INTRO
INTRO
“คนไข้ช่วยเล่าให้ฟังได้ไหมครับว่าก่อนหน้าที่คุณกับเด็กคนนี้จะมาถึงที่นี่ทานอะไรไปบ้าง”
แพทย์ประจำห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเดินถือชาร์ตในมือเข้ามาหาจรัสพงศ์ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
ในตอนนั้นชายหนุ่มแทบจะไม่ได้ฟังที่หมอถาม แต่กลับมองภาพข้างหน้าด้วยหัวใจที่หลุดลอย ชายหนุ่มนั่งหน้าซีดปากสั่นอยู่บนเตียงคนไข้ภายในห้องฉุกเฉิน บนหลังมือซ้ายมีสายน้ำเกลือห้อยอยู่สายหนึ่ง
ดวงตาคมกริบจ้องมองไปยังเตียงฝั่งตรงข้ามอีกฝั่งหนึ่งของห้องฉุกเฉินอย่างไม่วางตา กลุ่มหมอหลายคนมุงเตียงด้านนั้นโดยสีหน้าแต่ละคนเคร่งเครียด
ในระดับสายตานอกจากร่างบางระหงของหญิงสาวที่เพิ่งจะได้พบปะกันในงานสีดำเมื่อสองชั่วโมงก่อน ก็คงเป็นปลายเท้าเล็กที่โผล่พ้นผ้าห่มของโรงพยาบาล เด็กหญิง เกลรดา ภัชรกุล
มารดาของเธอร้องไห้ตลอดเวลา เดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่นไม่เหลือสภาพหญิงสาวผู้เย่อหยิ่งที่ตอกคำพูดเจ็บแสบใส่เขาเมื่อตอนเจอหน้ากัน แววตาที่แม้จะเฉยชาแต่ก็ยังคงแฝงไปด้วยความชิงชัง
เกลวลินตั้งใจบอกเขาผ่านการกระทำของเธอ แม้ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานหลายปีแล้วแต่ความเจ็บปวดที่เขากระทำกับเธอไม่อาจลบเลือนมันได้ด้วยกาลเวลา
จรัสพงศ์ขยับกายห้อยปลายเท้าลงจากเตียง แต่ก็ไม่รู้ว่าที่หน้ามืดมันมาจากปริมาณยาในน้ำเกลือที่หมอให้เขาเนื่องจากอาการแพ้เฉียบพลัน หรือเป็นเพราะความคิดที่ตบตีกันอยู่ภายในหัวกันแน่
“รดาเป็นคนแน่นหน้าอกก่อน แล้วผมก็รู้สึกตาม สักพักเห็นเธอหายใจติด ๆ ผมก็มีอาการเหมือนกันก็รู้เลยว่าเราคงจะแพ้อาหารที่กินไป ผมเป็นโรคนี้อยู่แล้วก็เลยรู้ตัวเร็ว ตัดสินใจอุ้มรดามาที่รถ ก่อนรดาหมดสติหัวเธอไม่กระแทกแน่นอน”
จรัสพงศ์ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงบางเบาราวกับกระซิบเหมือนว่าเขากำลังพูดอยู่กับตนเองมากกว่าที่จะตอบหมอเจ้าของไข้
ส่วนภาพในหัวฉายสลับไปสลับมา เขาจำเหตุการณ์เมื่อชั่วโมงก่อนได้ดี
ชายหนุ่มแค่รู้สึกกระหายอยากดื่มกาแฟดำสักแก้วจึงเดินออกมาร้านกาแฟหน้าวัด วันนี้เขามาร่วมฌาปนกิจศพอดีตเพื่อนเก่า และก็เจอเกลรดาที่ร้านกาแฟนั่น เด็กหญิงเป็นคนเข้ามาทักทายเขาก่อน
ในขณะที่นึกถึงเหตุการณ์ที่พบเจอเด็กหญิง จรัสพงศ์รู้สึกเหมือนจะเป็นลมแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไปเห็นดวงตาแดงก่ำคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาทางนี้ จรัสพงศ์ก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที
เกลวลินไม่เพียงแค่มองมาเฉย ๆ แต่เสียงฝีเท้าที่ย่ำกระแทกกลับเดินตรงมาทางนี้ด้วย
เธอกำลังเดินตรงมาหาเขา หัวใจของจรัสพงศ์เต้นแรงมาก มันมากจนเจ็บอกไปหมด
“คุณกินอะไรเข้าไปครับ…” แพทย์หนุ่มช้อนสายตาขึ้นมามองคนป่วยอย่างรอคอยคำตอบ
แต่ดูเหมือนคนป่วยมีอาการเหมือนสับสน ขอบตาแดงก่ำคล้ายจะร้องไห้ สองมือเอาแต่ถูกันไปมาจนเพื่อนต้องมาตบบ่าและลูบหลังเบา ๆ
“ไอติม เธอชวนผมกินไอติมที่คาเฟหน้าวัด…”
“รดาไม่เคยกินอะไรซี้ซั้ว! คุณเป็นคนยัดเยียดของพวกนั้นให้ลูกฉันกินใช่ไหม!”
เสียงของเกลวลินทั้งดังและสั่นเครือ ยามเธอเอ่ยปากพูดออกมาริมฝีปากสั่นระริกเพราะพยายามกลั้นร้องไห้ สองมือกำแน่นโทสะที่อัดแน่นอยู่กลางอกระเบิดออกมาเป็นหยาดน้ำตาเม็ดใหญ่ที่ไหลรินลงมาไม่ขาดสาย
“พี่เปล่านะเกล พอดีเราเจอกัน รดาบอกว่าไม่ได้เอากระเป๋าเงินมาพี่เลยจ่ายให้ พี่ขอโทษที่ไม่ได้ถามว่ามันมีส่วนผสมของถั่วไหม…รดาแพ้ถั่วเหรอ” เสียงของจรัสพงศ์แสดงความรู้สึกผิด ขอบตาของเขาแดงก่ำเหมือนคนจะร้องไห้
คนเป็นหมอพยักหน้าตอบแทนมารดาของเด็กหญิง ทันทีที่รู้คำตอบเช่นนั้นกลางอกของจรัสพงศ์เหมือนกำลังมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบเคล้นให้เจ็บปวด
“เกล…พี่” จรัสพงศ์พูดได้แค่นั้นและเขาก็หาเสียงตัวเองไม่เจอ ก่อนจะก้มหน้าลงและไอโขลกออกมาเพราะหายใจไม่ทัน พยาบาลเข้ามาชาร์จตัวเขาและหยิบสายออกซิเจนสวมใส่ให้
ร่างสูงนอนราบไปกับเตียงมีใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด เกลวลินเห็นภาพนั้นแล้วก็ได้แต่กำมือแน่น แววตาขอลุแก่โทษมองมาทางเธอไม่วางตา แต่ใจของหญิงสาวร้อนรุ่มราวกับมีไฟแผดเผา
“เกลไอ้เจคมันไม่ได้ตั้งใจหรอก…คนขายไอติมเป็นพนักงานพาร์ตไทม์น่าจะไม่รู้เรื่องส่วนผสม ในไอติมมีอัลมอนด์ผสม มันกับลูกสาวเธอก็แพ้ด้วยกัน…แพ้เหมือนกัน”
คำพูดของโคลเพื่อนสนิทราวกับย้ำชัดในความจริง
เกลวลินถึงกับเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น กลีบปากอวบอิ่มยกเยาะและตวัดสายตากลับมามองคนที่นอนหายใจรวยริน
“ถ้าลูกฉันเป็นอะไรไปฉันไม่เอาคุณไว้แน่!”