เรื่องงามหน้า
เว่ยกงเยว่ในตอนนี้ มิใช่หนุ่มน้อยเหมือนแต่ก่อน เขากลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัว ใบหน้าหล่อเหลาคมคายขึ้นอีกหลายส่วน เรือนกายแข็งแกร่ง ช่วงขายาวในยามก้าวเท้าหนักแน่นมั่นคง หากมิใช่เพราะมีนิสัยร้ายกาจ คงมีหลายตระกูลที่อยากได้เขาเป็นบุตรเขย แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีหญิงสาวมากมายยอมพลีกายให้อยู่ดี
ขณะเดียวกันนั้น จิ่นเซียวที่แอบตามอวี้จิ้นมา รีบกลับไปรายงาน
เสวียนหรงเริ่มมีสีหน้าเย็นชา หากแต่เขายังรู้มารยาท จึงมิได้เดินตามเข้าไป ได้แต่หันไปเตือนสติเซียวหยางป๋อ “ท่านจะไม่ตามไปดูหน่อยหรือ ที่นั่นมีแต่อิสตรี ปล่อยเขาเข้าไปคนเดียวเช่นนี้ คงไม่ดีกระมัง”
“โอ้ ข้าจะรีบตามไปเดี๋ยวนี้” หยางอวี้เซิ่งพึ่งจะตั้งสติได้ รีบเดินตามไปทันที
ทางด้านอวี้ฮวา หลังจากที่รู้ว่าเว่ยกงเยว่กำลังจะมา กลับมิได้มีท่าทีแปลกใจ คนผู้นั้นเคยตามนางไปถึงทางใต้ หากวันนี้ไม่มาปรากฏตัวสิแปลก อวี้ฮวาส่งสายตาให้จิ่นเซียว พริบตาเดียวร่างของจิ่นเซียวพลันเซถลาล้มไปทางสาวใช้ที่กำลังยกน้ำแกงเข้ามา น้ำแกงถ้วยนั้นคว่ำลงบนร่างของอวี้ซื่อพอดิบพอดี หลายคนร้องด้วยความตกใจ
“คุณหนู!” ซูหยุนรีบเข้ามาดูเจ้านาย
“บ่าวขออภัยเจ้าค่ะ บ่าวไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เจ้าค่ะ” จิ่นเซียวกับสาวใช้อีกคน รีบคุกเข่าโขกศีรษะ
อวี้ฮวาคว้ามือน้องสาวขึ้นมาดู เห็นว่าถูกน้ำแกงลวกจนเป็นรอยแดง รีบดึงมือนางให้ลุกขึ้น “เจ้าถูกน้ำแกงลวกแล้ว รีบกลับเรือนกับข้า หากไม่รีบรักษาคงได้เกิดแผลเป็นแน่”
อวี้ซื่อถูกน้ำแกงลวกจริง แต่นางคิดว่ามันไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่อวี้ฮวากล่าว จึงตั้งใจจะปฏิเสธ เพื่อจะกลับไปที่เรือนตัวเอง ทว่าอวี้ฮวากลับไม่ยอมให้นางได้เอ่ยปาก ก็รีบจูงมือนางให้เดินตามไป
พอเห็นว่าซูหยุนจะตามมา อวี้ฮวาหันไปสั่งให้นางกลับไปเอาชุดที่เรือนมาให้อวี้ซื่อเปลี่ยน อวี้ซื่อถูกพี่สาวพาไปที่เรือนรุ่ยซิ่นตามลำพัง
ฮูหยินเซียวหยางป๋อหันไปตำหนิสองสาวใช้ ก่อนจะไล่ให้พวกนางออกไปพ้นหน้า แต่จิ่นเซียวกลับมิได้ไปไหนไกล เพียงออกไปดักรอเว่ยกงเยว่
เรือนรุ่ยซิ่นของอวี้ฮวาอยู่ไม่ไกลสวนตะวันออก เดินไม่ถึงห้าสิบก้าวก็ถึงแล้ว
อวี้ฮวาจับจูงอวี้ซื่อตรงไปยังห้องนอน “น้องสี่ ถอดชุดออกก่อนเถิด จะได้ดูว่ามีตรงไหนถูกลวกบ้าง พี่ใหญ่ออกไปเอายาสักประเดี๋ยว ใช้เสื้อคลุมบนหลังฉากคลุมกายไปก่อน”
