11 อายุต่างกันอาจมีปัญหา
สามเดือนแล้วที่เดนิสาเข้าออกบ้านของติณณภพราวกับเป็นบ้านของตนเองถึงแม้ว่าตอนนี้อาณัติจะไม่พาเพื่อนมากินเหล้าที่บ้านแล้วแต่หญิงสาวก็ยังคงไปนั่งอ่านหนังสือในห้องทำงานของเขาอย่างเคย
ความรู้สึกของเดนิสาที่มีต่อติณณภพในตอนนี้เธอคิดว่ามันคือความรัก และเธอมั่นใจว่าความรักที่มีกับชายหนุ่มนั้นมันไม่ใช่ความรักแบบอากับหลาน ในตอนแรกเดนิสาคิดว่าเหตุผลที่ตัวเองรักเขาเพราะเขาเป็นผู้ใหญ่ใจดี เมื่ออยู่ด้วยแล้วรู้สึกปลอดภัยแต่พอเวลาผ่านไปความรู้สึกที่มีให้ติณณภพมันก็เปลี่ยนเป็นความรักในแบบชายหญิงและอยากจะให้เขารักตอบ
ถึงแม้จะรู้ว่าในอดีตติณณภพจะเป็นผู้ชายที่เจ้าชู้และเป็นเพลย์บอยมาก่อนแต่ในเมื่อเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วเธอก็ไม่กลัวว่าเขาจะทำให้ตนเองเสียใจ
แต่เดนิสาก็ยังไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับเขาเพราะกลัวว่าถ้าบอกออกไปแล้วเขาจะไม่ให้เธอมาหาที่บ้านหลังนี้อีก
เดนิสารู้ว่าตอนนี้ติณณภพไม่ได้คบใครอยู่ แต่เธอก็ไม่รู้จะทำยังไงให้เขาสนใจเธอและมองเธอแบบคนรัก เพราะดูเหมือนเขาค่อนข้างจะเย็นชา และไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลย ที่รู้ว่าเขาไม่สนใจผู้หญิงเพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งเธอออกไปเดินซื้อของกับติณณภพและที่โรงพยาบาลโทรศัพท์มาตามให้เขาเข้าไปเพราะมีเคสด่วนที่จะปรึกษา ระหว่างนั่งรอเธอก็ได้พูดคุยกับพยาบาลที่ทำงานทำงานร่วมกับเขามานานจึงได้รู้ว่ามีสาวๆ หลายคนพยายามจะจีบหมอติณณภพแต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจใครเลย
เรื่องราวของติณณภพที่เธอได้ยินทำให้เดนิสาทั้งดีใจและกังวลใจไปในคราวเดียวกัน เธอดีใจที่เขาไม่ได้คบใครแต่ก็กังวลใจว่าเขาก็จะไม่คบเธอด้วยเหมือนกัน
“อาหมอคะรถของหนูมีปัญหาเย็นนี้อาหมอเลิกงานแล้วแวะมารับหนูที่มหาวิทยาลัยได้ไหมคะ” เดนิสาส่งข้อความไปหาเพราะเมื่อเช้าเธอขับรถมาที่มหาวิทยาลัยแล้วรถมีอาการแปลกๆ จึงโทรไปบอกให้ช่างที่ศูนย์เอาไปซ่อม
“ได้สิ เดซี่เลิกเรียนกี่โมง” เขาพิมพ์ตอบกลับมาหลังจากนั้นไม่ถึงห้านาที
“หนูเลิกเรียนบ่ายสามค่ะ”
“รออาหน่อยได้ไหมกว่าอาจจะออกจากโรงพยาบาลก็น่าจะ 5 โมงเย็นนั่นแหละ”
“ได้ค่ะเดี๋ยวหนูอ่านหนังสือรอค่ะ ถ้าอาหมอใกล้ถึงแล้วโทรบอกนะคะหนูจะไปรอที่หน้ามหาวิทยาลัย"
“เดซี่รออยู่ใต้ตึกนั่นแหละเดี๋ยวอาขับรถเข้าไปรับเองอย่าเดินออกมาข้างนอกเข้าใจไหม”
