บทที่ 2 เยี่ยมเยือนจวนโหว
บทที่ 2 เยี่ยมเยือนจวนโหว
ฮูหยินหลิวอิ๋งเอ่ยถามเสียงเข้ม สองพ่อลูกมองหน้ากันเลิ่กลั่ก หลิวอิ๋งผู้เป็นภรรยาที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยอย่างมีโทสะ
"ข้ารู้นะว่าพวกท่านจะพากันไปที่ใด!!! บัดซบนัก ต้นผักกาดของข้าเฉาตายหมดเพราะพวกท่าน!!!"
"ฮูหยิน ให้อภัยข้าเถิด ครานั้นข้ารีบชัก มันจึงพุ่งไปโดนผักกาดของเจ้า!!!"
"หึ!!! คิดว่าข้าไม่เห็นหรือ!!! พวกท่านสองพ่อลูกแข่งกันชัก ข้าเห็นกับตา!!!"
"ข้าไม่ได้ตั้งใจนี่นา!!! มันแข็งขึ้นมากะทันหันจะให้ข้าทำเช่นไรเล่า!!!"
"ท่านพ่อท่านแม่พอเถิด!!! อายบ่าวไพร่บ้างเจ้าค่ะ!!!"
จ้าวไป๋ลู่รีบเอ่ยยับยั้งบิดาและมารดาของตนทันที ก่อนจะหันไปมองจ้าวเฉียนที่มีท่าทีกระอักกระอ่วนเช่นเดียวกัน
"ช่างหัวมันสิ!!! คนที่ต้องอายคือพ่อเจ้า ผักกาดของข้ากำลังงอกงาม กลับตายเพราะน้ำบัดซบของเขา!!!"
"ก็บอกว่าไม่ได้ตั้งใจชักมันจำเป็น!!!"
"กล้าเถียงข้าหรือ!!!"
"ฮูหยิน!!!"
โครม!!!
จ้าวเยียนและจ้าวเฉียนสะดุ้งโหยง ด้านจ้าวไป๋ลู่นั้นนางทำได้เพียงยกมือขึ้นเกาหน้าผาก ก่อนจะมองภาพอาหารบนโต๊ะที่ถูกท่านแม่พังโครมหกเลอะเทอะอย่างอับจนหนทาง
บัดซบเถิดไม่ต้องกินแล้วข้าวเย็น!!!
"ท่านตั้งใจชัก!!!"
"ข้าไม่ได้ตั้งใจมันแข็งเอง!!!"
"ท่านชัก!!!"
"โธ่ฮูหยิน เดิมทีข้ากับอาเฉียนเพียงตั้งใจเล่นว่าวที่ฝ่าบาททรงประทานให้ข้าเพียงเท่านั้น ผู้ใดจะรู้ว่าสายว่าวกลับแข็งขึ้นมากะทันหัน ข้าจึงรีบชักสายมัน ข้าไม่ได้ตั้งใจ มือข้าเลยพลัดไปโดนถังน้ำสกปรก จนมันหกราดรดต้นผักกาดเจ้าจนเฉาตาย!!! นี่ข้ากับอาเฉียนก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมเก็บว่าวอันใหม่ที่เพิ่งทำเสร็จวางเอาไว้ที่ด้านหลังจวน จึงจะไปเก็บ เจ้าก็ระงับโทสะหน่อยเถิด!!!"
จ้าวเยียนพยายามอธิบายให้ภรรยาเข้าใจ เมื่อสองสามวันก่อน ฝ่าบาททรงพระราชทานว่าวให้ข้ารับใช้ได้ละเล่นแก้เบื่อ เขาก็ได้มาเช่นกันจึงชักชวนบุตรชายเล่น ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุมิคาดฝันเช่นนี้
จ้าวไป๋ลู่ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วตนเองก่อนจะครุ่นคิดในใจ
โธ่! ท่านพ่อ แทนที่จะพูดให้ละเอียดข้าก็คิดไปไกลเลย!!!
แล้วท่าทีโล่งใจของบ่าวไพร่คือสิ่งใดกัน หรือพวกเขาคิดว่าท่านพ่อและพี่ใหญ่...
วะฮ่า ๆ ๆ ๆ นางก็คิดว่าท่านพ่อและพี่ใหญ่ชัก...