อวี้ซื่ออยากจะปฏิเสธ แต่คิดแล้วว่าทำไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะดูเหมือนอีกคนจะไม่ยอมฟัง จึงทำตามที่อวี้ฮวาบอกให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวไป
อวี้ฮวาออกจากห้อง ตรงไปเก็บสมุนไพรในแปลงที่นางปลูกเอาไว้หลังเรือน
ส่วนจิ่นเซียวหลังจากที่บอกกล่าวเว่ยกงเยว่ว่าเจ้านายอยู่ที่เรือนแล้ว ค่อยไปรายงานหยางฮูหยินกับท่านป๋อที่พึ่งมาถึงว่าเว่ยกงเยว่บุกไปถึงเรือนรุ่ยซิ่น จากนั้นกลับไปรายงานเสวียนหรงซื่อจื่อ ทำให้แขกเหรื่อทั้งงานรู้กันทั่ว ว่าเว่ยกงเยว่ไปที่เรือนคุณหนูจวนป๋อ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นคุณหนูคนใด
เรื่องการหมั้นหมายมิได้ประกาศออกไป วาจาของเว่ยกงเยว่เมื่อครู่ ย่อมทำให้หลายคนเกิดความสงสัย
กลุ่มคนที่เดินตามท่านป๋อกับหยางฮูหยินมา มีทั้งคนอยากไปดูความโชคร้ายของผู้อื่น และมีทั้งคนเป็นห่วงกังวล
คนทางฝั่งเสวียนหรงตามมาสมทบอีกกลุ่มหนึ่ง
ในเรือนรุ่ยซิ่น เว่ยกงเยว่เห็นเงาร่างบอบบางอยู่หลังฉาก คิดว่าเป็นอวี้ฮวา ก้าวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวนาง
ส่วนผู้ที่อยู่ๆ ถูกสวมกอดจากทางด้านหลังโดยไม่ทันตั้งตัว ตกใจจนหน้าซีดเผือด
เขายกตัวนางขึ้นทั้งอย่างนั้น พาเดินออกจากหลังฉาก อวี้ซื่อสวมเพียงเสื้อคลุมตัวเดียวไม่กล้าดิ้นรนมากนัก นางกำลังจะอ้าปากพูดบางอย่าง เว่ยกงเยว่เองก็กำลังจะอ้าปากพูดบางอย่างเช่นกัน ทว่าประตูกลับถูกผลักเข้ามาเสียก่อน ปากทั้งสองจึงได้เพียงอ้าค้างอยู่อย่างนั้น
เสวียนหรงที่กำลังเดือดดาลพอเห็นภาพตรงหน้าถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ ความรู้สึกขมปร่าในลำคอผุดขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ ราวกับคนพึ่งจะเห็นภรรยาอยู่กับชายชู้
ส่วนเซียวหยางป๋อได้แต่ระบายลมออกปาก นึกโล่งอกที่ไม่ใช่อวี้ฮวา หยางฮูหยินเป็นคนเดียวที่มองเส้นสนกลในออก เพราะนางอยู่ในเหตุการณ์น้ำแกงหกมาโดยตลอด
แขกที่ตามมา มีความคิดหลากหลาย แต่ที่มากสุดคือความสงสัย ว่าเด็กสาวไร้ยางอายผู้นี้คือใคร ดูจากท่าทางสนิทสนมของทั้งคู่ เหมือนจะเคยกระทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่าเว่ยกงเยว่มิได้มาหาเรื่อง แต่เป็นนัดแนะกับนางไว้แล้ว บุตรสาวท่านป๋อคนนี้ช่างทำงามหน้าเสียจริง กล้านัดแนะบุรุษมาพลอดรักกลางงานเลี้ยงของพี่สาว
“น้องสี่?” อวี้จิ้นเปล่งเสียงออกมาได้ถูกเวลาอย่างยิ่ง ครั้นแล้ว นางพลันรีบยกมือปิดปาก ทำท่าตกอกตกใจ
อวี้หรัวส่งสายตาให้อวี้เจียวกับอวี้หลุนลากนางออกไป เพราะเกรงว่าความไร้สมองของนางจะทำให้เรื่องเลวร้ายไปกว่านี้ อวี้หรัวมิได้ห่วงอวี้ซื่อ หากแต่ห่วงหน้าตาของตนเอง ดึงขนเส้นเดียวกระเทือนไปทั้งร่าง เกรงว่าอวี้จิ้นจะไม่กระจ่างถึงความหมาย
