T EP 8 : ต้องอยู่กับเขาสองคน
EP 8
...“มินตรา”..
คุณกร และเพื่อนของเขาก็คือคุณภูผานั่นแหละ ได้ออกไปในสวนกัน ซึ่งเราจะไปด้วยแต่เขาไม่ให้เราไป กลัวเราจะไม่สบายหนักกว่าเดิม ให้เราขึ้นมานอนพักเบอร์โทรหาคุณพ่อกับคุณแม่คุยวีดีโอคอลบ้างคิดถึงท่านจังไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องอยู่ที่นี่นานแค่ไหนไม่ได้รู้สึกเบื่อหรือว่าอะไรนะแต่แค่ไม่รู้จุดมุ่งหมายเท่านั้นเอง
ก๊อกๆๆ
“เชิญค่ะ”เรานั่งเล่นมือถืออยู่ที่เตียงก่อนที่จะได้ยินเสียงคนมาเคาะประตู และประตูเปิดเข้ามาโดยที่เป็นคนกร
“เป็นยังไงบ้างเอ่ย”เขาเดินก้าวเข้ามาหาเราจนถึงเตียง ก่อนที่จะนั่งลงข้างเรามองเราด้วยสายตาที่ห่วงใยพร้อมกับรอยยิ้มจึงทำให้เรายิ้มกว้างออกมาทันที
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ พ่อเลี้ยงเอ้ยคุณกรกลับมานานแล้วหรอ”
“ดูเหมือนว่าจะไม่ชินกับการเรียกอย่างนั้นเรียกพี่ไหมจะได้ชิน”
“ก็ได้ค่ะพี่กร”
“น่ารักไอ้เด็กดื้อ”มือขวาของพ่อเลี้ยงมาวางไว้บนหัวเราแล้วโยกเบาๆ พร้อมกับเรียกเราว่าอีเด็กดื้ออยากเป็นเด็กดื้อแบบนี้ไปตลอดจังบอกเลยว่าความรู้สึกของเราสามารถตอบตัวเองได้ว่าเราชอบเขา
“ดื้อตรงไหนคะไม่ดื้อสักหน่อย”
“เคไม่ดื้อก็ไม่ดื้อ พี่มีอะไรจะบอกพี่จะไปธุระต่างจังหวัด 3 วันมินตราอยู่ที่นี่กับไอ้ภูผานะ”ลองหันมามองหน้าพี่กรทันทีให้เราอยู่กับคุณภูผาหรอ
“ทำไมถึงให้มินตราอยู่กับคุณภูผาคะ พี่กรก็รู้ว่าคุณภูผาเขาไม่ชอบมินตราและเขาก็ชอบทำร้าย”
“พี่คุยกับมันแล้ว มันจะไม่ทำร้ายเราต่างคนต่างอยู่แค่อยู่บ้านด้วยกัน พี่ให้มันดูแลความปลอดภัยเฉยๆ พี่มีธุระจำเป็นที่จะต้องไปต่างจังหวัดจริงๆ แล้วถ้าพามินตรากลับบ้าน คุณพ่อของพี่ก็ต้องรู้ว่าพี่ไม่ได้อยู่กับมินตรา ช่วยพี่หน่อยนะ”พี่กรจับมือของเราทั้งสองข้างและมองหน้าเราด้วยสายตาที่อ้อนวอน เขาจะไปธุระต่างจังหวัด
“แล้วทำไมไม่ให้มินตราไปด้วยล่ะคะ”
“ไม่ได้จริงๆ แต่ถ้ามินตราอยู่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่เลื่อนทางโน้น”
“ไม่เป็นอะไรค่ะ มินตราอยู่ได้แต่แค่อยากให้เขามายุ่งกับมินตรา พี่กรไปเถอะ”เราเห็นเขามีท่าทีเหมือนกับเสียความรู้สึกเราเลยรีบบอกกับเขาว่าเราอยู่ได้
“จริงๆนะ”
“ค่ะ”
“งื่อน่ารัก”เขาเอามือมาจับแก้มของเราทั้งสองข้างพร้อมกับเอ่ยชมว่าเราน่ารักถ้ามีกระจกคงดูรู้เลยว่าเรากำลังแจ้งแดงเพราะว่าเขินเขาอยู่
“งื้อ”
“ฮ่าๆเดี๋ยวพี่จะไปวันนี้เลยนะ”
“ขับรถดีๆนะคะถึงแล้วโทรมาบอกด้วย”
“รับทราบครับ”เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็นหลังจากที่พี่กรเขาออกจากบ้านไปแล้วเราไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปต่างจังหวัดมาทำไมแต่ดูเหมือนว่าจะมีธุระจำเป็นจริงๆ เราไม่เคยออกจากห้องเลยนะ เรากลัวว่าจะต้องไปเจอคุณภูผาเราไม่อยากทะเลาะกับเขาและที่สำคัญไม่อยากเจ็บตัว
ก๊อกๆๆ ในตอนนี้มีคนมาเคาะประตูถ้าเป็นแม่บ้านเขาจะเรียกก่อน ได้ไหมตอนนี้พี่กรก็ไม่อยู่เหลือเพียงอยู่คนเดียวคือคุณภูผาหรือว่าเป็นเขา
“ใครหรอคะ”