ช่างมันเถิด! เย็นนี้กินข้าวกับน้ำมันพริกแก้ขัดไปก่อนก็แล้วกัน!
ยามนี้เข้าสู่ช่วงกลางฤดูเหมันต์ อากาศจึงค่อนข้างเหน็บหนาวเป็นอย่างยิ่ง จ้าวไป๋ลู่กำลังนั่งอยู่ในรถม้า มือทั้งสองข้างของนางกอดเตาผิงเอาไว้เพื่อช่วยให้ความอบอุ่น ชุดคลุมขนจิ้งจอกที่มารดาสั่งตัดให้นาง ยังช่วยเพิ่มความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี
ฮูหยินหลิวอิ๋งยื่นมือไปเปิดผ้าม่านออกเล็กน้อย ก่อนจะหันมาเอ่ยกับจ้าวไป๋ลู่
"ไป๋ไป๋ ยามเมื่อถึงจวนโหวแล้ว เจ้าจงรักษากิริยาให้ดี สิ่งใดควรมิควรต้องจดจำให้ขึ้นใจ"
"เจ้าค่ะท่านแม่ โอ๊ะ!!! ฮ่า ๆ ๆ ๆ มันร่วงจากปากข้า ฮ่า ๆ ๆ ๆ"
จ้าวไป๋ลู่กำลังอ้าปากงับถังหูลู่ที่สาวใช้ส่งมาให้ แต่ทว่ามันกลับร่วงลงจากปากของนางไปเสียแล้ว นางจึงเผลอหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน แต่ทว่าเมื่อหันไปพบกับสายตาเย็นเยียบของผู้เป็นมารดา นางจึงยกมือขึ้นปิดปากตนเองทันที
ท่านแม่ของนางดีไปหมดทุกสิ่งอย่าง เสียอย่างเดียวคือเป็นสตรีที่ค่อนข้างเจ้าระเบียบ ท่านพ่อเคยบอกกับนางว่า เพราะท่านแม่มาจากตระกูลชาวนา ยามเมื่อมีหน้ามีตาจึงเกรงว่าจะทำให้ท่านพ่อขายหน้าเอาได้ ท่านแม่จึงตั้งใจศึกษากฎระเบียบและกิริยาของสตรีชั้นสูงอย่างเคร่งครัด
ให้ตายเถิด! นางอึดอัดที่สุดเลย
"เอ่ยยังมิทันขาดคำ เจ้าก็เป็นเช่นนี้เสียแล้ว เป็นสตรีเหตุใดจึงอ้าปากหัวเราะเช่นนั้น น่ารังเกียจยิ่งนัก"
ยิ่งบ่นด่าบุตรสาวนางก็ยิ่งโมโห เมื่อสองปีก่อน จ้าวไป๋ลู่เป็นสตรีที่เรียบร้อยอ่อนหวานกิริยางดงาม เหตุใดพอเริ่มเติบโตกลับเป็นเช่นนี้ไปเสียได้
"ท่านแม่ ข้าจะไม่หัวเราะอีกแล้ว"
"หึ!!! เอาเถิด เมื่อไปถึงจวนโหวแล้ว แม่จะพาเจ้าไปทำความเคารพองค์หญิงหงลี่"
ฮูหยินหลิวอิ๋งเอ่ยเพียงเท่านี้ไม่ได้เอ่ยวาจาใดต่อ แท้จริงแล้วในจดหมายขององค์หญิงหงลี่นั้น มิได้เพียงชวนพวกนางสองแม่ลูกมาชมดอกเหมยเพียงอย่างเดียว แต่กลับจะเจรจาทาบทามสู่ขอจ้าวไป๋ลู่ให้แต่งงานกับบุตรชายของตน
นางเองมิใช่ว่าไม่ดีใจ นางดีใจมากเสียด้วยซ้ำที่องค์หญิงให้เกียรตินางให้เกียรติตระกูลจ้าวถึงเพียงนี้ แต่เมื่อมองเห็นท่าทีเดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวหัวเราะของบุตรสาว นางก็ปวดใจยิ่งนัก
รถม้าหยุดลงที่หน้าประตูจวนโหวตระกูลหลี่ ฮูหยินหลิวอิ๋งและจ้าวไป๋ลู่ก็เดินลงมาจากรถม้า มีสาวใช้มารอต้อนรับ ก่อนจะพาพวกนางสองแม่ลูกตรงเข้าไปในเรือนใหญ่ทันที