อวี้ซื่อหาเสียงตัวเองอยู่พักหนึ่ง นางไม่รู้ว่าจ้องตากับเสวียนหรงซื่อจื่ออยู่นานเท่าใด กระทั่งเขาสะบัดหน้าเดินออกไป นางถึงเปล่งเสียงออกมาได้ “คุณชาย ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ช่วยปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่” น้ำเสียงของนางบ่งบอกว่าทดท้อต่อชีวิตจนน่าตกใจ
ทว่าปฏิกิริยาตอบสนองของเว่ยกงเยว่หลังจากนั้น กลับน่าตกใจยิ่งกว่า เพราะเขาถึงกับผลักนางกระเด็นออกไปราวกับนางเป็นสิ่งของน่ารังเกียจ
“โอ๊ย!” ร่างของอวี้ซื่อกระเด็นไปกองอยู่แทบเท้าของเซียวหยางป๋อ ตามมาด้วยเสียงตวาดของเว่ยกงเยว่ “นางอยู่ที่ใด!” ตอนนี้เขามีโทสะแล้วจริงๆ
“เกิดอะไรขึ้น” อวี้ฮวาแหวกฝูงชนเข้ามาอย่างรู้จังหวะ เบื้องหลังยังมีเสวียนหรงตามกลับเข้ามา พอนางเห็นสภาพภายในห้อง พลันรีบเข้าไปประคองน้องสาว
เกาหย่วนเห็นว่าอวี้ฮวาปลอดภัย จึงประคองมารดากลับเข้าไปในงาน
แขกเหรื่อคนอื่นก็เช่นกัน เรื่องอับอายขายหน้าเช่นนี้ ชมดูพอสมควรได้ แต่มิควรอยู่นาน
สู่ชิงหร่วนกระซิบบอกอวี้หรัวให้ออกไปดูแลแขกก่อน อย่างน้อยรักษาหน้าจวนป๋อไว้ได้ครึ่งหนึ่งก็ยังดี ความคิดของฮูหยินเซียวหยางป๋อเป็นเช่นนี้
เกาฮูหยินเป็นคนคิดอ่านรอบคอบ นางจำได้ว่าอวี้ฮวาเป็นคนชวนน้องสาวมาที่เรือน ฉะนั้นเรือนหลังนี้ ย่อมต้องเป็นของอวี้ฮวา เว่ยกงเยว่โผล่มากระทำเรื่องเช่นนั้นในเรือน มันหมายความว่าอย่างไร คิดแล้วนางก็หันไปเอ่ยกับบุตรชายเสียงเบา “เรื่องนี้มันดูไม่สมเหตุสมผลเลย ที่เด็กคนนั้นเข้าไปอยู่ในเรือนของฮวาเอ๋อเพราะนางพึ่งจะถูกน้ำแกงลวก ส่วนคุณชายเว่ยนั่นมาได้อย่างไร” พูดแล้วเกาฮูหยินก็มีท่าทางครุ่นคิด
“เรื่องของผู้อื่น ท่านแม่อย่าได้เก็บมาใส่ใจเลยขอรับ โชคดีแล้วที่มิใช่ฮวาเอ๋อ” เกาหย่วนกล่าว
เกาฮูหยินหันไปมองบุตรชาย นึกอยากจะพูดอะไรต่อ แต่เห็นแววตาลุ่มหลงที่เขามีต่ออวี้ฮวา จึงมิกล่าวอันใดอีก
ตั้งแต่ที่ถูกประคองขึ้นมา อวี้ซื่อทำเพียงแค่มองหน้าอวี้ฮวา ราวกับในห้องมีเพียงพวกนางสองคน หากแต่อวี้ฮวากลับรู้ว่าสายตาที่มองมานั้นต้องการจะสื่อถึงอะไร เพียงแต่นางไม่สนใจเท่านั้นเอง วันนี้หากนางไม่ลงมือกับอวี้ซื่อ คงเป็นนางที่เสื่อมเสีย นางมาไกลถึงเพียงนี้แล้ว มิอาจปล่อยให้เว่ยกงเยว่มาทำลายได้
เว่ยกงเยว่กำลังจะก้าวเข้ามาหาอวี้ฮวา แต่ถูกเสวียนหรงขวางเอาไว้ “เว่ยกงเยว่สำรวมหน่อย นี่เป็นเรือนของท่านหญิงขั้นหนึ่ง ฐานะของนางสูงกว่าเจ้า!”