“เปิดประตู”นั่นเป็นเสียงของเขาจริงๆด้วยเรากลืนน้ำลายลงคอ เรารู้สึกกลัวจริงๆนะแค่ได้ยินเสียงของเขาที่พูดเข้ามาก็ทำให้มือไม้ของเราสั่นไปหมดแล้ว
“คุณภูผามีอะไรหรือเปล่าคะ”
“บอกให้เปิดประตู”
“ไม่ค่ะ”
“กล้าลองดีหรอมินตรา เธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนยังไง”ถ้าเราไม่เปิดประตูเขามีกุญแจแล้วเขาเข้ามาได้นะเขาจะทำร้ายเราอีกไหมเราเลยตัดสินใจลุกขึ้นไปเปิดประตูให้กับเขา
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่รู้หน้าที่เลยหรอ ถึงเวลาทำไมไม่ลงไปทานข้าว”สายตาที่จ้องมองเราและคำที่เอ่ยว่าซึ่งแตกต่างจากในตอนแรกที่เขาเจอเรา
“ค่ะ”
“และทำไมจะต้องหลับตาด้วยกลัวฉันขนาดนั้นเลย”
“กลัวค่ะ”เมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้เราก่อนที่จะจับแขนของเรา แต่ไม่ได้กระชากเรารู้ตัวเองเลยว่าเราสะดุ้งและหลับตาไม่กล้ามองเขาด้วยซ้ำ
“มินตรา”
“ฮื่อๆอย่าทำอะไรมินตรา”เรารีบยกมือไหว้เขาเราไม่อยากเจ็บตัวบอกตามตรงนะว่าเราไม่ชอบผู้ชายที่ทำร้ายร่างกายผู้หญิงและเรามันเจอเองเรายิ่งกลัวแล้วก็ยิ่งเกลียด
“มินตราฉันไม่ได้ทำอะไรเธอ เธอเห็นหรือยังลืมตาขึ้นมาสิ”ตอนนี้ร้องไห้ไปแล้วแหละเขาบอกให้เราลืมตาเราก็ลืมตา
“ฮึ๊ก”
“ขอโทษ”พรึ่บ!จู่ๆเขาดึงเราเข้าไปกอดพร้อมกับคำขอโทษ เราไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปหน้าที่ดุน่ากลัวแต่กลับมาพูดดีและก็ยังขอโทษกับเราอีก
“คุณเป็นอะไรทำไม”เมื่อเขาคลายกอดเราออกเราถามเขาไปตรงๆว่าเขาเป็นอะไรทำไมถึงเปลี่ยนไปจนเราตั้งตัวไม่ทัน
“จริงๆแล้วฉันไม่ใช่คนที่เป็นอย่างที่เธอเห็นหรอกฉันยอมรับว่าฉันโมโหร้าย แต่แก้ตัวไปก็เท่านั้นแหละทำลงไปแล้วนี่ ฉันขอโทษได้ไหม”
“ขอโทษแล้วสิ่งที่คุณทำมันเอากลับคืนมาได้หรือเปล่า”ใช่ไอ้สิ่งที่เขาทำกับเราลงไปแล้วไม่สามารถกลับคืนมาได้
“หมายถึงเรื่องนั้นหรอให้ฉันรับผิดชอบไหม”
“ไม่ค่ะ ให้ทุกอย่างจบไปแบบนั้นดีแล้วแค่คุณอย่ามายุ่งกับฉันอีกต่างคนต่างอยู่”
“แล้วเธอเกลียดฉันไหม”
“ค่ะมินตราคงไม่ชอบคนที่ข่มขืนมินตราหรอก”
“อะอืมเค อย่างนั้นเราอยู่ที่นี่ตามหน้าที่ฉันมีหน้าที่มาดูแลเธอแทนภูผาเธอก็ต้องอยู่ที่นี่ตามหน้าที่ของเธอถึงเวลาฉันจะไป”
“ค่ะ”
“ลงไปทานข้าว”
“มินตราไม่หิวคุณทานเลย”
“อย่าดื้อเธอก็รู้ว่านิสัยของฉันเป็นยังไงฉันไม่ชอบพูดอะไรพร่ำเพรื่อ และที่สำคัญอย่ากวนฉันอย่าปั่นประสาทฉัน”
“มินตราบอกว่าไม่หิวนี่คือการปั่นประสาทของคุณหรอคะ”
“คำพูดที่เถียงของเธอนี่แหละ เฮ้อ เอาเป็นว่าไม่หิวก็ต้องลงไปทานจบนะแค่ไม่กี่วันก็อดทนอยู่กับฉันไปเถอะ”
“ค่ะ”เราลงมานั่งทานข้าวกับคุณภูผาโดยที่เราไม่คุยกับเขาสักคำแค่กินข้าว จนอิ่มเขาพยายามที่จะมองหน้าเราแต่เราไม่อยากคุยจริงๆ
“เหมือนกันนะเนี่ย”
“หิวคะ”
“อืมขึ้นไปอาบน้ำนอนเถอะ”
“คะ”เราอาบน้ำเสร็จใส่ผ้าขนหนูออกมากระจกอกเดินออกมาจากห้องน้ำแต่ต้องตกใจจนมือปิดหน้าอกของตัวเองไว้เตรียมของเรา
“คุณ”
“อ่อยฉันหรอ”
“เปล่านะคะ คุณออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้”
“ไม่ออกจะอยู่ในห้องเมีย”
“ใครเป็นเมียคุณ ออกไปจากห้องของมินตราเดี๋ยวนี้นะ”