได้นะ สบายมาก” เจตน์พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเด็กสาวที่เขาแอบรักเอาแต่ชะเง้อมองไปหน้าบ้านอยู่แบบนั้น
“เอ่อ ค่ะ พี่เจตน์คงไม่ว่าอะไรนะคะ ถ้าตะวันจะรบกวนให้พี่เจตน์ไปส่งที่ไร่”
“ไม่รบกวนอะไรเลยครับ งั้นเราไปกันเถอะเดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน”
ทั้งสามคนกำลังจะเดินไปขึ้นรถเพื่อไปส่งตะวันที่ไร่ธาราธร แต่ทันใดนั้นก็มีรถยนต์คันหรูวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วก่อนจะมาจอดอยู่ตรงบริเวณหน้าบ้าน
“นั่นใครน่ะตะวัน?!” เจนจิราถามขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำยำหน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร ก้าวขาลงมาจากรถและกำลังมุ่งหน้าเดินตรงมายังที่พวกเธอยืนอยู่
“คุณเขื่อน!!” ตะวันพูดขึ้นด้วยความแปลกใจที่ชายหนุ่มตรงหน้ามาปรากฏตัวที่นี่
“จะกลับได้รึยัง?!” เขื่อนพูดขึ้นเสียงแข็งพลันเด็กสาวก็รีบหลบสายตาคมกริบนั้นทันทีโดยไม่กล้าจะสบตากับคนตรงหน้า
“อะ เอ่อ..ค่ะ!” เด็กสาวพลางก้มหน้าก้มตาตอบรับ
“เอ่อ คุณเขื่อนคะ นี่เจนจิราเพื่อนตะวันเองค่ะ และนี่คือพี่เจตน์พี่ชายของเจนค่ะ..ส่วนนี่คือคุณเขื่อนเจ้าของไร่ธาราธรค่ะ” เด็กสาวพูดแนะนำเพื่อนและพี่ชายของเพื่อนขึ้น และแนะนำชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของไร่ธาราธรให้เพื่อนและพี่ชายเพื่อนได้รู้จัก
“สวัสดีค่ะ/สวัสดีครับ” เจนจิราและเจตน์ต่างไหว้ทักทายผู้ชายตรงหน้าอย่างเป็นมิตร ก่อนชายหนุ่มหน้าตาคมคายจะรับไหว้เช่นกัน
“ฉันมารับเธอแทนลุงวิรัตน์ พอดีแกท้องเสียหนัก เลยมารับเธอไม่ได้” ธาราธรพูดขึ้น
“เอ่อ ค่ะ” เด็กสาวตอบรับก่อนจะบอกลาเพื่อนและพี่ชายของเพื่อนทันที
“งั้นตะวันกลับก่อนนะเจน ตะวันกลับก่อนนะคะพี่เจตน์” เด็กสาวพูดขึ้นก่อนจะหันหลังเดินตามธาราธรเพื่อไปขึ้นรถ
“เดี๋ยวก่อนครับน้องตะวัน!!” เจตน์พูดขึ้น ก่อนจะเดินเข้าไปหาทานตะวัน และยื่นถุงใบเล็กๆให้กับเด็กสาว ซึ่งสิ่งของที่อยู่ในนั้นคือน้ำหอมแบรนด์ดังที่เขาตั้งใจเลือกซื้อมาฝากผู้หญิงที่เขาแอบชอบก็คือเธอ
“นี่ครับ ของฝาก พี่ซื้อมาฝากตะวัน
“เอ่อ ขอบคุณนะคะพี่เจตน์ พี่ไม่น่าลำบากซื้ออะไรมาฝากตะวันเลย ตะวันเกรงใจ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่เต็มใจ” เจตน์พูดขึ้นพร้อมกับยิ้มกว้างๆให้กับคนตัวเล็กอย่างจริงใจ
~ปี๊ก ปี๊ก ปี๊กกกกก~!!
เสียงบีบแตรดังขึ้นเพื่อเป็นการเตือนให้อีกคนรีบขึ้นรถ เขื่อนเห็นเจตนิพัทธ์ยื่นของให้กับทานตะวันและส่งรอยยิ้มพร้อมกับสายตาหวานหยาดเยิ้มให้กับเด็กสาว เขาก็ยิ่งไม่พอใจจึงแกล้งบีบแตรใส่
“ตะวันไปแล้วนะคะพี่เจตน์ สวัสดีค่ะ…ไปแล้วนะเจน ไว้เจอกันที่โรงเรียนนะ บ๊ายบาย”
ตะวันบอกลาเพื่อนและพี่ชายของเพื่อน ก่อนจะรีบเดินขึ้นไปบนรถ ที่อีกคนกำลังทำหน้าตาถมึงทึงอยู่อย่างคนไม่พอใจ ก่อนคนตัวโตจะขับรถออกไปอย่างเร่งรีบ…