“ข้าจะคุยกับคู่หมั้น เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย!” เว่ยกงเยว่โต้กลับเสียงเย็นชา
“หากเจ้าอยากคุยกับคู่หมั้นมากถึงเพียงนั้น ข้าจะจัดงานแต่งให้” วาจานี้กลับมิใช่ของเสวียนหรงซื่อจื่อ แต่เป็นของอันหย่งโหวที่พึ่งจะเดินพ้นประตูเข้ามา หลังจากที่มีคนไปส่งข่าว ท่านโหวรีบออกจากจวนมาทันที อันที่จริง เขาชินชากับพฤติกรรมของบุตรชาย จนคร้านจะมีโทสะเสียแล้ว
“ท่านพ่อมาได้อย่างไรขอรับ” เว่ยกงเยว่ถามบิดาเสียงอ่อย กระทั่งใบหน้าที่ราวกับจะฆ่าคนเมื่อครู่ยังหายไปในพริบตา ถึงจะมีนิสัยเลวร้ายเพียงใด แต่นับว่าเขายยังเกรงกลัวบิดาอยู่
“เฮอะ! หากข้าไม่มา จะเห็นเรื่องชั่วช้าที่เจ้ากระทำหรือ” อันหย่งโหวถลึงตาใส่บุตรชาย ก่อนจะสะบัดชายแขนเสื้อใส่ หันไปค้อมกายประสานมือกล่าวขออภัยเซียวหยางป๋อ
สายตาของท่านโหวไปตกอยู่บนร่างของดรุณีน้อยทั้งสอง เห็นว่าอาภรณ์ของอวี้ซื่ออยู่ในสภาพไม่เหมาะสมที่จะอยู่ต่อหน้าผู้คน จึงเลื่อนสายตามามองเซียวหยางป๋ออย่างนึกตำหนิ จนป่านนี้แล้ว กลับไม่มีผู้ใดคิดจะหาเสื้อคลุมมิดชิดมาคลุมให้นาง ไม่รู้ว่าคนพวกนี้ตั้งใจหรือไม่ทันคิดกันแน่ “ท่านป๋อ ท่านคิดจะปล่อยให้บุตรสาวอยู่ในสภาพเช่นนี้อีกนานเท่าใด”
หยางอวี้เซิ่งพึ่งจะนึกขึ้นได้ รีบส่งสายตาให้อวี้ฮวาพาอวี้ซื่อหลบเข้าไปหลังฉาก รอให้พวกนางไปแล้ว อันหย่งโหวถึงได้เอ่ยปากอีกครั้ง
“ในเมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ข้าจะรีบให้คนไปดูฤกษ์ คิดว่าภายในสิบห้าวัน ทางจวนป๋อจะตระเตรียมงานแต่งทันหรือไม่” อันหย่งโหวหันไปถามเซียวหยางป๋อ
หยางอวี้เซิ่งเกือบจะลืมไปแล้ว ว่าอวี้ซื่อมีสัญญาหมั้นหมายกับเว่ยกงเยว่ เพราะตั้งแต่ที่แลกเปลี่ยนวันเดือนปีเกิดเมื่อสองปีก่อน ไม่มีใครพูดถึงอีก พอถูกท่านโหวเอ่ยถาม ถึงพึ่งนึกได้ แต่เขาเป็นบุรุษ ย่อมไม่ทราบเรื่องจัดงานพวกนี้ ได้แต่หันไปถามภรรยา “ฮูหยิน เจ้าว่าอย่างไร”
“ไม่น่าจะทันเจ้าค่ะ หากสักเดือนหนึ่ง คงพอได้” หยางฮูหยินตอบจากประสบการณ์ที่ตนแต่งงาน เพราะนางยังไม่มีประสบการณ์เป็นแม่งานให้บุตรสาว เรื่องที่จวนโหวมาหมั้นหมายอวี้ซื่อ นางพึ่งจะมารู้ตอนที่จวนโหวส่งแม่สื่อมาแลกเปลี่ยนวันเดือนปีเกิด อันที่จริงเรื่องนี้นางไม่ได้รู้สึกยินดีเท่าไหร่ หากให้ดีสมควรต้องเป็นอวี้ฮวาแต่งเป็นอนุมากกว่า แต่จะทำอย่างไรได้ เป็นนางเองที่ดูถูกลูกอนุอย่างอวี้ฮวามากเกินไป จนปล่อยให้นางได้ดิบได้ดีขนาดนี้
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนั้นเถิด วันนี้บุตรชายข้าสร้างเรื่องขายหน้าไว้มากแล้ว พวกท่านเองยังมีแขกเหรื่อที่ต้องดูแล เอาไว้พรุ่งนี้ ข้าจะพาบุตรชายมาขอขมาอีกที”
“เดี๋ยวก่อน” เว่ยกงเยว่พึ่งจะกล้าเปิดปาก หลังจากที่ยืนฟังมาพอสมควร “ท่านพ่อคงมิได้หมายความว่าจะให้ข้ารับผิดชอบแต่งกับนางกระมัง?”