“ก็ได้ค่ะ งั้นหนูรออยู่ใต้ถุนอาคารนะคะ”
พอถึงเวลาเลิกเรียนเลยนิสาก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ถุนอาคารเรียนตามที่นัดไว้กับติณณภพ
“เดซี่ให้เราไปส่งไหม” เมลดาหรือโมเดลเพื่อนสนิทของเธออาสาจะมาจะไปส่ง
“ไม่เป็นไรหรอกบ้านเราไปคนละทางกันแล้ว”
“เดซี่กลับยังไง”
“เราให้เอาหมอมารับ”
“อาหมอที่เคยเล่าให้ฟังว่าอยู่ข้างบ้านใช่ไหม”
“อือ อาหมอคนนั้นแหละ”
“งั้นเราขออยู่เป็นเพื่อนด้วยนะ”
“ไม่รีบกลับแล้วเหรอโมเดล”
“ไม่หรอกเราอยากจะเห็นหน้าหมอของเดซี่จัง ได้ยินเดซี่พูดถึงอาหมอคนนี้มาหลายเดือนแล้วนะ”
“นั่นสิเราก็ขอนั่งรอด้วยคนนะ” อรอินทร์หรืออิ๊นซ์เพื่อนอีกคนก็นั่งลงด้วยเหมือนกัน
“เดซี่ชอบอาหมอใช่ไหม”
“ทำไมโมเดลถึงถามแบบนี้ล่ะ”
“ก็เราเห็นเวลาที่เดซี่พูดถึงอาหมอทีไรแววตาเป็นประกายทุกที ทำอย่างกับคนมีความรัก”
“โมเดลคิดว่าเราผิดไหม”
“ผิดตรงไหนไม่ใช่อาหลานกันจริงๆ สักหน่อย”
“แต่เรารู้สึกผิดนะ อาหมอเขาดีกับเรามากแต่เรากลับคิดกับอาหมอมากกว่าอากับหลาน”
“เรื่องนี้มันพูดยากนะถ้าใจตรงกันมันก็ดี แต่ถ้าอาหมอของ เดซี่ไม่ได้คิดอะไรกับเดซี่แล้ว เดซี่บอกความรู้สึกของตนเองออกไปเราก็กลัวว่าจะมองหน้ากันไม่ติด” อรอินทร์ออกความเห็นบ้าง
“เราก็คิดอย่างนั้นแหละอิ๊นซ์”
“สรุปว่าจะไม่บอกเขาใช่ไหม” เมลดาถามอย่างไม่เข้าใจเพราะถ้าเป็นเธอก็คงจะบอกความรู้สึกของตนเองออกไปให้อีกฝ่ายรู้
“เราคิดว่าไม่บอกดีกว่า”
“ถ้าวันหนึ่งอาหมอเขามีผู้หญิงคนอื่น เดซี่จะทนได้เหรอ”
“อย่าเพิ่งพูดให้เราใจเสียแบบนั้นสิโมเดล”
“เราก็แค่พูดเผื่อไว้”
“อาหมอหล่อไหม เดซี่มีรูปของอาหมอหรือเปล่าเราอยากเห็นหน้า”
“เรามีรูปที่ถ่ายเซลฟี่กับอาหมอไว้เมื่อวานก่อนรอแป๊บนะ”
เดนิสาหยิบโทรศัพท์ของตนเองขึ้นมาแล้วเปิดภาพที่ตนเองถ่ายคู่กับติณณภพขณะที่เดินเที่ยวด้วยกันให้กับเพื่อนดู
“โอ้โห อาหมอหล่อมากเลยนะเดซี่ อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย”
“อาหมออายุ 35 แล้ว”
“แต่ยังดูหน้าเด็กอยู่เลย ถ้าไม่บกก็คงคิดว่าอายุไม่ถึง 30 นะ แต่อาหมออายุ 35 เรา 20 ต่างกันตั้ง 15 ห้าปีเลยนะ ถ้าคิดจะคบเป็นแฟนก็คงยากหน่อย” เมลดาออกความเห็นเพราะอายุที่ห่างกันก็มักจะมีปัญหาตามมา
“ยากตรงไหนอายุ 35 นี่แหละกำลังดีเลย” อรอินทร์รีบแย้งเพราะตนเองนั้นมีก็ชอบผู้ชายที่อายุมากกว่าเหมือนกัน
“แล้วจะคุยกันรู้เรื่องเหรออายุห่างกันขนาดนี้”
“ต้องถามเดซี่ซิว่าคุยกับอาหมอรู้เรื่องไหม”
“ก็รู้เรื่องนะ”