เสียงพิณบรรเลงบทเพลงชวนเคลิบเคลิ้ม จ้าวไป๋ลู่มองดูรอบจวนด้วยความตื่นเต้น ที่นี่ปลูกต้นไม้ดอกไม้ไว้เต็มไปหมด แต่ยามนี้เห็นทีคงจะมีเพียงดอกเหมยที่ออกดอกบานสะพรั่งสวยงาม จ้าวไป๋ลู่ยื่นมือไปรองหิมะที่โปรยปรายลงมาก่อนจะเผยรอยยิ้มจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้างของนาง
เดินต่ออีกสักพักก็มาถึงเรือนใหญ่ ยามนี้มีเหล่าคุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์มากมายกำลังร่วมชมดอกเหมยและรับฟังบทเพลงจากพิณที่ขับกล่อมชวนเสนาะหู
"อิ๋งเอ๋อร์เจ้ามาแล้ว"
"ถวายพระพรองค์หญิงเพคะ"
"จะมากพิธีไปไยกัน รีบมานั่งกับข้า เอ่อ แล้ว นี่คือ..."
"ทูลองค์หญิง นี่คือ จ้าวไป๋ลู่ บุตรสาวของหม่อมฉันเพคะ"
"โอ้วว ไป๋ไป๋เติบโตถึงเพียงนี้แล้ว อีกทั้งยังงดงามมากอีกด้วย"
องค์หญิงหงลี่เอ่ยชมจ้าวไป๋ลู่มิขาดปาก จ้าวไป๋ลู่เองก็จำที่ท่านแม่สอนนางมาได้เป็นอย่างดี จึงทำความเคารพได้อย่างงดงามอ่อนช้อย จนองค์หญิงหงลี่พยักหน้าอย่างชื่นชม
ความสัมพันธ์ขององค์หญิงหงลี่และมารดาของจ้าวไป๋ลู่นั้นค่อนข้างสนิทสนม พวกนางเป็นสหายที่ดีต่อกันมาตั้งแต่วัยเยาว์
เมื่อยี่สิบปีก่อน องค์หญิงหงลี่ตกหลุมรักซื่อจื่อจวนโหว ซึ่งก็คือสามีของนางในยามนี้ นางจึงออกจากวังไปตามหาเขา แต่ระหว่างทาง กลับถูกพวกบ้าตัณหาคิดฉุดคร่าลวนลาม โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากหลิวอิ๋งและครอบครัว นางจึงรอดพ้นหายนะครานั้นมาได้ ความช่วยเหลือนี้ก่อเกิดความสัมพันธ์ที่ดีเสมอมา ทำให้พวกนางเป็นสหายรักกันนับตั้งแต่วันนั้น และยังสัญญากันเอาไว้ว่าหากมีบุตรสาวบุตรชายจะให้แต่งงานกันอีกด้วย
ท่าทีที่องค์หญิงหงลี่มีต่อนาง สร้างความริษยาให้แก่คุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ไม่น้อย โดยเฉพาะ หนิงเสวี่ย
หนิงเสวี่ยเป็นบุตรสาวของจวนตระกูลหนิง บิดาของนางเป็นถึงเสนาบดีกรมพระคลัง พี่ชายของนางก็เป็นบัณฑิตผู้เลื่องชื่อ สอบได้ที่หนึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังก้าวหน้า กำลังจะได้เป็นอาจารย์ในสำนักศึกษาหลวงกั๋วจื่อเจี้ยนอีกด้วย
และนางเองก็เป็นคนรักของหลี่รั่วหาน ซื่อจื่อแห่งจวนโหว คุณชายใหญ่แห่งจวนตระกูลหลี่ บุตรชายขององค์หญิงหงลี่
ท่าทีที่องค์หญิงหงลี่มีต่อสองแม่ลูกนั้นช่างอ่อนโยนและสนิทสนม ต่างจากทุกคราที่พบเจอนาง องค์หญิงหงลี่กลับเว้นระยะห่างจนนางมิอาจเข้าถึง