“นาง? เจ้าหมายถึงผู้ใด” อันหย่งโหวถามกลับ
“ก็เด็กไร้ยางอายที่มาอยู่เรือนฮวาเอ๋อนั่นอย่างไรเล่า หากข้ารู้ว่าเป็นนาง มีหรือจะแตะต้อง ท่านพ่อ ท่านอย่าได้คิดเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเพราะเรื่องนี้ หากจะให้ข้ารับผิดชอบ ก็แค่รับนางเป็นอนุก็ได้แล้ว”
“หุบปาก!” อันหย่งโหวคิดว่าตนชินชา จนคร้านที่จะโมโหเจ้าลูกชายตัวดีไปนานแล้ว แต่ที่ไหนได้.... “คู่หมั้นของเจ้าคือหยางอวี้ซื่อมาแต่ไหนแต่ไร จะนับเป็นการเปลี่ยนตัวได้อย่างไร ข้าเป็นคนออกปากสู่ขอนางให้เจ้าเอง ตอนนี้เจ้าล่วงเกินนาง ข้าจะเร่งจัดงานแต่งให้เจ้าอีก เจ้ามีปัญหาหรือไม่!”
“ท่านพ่อ!” เว่ยกงเยว่ยังคิดจะโต้เถียง หากแต่ถูกบิดาจับจ้องด้วยสายตาเย็นเยียบ เลยจำต้องหุบปาก ได้แต่เอาโทสะทั้งหมดไปจดบัญชีแค้นไว้กับอวี้ซื่อ
ในระหว่างที่สองพ่อลูกตระกูลโหวกำลังถกเถียงกัน ไม่มีผู้ใดสังเกตว่าเซียวหยางป๋อหลบไปยืนเบื้องหลังเสวียนหรงซื่อจื่อ
เพราะเรื่องเปลี่ยนตัวอวี้ฮวา ทำให้หยางอวี้เซิ่งหวาดระแวง กลัวว่าเว่ยกงเยว่จะหันมาเอาความกับตนแทน
เสวียนหรงยังคงยิ่งนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ได้กล่าววาจาสอดแทรก เพียงมองเว่ยกงเยว่ด้วยสายตาไม่บ่งบอกอารมณ์
อันหย่งโหวลากตัวบุตรชายกลับไปหลังจากนั้น
ตลอดเวลาที่อวี้ซื่อยืนอยู่กับอวี้ฮวาหลังฉาก นางมีสีหน้าเรียบเฉยมาโดยตลอด ราวกับว่าเรื่องที่คนข้างนอกพูดคุยกันมิใช่เรื่องเกี่ยวกับตน กลับเป็นอวี้ฮวาเสียอีกที่มีสีหน้ากังวลจนปิดไม่มิด
ซุนอี๋เหนียงมาถึงรีบยอบกายให้คนในห้อง ก่อนจะเดินเข้าไปดูอวี้ซื่อพร้อมกับซูหยุน ขณะนั้น เสวียนหรงกับเซียวหยางป๋อกำลังจะเดินออกจากเรือนพอดี ตอนที่อวี้ฮวาออกมาจึงพบเพียงหยางฮูหยิน
“เรื่องเดียวที่ข้าเสียใจมาจนถึงตอนนี้ คือมิได้เอาขี้เถ้ายัดปากเจ้าให้ตาย แม่เป็นเช่นไร ลูกช่างเป็นเช่นนั้นจริงๆ เจ้าคิดว่าทำให้นางเสื่อมเสียแล้ว ตัวเจ้าจะไม่ได้รับผลกระทบกระนั้นหรือ? คอยดูไปเถิด” สู่ชิงหร่วนพูดจบก็ก้าวออกจากเรือนไปอีกคน
อวี้ฮวามิได้เก็บคำพูดของหยางฮูหยินมาใส่ใจ เพียงนั่งลงบนตั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
เรื่องงามหน้าของลูกอนุลำดับที่สี่ของจวนเซียวหยางป๋อ ไม่นานก็โด่งดังไปทั่วเมืองหลวง ลือกันไปว่า คนที่เว่ยกงเยว่หลงรัก แท้จริงแล้วคือท่านหญิงอวี้ฮวา แต่ถูกน้องสาวขี้อิจฉาอย่างหยางอวี้ซื่อล่อลวง จนเว่ยกงเยว่ต้องแต่งงานกับนาง
อวี้ฮวากลายเป็นท่านหญิงผู้น่าสงสารที่ต้องมามีน้องสาวเช่นนี้ ยิ่งชื่อเสียงของอวี้ซื่อยับเยินมากเท่าไหร่ ผู้คนยิ่งเห็นใจอวี้ฮวามากเท่านั้น