“ที่บอกว่าคุยกันรู้เรื่องเนี่ย เราไม่ได้หมายถึงการคุยกันในชีวิตประจำวันนะเราหมายถึงหมายถึงไลฟ์สไตล์ด้วย ชอบฟังเพลงอะไรชอบกินอาหารแบบไหนชอบไปเที่ยวแบบไหน ถ้าคบกันกันจริงๆ เรื่องพวกนี้ก็ต้องทำด้วยกันอยู่บ่อยๆ”
“เรื่องฟังเพลงเราไม่รู้เพราะปกติแล้วอาหมอไม่ฟังเพลงส่วนเรื่องไปเที่ยวก็ไม่เห็นเอาหมอจะไปเที่ยวไหน มีอยู่อย่างเดียวที่เรากับอาหมอชอบเหมือนกันก็คือเรื่องการกิน” เดนิสาตอบไปตามความจริงแล้วเรื่องพวกนี้เธอก็ไม่เคถามติณรภพเลยสักครั้ง
“แต่เดซี่แน่ใจนะว่าอาหมอไม่ได้แอบมีแฟนไว้ที่ไหน คนอายุมากขนาดนี้แล้วยังอยู่เป็นโสดมันน่าคิดนะ”
“แน่ใจสิตั้งแต่เรารู้จักกับอาหมอมาสามเดือน ก็ไม่เคยเห็นอาหมอพาผู้หญิงมาที่บ้านหรือออกไปเที่ยวกับผู้หญิงที่ไหนเลยนะ”
“หรือเอาหมอของเดซี่จะเป็นเกย์”
"ไม่หรอกน่าเพราะแต่ก่อนอาหมอก็เคยมีแฟน เรื่องนั้นตัดทิ้งไปได้เลย”
“เดซี่ลองคิดดูดีๆ นะเราว่าอายุห่างกันเกินไปตอนนี้อาจจะยังไม่เจอปัญหาแต่ถ้าผ่านไปหลายๆ ปีปัญหาก็อาจจะตามมา เราเห็นหลายคู่แล้วที่อายุห่างกันตอนแรกก็คบกันรักกันดีหรอกแต่พอเวลาผ่านไปก็ต้องเลิกกัน อีกคนนึงเพิ่งจะเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งเข้าวัยกลางคน ความคิดเห็นและการใช้ชีวิตก็เริ่มต่างกันต่างกัน”
“ทำไมโมเดลพูดเหมือนมีประสบการณ์เลยล่ะหรือเคยมีแฟนอายุมากกว่า”
“ก็พ่อกับแม่เราไงแม่เราอายุ 40 ตอนนี้พ่อเราอายุ 60 แล้วสองคนนั้นทะเลาะกันเกือบทุกวันเพราะคนหนึ่งยังอยากไปเที่ยวส่วนอีกคนนึงก็เริ่มจะบ่นเพราะเหนื่อยและอยากอยู่บ้าน”
“แล้วเขาทะเลาะกันบ่อยไหม”
“ก็บ่อยอยู่เหมือกัน บางครั้งแค่เรื่องเล็กน้อยก็ทะเลาะกัน สักพักก็ดีกัน หวานใส่กัน คนกลางอย่างเราบางครั้งก็อึดอัด” เมลดาเอาเรื่อในครอบครัวมาบอกเพื่อนเพราะอยากให้มองถึงปัญหาที่จะตามมา
“ดซี่คิดว่าถ้าตัวเองเจอเหตุการณ์แบบนั้นจะรับได้ไหมล่ะ”
“โอ้ย...อย่าพึ่งพูดอะไรให้มันน่ากลัวเลยตอนนี้เรากับอาหมอยังไม่ได้เป็นอะไรกันเลย ยังไม่เคยบอกชอบกันด้วยซ้ำ”
“ชอบหรือไม่ชอบบางครั้งมันไม่ต้องบอกหรอกนะเดซี่สังเกตุอาการดูสิเขาหึงเราไหมเวลาเราคุยกับคนอื่นหรือเขาใส่ใจเราเป็นพิเศษมากกว่าคนอื่นไหม อาหมอของเดซี่เคยแสดงอาการแบบนั้นไหม”
“ไม่เลยอาหมอหน้านิ่งมาก” เดนิสาคิดถึงใบหน้านิ่งของติณณภพที่บางครั้งก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่มันไม่ใช่ปัญหาเพราะเธอเริ่มจะชินกับแล้วเพราะถึงเขาจะไม่ค่อยพูดไม่ค่อยถามก่อนแต่เวลาเธอมีเรื่องปรึกษาติณณภพก็ให้คำปรึกษาได้อย่างดี